ทำไมถึงคนอยากมาอเมริกากันนัก

Why Do So Many People Want to Come to America?


เหตุผลหลักที่คนทั่วโลก ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยที่ต้องการอพยพมาอยู่อเมริกาก็คือ เพื่อแสวงหาโอกาสที่ดีกว่าด้วยเหตุผลหลักคือด้านการเงิน ที่เหลือก็อยากมาอยู่เพราะต้องการเปลี่ยนชีวิตใหม่ หาโอกาสที่ดีกว่าให้กับตัวเองและครอบครัว

ถ้าย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของอเมริกาตั้งแต่ยุคอาณานิคมแล้วจะเห็นได้ว่าชาวอาณานิคมได้เดินทางมาอเมริกาเพื่อแสวงหาเสรีภาพทางการเมือง เสรีภาพทางศาสนา โอกาสทางเศรษฐกิจ นับถือศาสนาของตนเอง หลบหนีการถูกก่อกวน หลังจากที่อเมริกาประกาศอิสรภาพจากอังกฤษในปีค.ศ. 1776 (พ.ศ. 2319) ชาวยุโรปจำนวนมหาศาลได้ทยอยเข้ามาอยู่ในประเทศนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสมัยนั้นจะเดินทางมาโดยทางเรือ ช่วงที่เข้ามามากที่สุดคือช่วงปีค.ศ. 1880 ถึง 1920 การอพยพเข้ามาอเมริกาในยุคก่อนๆ นั้นง่ายมากเพราะประเทศนี้ได้พร้อมเปิดประตูต้อนรับแทบทุกคนอยู่แล้ว จนกระทั่งถึงประมาณกลางศตวรรษที่แล้ว อเมริกาจำเป็นต้องจำกัดจำนวนคนเข้าเมืองเพื่อไม่ให้มีจำนวนผู้อพยพเพิ่มเร็วจนเกินไปและเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ มากมายที่อาจจะตามมา

สำหรับคนไทยแล้ว ดูเหมือนไม่ค่อยยุติธรรมนักที่คนไทยที่อยากจะมาท่องเที่ยวอเมริกาต้องไปสมัครขอวีซ่าและต้องผ่านขั้นตอนที่ซับซ้อนวุ่นวาย ต้องเตรียมเอกสารและเตรียมสัมภาษณ์ ต้องคอยลุ้นว่าตัวเองจะผ่านสัมภาษณ์หรือไม่ ขณะที่ชาวอเมริกัน ถ้าต้องการไปเที่ยวเมืองไทย ก็สามารถไปได้เลยโดยไม่ต้องขอวีซ่าและอยู่ได้ทีละ 30 วัน ถ้าอยากจะอยู่นานกว่านั้น จะขอต่อวีซ่าก็ทำได้ไม่ยาก เหตุผลก็คือ ในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมานี้ คนไทยหลายแสน ได้เข้ามาอเมริกาเพื่อมาท่องเที่ยว ดูงานหรือมาเรียนหนังสือ หลายคนไม่ยอมกลับ โดดวีซ่า อยู่ต่ออย่างไม่ถูกต้อง หรือพวกนักเรียนก็มาทำงาน ทั้งๆ ที่วีซ่านักเรียนนั้นไม่อนุญาตให้ทำงาน ซึ่งส่วนมากมักจะทำงานเสียมากกว่าเรียน อเมริกาจึงต้องเข้มงวดกับการออกวีซ่าให้กับคนไทย ทำให้พวกที่อยากมาเที่ยวจริงๆ หรือมาเรียนหนังสือจริงๆ ยุ่งยากไปด้วย

