เห็นมา เขียนไป

ทิวสน
เห็นมา เขียนไป วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566

นายแพทย์สันต์ ใจยอดศิลป์ ให้คำแนะนำ ในฐานะแพทย์ประจำครอบครัวว่า

1. เกิดเป็นผู้ชายหากอายุมาก (เกิน 75 ปี) และอยู่สุขสบายดี ไม่ต้องไปตรวจ PSA ไม่มีประโยชน์

2. หากเผลอตรวจ PSA ไปแล้ว พบว่า ได้ค่าสูงแต่อยู่สุขสบายดี ยังฉี่ออก และอั้นฉี่ได้ ก็ไม่ต้องไป ตัดชิ้นเนื้อต่อมลูกหมาก

3. หากเผลอไปตัดชิ้นเนื้อต่อมลูกหมากไป และยืนยันว่า เป็นมะเร็งแล้ว โดยที่ยังอยู่สบายดีฉี่ออกอยู่ ก็ไม่ควรไปตรวจการแพร่กระจาย (bone scan, MRI)

4. หากเผลอไปตรวจการแพร่กระจายแล้วไม่ว่า ผลจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ต้องเดินหน้ารักษามะเร็ง ด้วยผ่าตัดฉายแสง หรือฮอร์โมนบำบัด หรือเคมีบำบัด

…..คำแนะนำข้อ 1 และ 2 นั้น เป็นไปตามคำแนะนำล่าสุดของ คณะกรรมการป้องกันโรคของรัฐบาลสหรัฐฯ (USPSTF) ว่า เกิดเป็นชาย ที่อยู่มาได้ถึง อายุ 75 ปีแล้ว อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน โดยการเที่ยวตรวจ PSA เพราะผลที่ได้ออกมา จะนำไปสู่การตรวจ และการรักษาที่ไม่จำเป็นต่างๆ นานา โดยที่เมื่อเทียบกับ คนที่อยู่นิ่งๆ อยู่เปล่าๆ โดยไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยนแล้ว อัตราตายจากมะเร็งต่อมลูกหมาก นั้น ไม่แตกต่างกัน

…..ส่วนคำแนะนำ ข้อที่ 3 และ 4 นั้น เป็นผลจากการใช้ดุลพินิจเทียบประโยชน์ และความเสี่ยงของการรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก ในคนแก่อายุมาก กล่าวคือ ในการจะรักษา ด้วยวิธีการรุนแรง รุกล้ำทั้งหลาย วงการแพทย์ มุ่งประโยชน์ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ในสองอย่างคือ

(1) ความยืนยาวของชีวิต

(2) คุณภาพชีวิต

…..หากทำไปแล้ว ไม่ได้ประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งในสองอย่างนี้ การรักษานั้น เรียกว่า เป็นการรักษาที่ไร้ประโยชน์ (futile treatment) ซึ่งตามหลักจริยธรรมวิชาชีพแพทย์ แพทย์ไม่พึงให้การรักษาที่ไร้ประโยชน์แก่คนไข้

ข้อมูลการแพทย์ปัจจุบัน พิสูจน์ ไม่ได้ว่า การรักษา มะเร็งต่อมลูกหมาก ที่แพทย์ทำไปสารพัดนั้น จะยืดอายุคนป่วยให้ยืนยาวออกไปได้จริง หรือเปล่า คือ รักษา หรือ ไม่รักษา ก็ตายในเวลาเท่าๆ กัน

…..เพราะทุกวันนี้ วงการแพทย์ยังไม่ทราบเลยว่า โรคมะเร็งต่อมลูกหมากนี้ ถ้าปล่อยไปตามธรรมชาติ (natural course) มันจะเป็นอย่างไร ถ้ายังไม่รู้เลยว่า ปล่อยโรคไว้ จะเป็นอย่างไร แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า การเข้าไปรักษา ผ่าตัด คีโม ฉายแสง จะดีกว่าปล่อยไว้ ดังนั้น มะเร็งต่อมลูกหมากนี้ จะใช้หลักคิดแบบมะเร็งที่อื่น

ที่ว่า ตรวจวินิจฉัยได้เร็ว รักษาได้เร็ว อัตราการหายสูงนั้น ใช้ไม่ได้

Cr. นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์