เมื่ออเมริกาต้องยิ่งใหญ่ ไทยเตรียมรับมือ‘ทรัมป์’
เป็นอันว่าประธานาธิบดีที่เป็นสุภาพสตรีคนแรก ยังไม่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยเป็นสมัยที่ 2 กลับมาดำรงตำแหน่งผู้นำอีกครั้ง หลังพ่ายแพ้โจ ไบเดน แห่งพรรคเดโมแครต เมื่อปี 2563
น่าสนใจว่า เมื่อปี 2560 นั้น ทรัมป์ชนะฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต การเลือกตั้งครั้งนี้ เอาชนะกมลา แฮร์ริส จากพรรคเดียวกัน
สาเหตุที่เอาชนะ กลับมาครองตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ได้นั้น เนื่องจากชาวอเมริกัน เบื่อหน่ายโจ ไบเดน ที่ดำเนินนโยบายล้มเหลว แก้ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศไม่ได้
อีกทั้งการสนับสนุนยูเครนในสงครามยืดเยื้อกับรัสเซีย สงครามในอิสราเอล นอกจากนี้ ยังมีกรณีเกี่ยวกับผู้อพยพด้วย
ทำให้บรรดาชาวอเมริกันไม่พอใจ
ข้อเสนอที่จะทำให้อเมริกันต้องมาก่อน อเมริกาต้องกลับมายิ่งใหญ่ จึงโดนใจมาก
จุดชี้ขาดของการเลือกตั้งครั้งนี้ คือรัฐที่เป็น “สะวิงสเตต” หรือรัฐที่มีคะแนนสูสี ประกอบไปด้วย เพนซิลเวเนีย, จอร์เจีย, วิสคอนซิน, เนวาดา, มิชิแกน และนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งทรัมป์มีชัยเกือบทั้งหมด
จากนี้ไป ก็คงจะได้เห็นนโยบายต่างๆ ออกมา คาดว่าจะเปลี่ยนจากรัฐบาลที่ผ่านมาค่อนข้างมาก ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐหลังจากนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ไม่ว่าใครจะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศยังคงมั่นคง เข้มแข็ง มีความชัดเจน ร่วมมือกันอย่างดี เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
จากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐยังเหมือนเดิม อาจปรับเปลี่ยนบ้าง ขึ้นอยู่กับการพูดคุยกัน ที่ผ่านมาหลายระดับและหลายมิติทั้งรัฐบาล จีทูจี เอกชนกับเอกชน และประชาชนกับประชาชน อยู่ในระดับดีอยู่แล้ว แต่ในเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแบบนี้ นโยบายของไทยจะต้องเปลี่ยนแปลง เพื่อรับมือกับรัฐบาลทรัมป์ ที่เน้นอเมริกา เฟิร์สต์ กับเมคอเมริกา เกรท อเกน!!
เภรี กุลาธรรม...