แต่หลายคนก็ผ่านด่านต่างๆ มาได้ พอมาถึงอยู่อเมริกาแล้ว หลายคนก็ต้องหางานทำกัน ในรัฐแคลิฟอร์เนีย งานที่คนไทยส่วนใหญ่ที่มาวีซ่าท่องเที่ยวหรือวีซ่านักเรียนก็คืองานร้านอาหาร รองลงมากก็จะเป็นงานรับจ้างต่างๆ ที่ใช้แรงงาน เช่น งานนวดแผนไทยซึ่งจะทำงานกับธุรกิจที่เจ้าของเป็นคนไทยโดยที่ไม่มีใบอนุญาต (ตอนนี้ทางการเริ่มเข้มงวดมากแล้ว) รายได้ก็จะตกอยู่ที่ 80 ถึง 160 เหรียญต่อวัน (2,500 - 5100 บาท) แล้วแต่ร้านหรืองานที่ทำ การทำงานในลักษณะนี้เรียกกันว่า "ทำงานใต้โต๊ะ" ซึ่งไม่ต้องเสียภาษี แต่จะไม่ได้สวัสดิการหลายอย่างจากนายจ้างหรือจากรัฐบาล ถ้ารู้จักเก็บเงิน ไม่เที่ยวเตร่ ไม่ติดการพนัน รู้จักดูแลสุขภาพ ทุกคนที่ฉันรู้จักสามารถเก็บเงินเป็นกอบเป็นกำส่งกลับไปช่วยทางบ้านหรือใช้หนี้ได้ แต่มีหลายคนที่มาอยู่นี่แล้ว ติดอบายมุข แม้จะอยู่หลายปีก็ยังจนอยู่เหมือนเดิม

ฉันไม่ได้สนับสนุนให้คนเข้ามาทำงานที่อเมริกาอย่างไม่ถูกต้อง แต่ฉันเห็นใจและเข้าใจเหตุผลที่ทำไมทุกคนต้องมา สำหรับผู้ที่ได้มาแล้ว ควรจะศึกษาหาข้อมูลให้กับตนเองให้มากที่สุด หาเพื่อนที่มีความรู้หรือคนที่รู้ภาษาอังกฤษดีไว้คอยให้ช่วยเหลือและเป็นที่ปรึกษา ควรเรียนภาษาอังกฤษเพื่อที่จะสื่อสารด้วยตนเองให้ได้มากที่สุด และที่สำคัญต้องดูแลสุขภาพของตนให้ดี

เรื่องสุขภาพเป็นสิ่งที่คนไทยที่นี่ปล่อยปละละเลยมาก การทำงานไม่ว่าจะที่ร้านอาหารหรือร้านนวดนั้นเป็นงานหนักและงานที่มีชั่วโมงอันยาวนาน ถ้าเจอเจ้าของใจดี ก็จะมีเวลาพัก ได้เงินตามความเหมาะสม ถ้าเจอร้านที่ขายดีมากๆ หรือมีลูกค้ามากๆ หรือเจอเจ้าของที่โลภหรือชอบเอาเปรียบ ก็ต้องทำงานหนักมาก พักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่มีเวลาพักหรือเวลาพักไม่เพียงพอ ทำงานใช้อวัยวะอย่างเดียวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ได้เปลี่ยนอิริยาบท ต้องสูดควันจากเตาติดต่อกันเป็นเวลานาน กินอาหารไม่ตรงเวลา ไม่มีเวลาเข้าห้องน้ำ จนป่วยเป็นโรคต่างๆ ที่เห็นบ่อยก็มี เข่าอักเสบ เท้าบวม เอ็นอักเสบ ปวดหลังอย่างรุนแรง โรคกระเพาะอาหาร กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคปอด ต้องเอาเงินไปรักษาตัวเอง บางคนต้องกลับไทยไปเลย ส่วนเจ้าของร้านเองหลายคนก็ทำงานหนักมากเช่นกัน ทำงานแทบทุกวัน ไม่มีเวลาดูแลสุขภาพหรือไปงานสังคม ถ้าร้านขายดีมากๆ เจ้าของปล่อยร้านทิ้งไว้หรือไว้ใจผู้จัดการมากเกินไป ไม่ค่อยพูดคุย สื่อสารหรือดูแลพนักงาน ไม่รับฟังปัญหาของพนักงาน ก็ถูกพนักงานโกงเงินบ้าง หรือถูกรายงานต่อกรมแรงงานทั้งๆ ที่เจ้าของร้านเคยดูแลมาอย่างดี กลายเป็นคดีใหญ่โต

ลูกจ้างควรรู้สิทธิต่างๆ ของตน นายจ้างส่วนใหญ่จะมีประกันในกรณีที่พนักงานบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยจากการทำงานที่เรียกว่า worker's compensation และอีกอย่างที่อเมริกาก็มีดีตรงที่ว่ามีองค์กรต่างๆ มากมายที่คอยช่วยพวกโรบินฮูดหรือพวกที่มีรายได้ต่ำ ลูกจ้างที่ถูกนายจ้างใช้งานเหมือนทาสหรือใช้งานไม่ถูกต้องก็สามารถร้องเรียนเรียกค่าเสียหายจากนายจ้างผ่านกรมแรงงานได้ นอกจากนี้ยังมีที่รักษาพยาบาลและทำฟันฟรีอีกด้วย องค์กรเหล่านี้จะคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและสิทธิพลเมืองโดยไม่คำนึงถึงสถานภาพการเข้าเมือง กรุณาดูข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรเหล่านี้ได้ในภาคผนวก

