เห็นมา เขียนไป

ทิวสน
เห็นมา เขียนไป 8 พฤศจิกายน 2568

อดีตผู้กำกับตำรวจใหญ่ท่านหนึ่งหลังจากเกษียณอายุราชการ

…ท่านได้ย้ายออกจากบ้านพักราชการแล้วมาอยู่ที่บ้านของตนเองที่ซื้อไว้ในชุมชนเงียบสงบแห่งหนึ่ง ท่านเป็นผู้ที่ภูมิใจในตำแหน่งเกียรติยศและผลงานในอดีตของตนเองมาก

…ทุกๆเย็นท่านจะไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน แต่ท่านไม่เคยเอ่ยปากทักใครก่อนไม่เคยชวนใครคุย

เพราะคิดว่า คนในละแวกนี้ไม่คู่ควรกับเกียรติของท่านและไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปผูกมิตรด้วย

…จนวันหนึ่ง ท่านมานั่งบนม้านั่งยาวในสวนแล้วก็มีชายชราคนหนึ่งเดินมานั่งข้างๆพยายามชวนคุย แต่ผู้กำกับไม่สนใจครับ หันไปพูดแต่เรื่องของตนเองพูดถึงแต่ตำแหน่งใหญ่โตที่เคยมีเกียรติยศที่เกิดและได้รับ

…และยังย้ำเสมอว่าบ้านที่ท่านย้ายมาอยู่เนี่ยไม่ใช่เพราะจนมุมหรอกนะแต่เพราะเขาซื้อเอาไว้เอง

…ภาพแบบนี้เกิดขึ้นหลายวัน ชายชราคนนั้นก็นั่งฟังเงียบๆไม่เคยแย้งไม่เคยขัด จนกระทั่งวันหนึ่งตอนเย็นชายชราคนนั้นเอ่ยขึ้นเบาๆว่า..

…ท่านผู้กำกับครับหลอดไฟนั้นมีค่าก็ต่อเมื่อมันยังส่องแสงสว่างแต่เมื่อมันดับไม่ว่ามันจะเป็น 10 วัตต์หรือ 100 วัตต์มันก็ไม่ต่างกัน

…เพราะมันจะเงียบงันไร้ค่าและถูกลืม ชายชราหยุดเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อว่า ผมอยู่ที่นี่มา 5 ปีแล้วไม่เคยบอกใครเลยว่าผมเองเคยเป็นสมาชิกรัฐสภา 2 สมัย

…ผู้กำกับได้ยินแบบนั้นสีหน้าเริ่มเปลี่ยนไป ชายชราพูดต่อด้วยน้ำเสียงสงบ เห็นท่านที่นั่งอยู่ข้างขวามือไหมครับ เขาคืออดีตผู้จัดการใหญ่ของการรถไฟ

…ส่วนคนที่กำลังคุยอยู่กับเขาคืออดีตนายพลทหารบกและคนที่เดินเงียบๆใส่ชุดขาวตรงโน้นคืออดีตประธานองค์การอวกาศ แต่พวกเขาไม่เคยเอ่ยถึงตำแหน่งไม่เคยพูดถึงเกียรติยศเลยเพราะพวกเขารู้ว่าสิ่งนั้นมันหมดความหมายไปแล้ว

…จากนั้นชายชราก็พูดอย่างแผ่วเบาแต่ชัดเจน สุดท้ายเราทุกคนก็เป็นเพียงหลอดไฟที่ดับแล้ว

…ไม่ว่าคุณจะเป็นหลอดเล็กหลอดใหญ่หลอด LED หรือหลอดประหยัดไฟ เมื่อไม่มีไฟฟ้ามันก็ดับ เหมือนกันหมด

…หลังเกษียณไม่ว่าคุณเคยเป็นผู้กำกับใหญ่หรือเป็นแค่ตำรวจธรรมดามันก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

…เขามองไปที่ท้องฟ้าแล้วพูดว่า แสงอรุณกับแสงอัสดงมันสวยงามทั้งคู่แต่ผู้คนมักกราบไหว้เฉพาะดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นไม่ใช่ดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า

…นี่แหละคือธรรมชาติของมนุษย์ที่เราต้องเรียนรู้และยอมรับมัน ตำแหน่งอำนาจเกียรติยศล้วนเป็นเพียงของชั่วคราว

ถ้าคุณยึดสิ่งเหล่านั้นมาเป็นตัวตนของคุณเพราะสุดท้ายไม่ว่าเราจะเคยได้รับกี่เหรียญรางวัลหรือกี่ใบก็ตาม

ประกาศนียบัตร ที่เท่าเทียมกันหมดนั่นก็คือใบมรณบัตร

ที่มา: ชมรมผู้เชี่ยวชาญชีวิต

FB: โต๊ะป้าศรี CH Table