ส่วนนายจ้างก็ควรศึกษาถึงสิทธิต่างๆ ของตน ต้องทำตามกฎหมาย ตอนนี้ทางการได้จับตาดูธุรกิจไทยโดยเฉพาะร้านที่ขายดีหรือมีหลายสาขา เพราะถ้าเรื่องขึ้นถึงระดับเฟดเดอรัลหรือสเตท เมื่อไหร่ จะต้องเสียเงินแก้ต่างจำนวนมาก

นอกเหนือจากกลุ่มที่ต้องการมาอเมริกาด้วยเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจอันเป็นเหตุผลหลักแล้ว ยังมีกลุ่มหนึ่งที่อยากมาอเมริกาเพื่อขยับสถานะทางด้านครอบครัวและสังคมของตน จะเห็นได้จากกลุ่มหญิงไทยที่หย่าร้างจากสามีคนไทยหรือหญิงไทยที่สูงอายุที่ยังไม่เคยแต่งงานจำนวนมากได้อพยพมาอยู่ที่อเมริกาโดยการแต่งงานกับคนสัญชาติอเมริกัน (และกับสัญชาติอื่นๆ) ซึ่งคนที่นี่เขาถือว่าการแต่งงานในวัยสูงอายุเป็นเรื่องธรรมดา ผู้หญิงไทยถึงแม้จะอยู่ในวัยสี่สิบหรือห้าสิบปีก็สามารถหาชาวอเมริกันแต่งงานด้วยไม่ยาก บางคนโชคดีได้แต่งงานกับผู้ที่มีฐานะดี หลายคนมีสามีที่ได้อุปการะทั้งลูกที่ติดมาจากเมืองไทย บางคนได้แต่งงาน แต่อยู่ดวยกันไม่ได้ก็ต้องหย่าร้างกันไป ระดับของความสุขก็แตกต่างกันไป

การอาศัยอยู่ประเทศอเมริกาในความคิดของฉันก็มีข้อเสียอยู่มากพอสมควร ถ้าอยู่แบบผิดกฎหมายหรือทำงานอย่างไม่ถูกต้อง ก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ต้องทำงานหนัก แต่ก็ไม่ต้องเสียภาษี พวกคนชั้นกลางขึ้นไปก็ต้องทำงานเพื่อเสียภาษี ประเทศนี้คนทำงานต้องเสียภาษีแทบทุกอย่าง เช่นภาษีเงินได้ ภาษีประกันสังคม ภาษีอสังหาริมทรัพย์ ภาษีตอนเติมน้ำมัน ภาษีใบอนุญาตต่างๆ รัฐบาลได้เงินจากภาษีเยอะมาก ฉันคิดว่ารัฐบาลอเมริกาใช้เงินงบประมาณฟุ่มเฟือยและไม่ถูกต้องหลายอย่าง เช่น เอาไปใช้ทำสงคราม เอาไปบริจาคประเทศด้อยพัฒนาเพื่อผลประโยชน์ทางด้านการเมือง เงินภาษีบางส่วนถูกเอาไปเลี้ยงดูพวกที่กินเงินสวัสดิการสังคมหรือประกันสังคมหรือพวกที่ป่วยทำงานไม่ได้ (อันนี้จำเป็น แล้วแต่กรณีไป) รัฐบาลอเมริกาไม่เอาเงินงบประมาณมาสนับสนุนให้คนมีสุขภาพดี แต่เอางบประมาณไปใช้ในด้านการรักษา แทนที่จะเอามาให้ในการป้องกัน นักการเมืองทำงานให้บริษัทอาหารและยายักษ์ใหญ่ทางอ้อม นักการเมืองระดับสูง พวกที่ลอบบี้นักการเมืองและบริษัทใหญ่ๆ กินกันสุดๆ แบบแนบเนียน ประชาชนอเมริกันเองก็เป็นโรคอ้วน โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคมะเร็งมากที่สุดในโลกเพราะเป็นเหยื่อของระบบนายทุน เป็นเหยื่อของการโฆษณา ประชาชนโดนหลอกให้บริโภคอาหารขยะและต้องกินยาอย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้ตัว เพราะการโฆษณานั้นมันน่าเชื่อมาก ประเทศอื่นเห็นอเมริกาทำก็พากันทำตาม พากันกิน อาหารฝรั่ง นมเนย อาหารขยะ จนอ้วนและเสียสุขภาพไปตามๆ กัน อเมริกาเป็นประเทศที่อุปโภคบริโภคทรัพยากรของโลกมากที่สุด เป็นประเทศที่ส่งเสริมการบริโภคและนิยมวัตถุมากที่สุดในโลก ข้อเสียอีกอย่างคือ อเมริกาทุกรัฐมีภัยธรรมชาติที่รุนแรง ทางฝั่งตะวันออกก็มีพายุหิมะ อากาศหนาวเหน็บในฤดูหนาว (เช่นรัฐนิวยอร์ค รัฐนิวเจอร์ซี รัฐอลาสกา) ทางฝั่งตะวันตกก็มีแผ่นดินไหว (เช่นรัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐออริกอน รัฐวอชิงตัน) พายุหมุนทอร์นาโดทางใต้และมิดเวสท์ (แถวตะวันตกตอนกลาง เช่นรัฐอิลลินอยส์ หลุยเซียนา) พายุเฮอริเคนทางฝั่งตะวันออก ทะเลทรายที่ร้อนระอุในฤดูร้อนในรัฐเนวาดาและอริโซนา สุนามิและภูเขาไฟระเบิดที่รัฐฮาวาย เป็นต้น ส่วนพวกที่อยู่ห่างไกลจากกลุ่มคนไทย ไม่มีวัดไทยและไม่มีเพื่อนต่างชาติหรือครอบครัวก็มักจะว้าเหว่หรืออาการหดหู่ได้โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว

การจะประสบความสำเร็จหรือการที่จะอยู่ประเทศนี้อย่างมีความสุขหรือไม่นั้นก็แตกต่างกันไปแล้วแต่พื้นฐาน ความเป็นมา เล่ห์เหลี่ยม ความสามารถส่วนบุคคล และดวงของใครของมัน สำหรับฉันแล้ว ฉันชอบอยู่ที่อเมริกา โดยเฉพาะที่เขตอ่าวซานฟรานซิสโก ที่นี่อากาศดีตลอดปี มีช่วงอากาศหนาวไม่กี่เดือนในช่วงที่มีฝนตก (เดือนธันวาคมกับมกราคม) รัฐแคลิฟอร์เนียมีที่เที่ยวสวยๆ ธรรมชาติสวยงามหลากหลายมากกว่ารัฐอื่นๆ แถวนี้หากินอาหารออร์แกนนิกและอาหารเจได้ง่าย มีกลุ่มรักษาสุขภาพมากมายที่นิยมบริโภคอาหารปลอดสารพิษ มีวัตถุดิบสำหรับทำอาหารไทยเหมือนกับที่เมืองไทย มีร้านอาหารไทยทุกหย่อมหญ้า เป็นเมืองที่หลากหลายด้านวัฒนธรรมและภาษา มีวัดไทยและวัดลาวอยู่เกือบสิบวัดเฉพาะใกล้ๆ ที่ฉันอยู่ ที่ชอบมากก็คือกระบวนการทางกฎหมายของเขา ประเทศนี้ให้เสรีภาพทางการคิด การพูด การแสดงออกตามขอบเขตของกฎหมาย (ซึ่งต้องไม่อยู่ในขั้นหมิ่นประมาทที่เรียกว่า slander สำหรับทางวาจา หรือ libel สำหรับทางลายลักษณ์อักษร และต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนจนได้รับความเสียหาย) ฉันสามารถเขียนหนังสือหรือบทความแสดงความคิดเห็นได้โดยได้รับการปกป้องจากบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาข้อที่หนึ่งนั่นคือ สิทธิในการแสดงความคิดเห็น (speech) สิทธิในการนับถือศาสนา (religion) สิทธิในการชุมนุมโดยสันติ (assembly) สิทธิในการออกสื่อ (press) สิทธิในการร้องทุกข์ต่อรัฐบาล (petition the government) (กรุณาดูข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนการข้อสอบสัญชาติอเมริกันในภาคผนวก) การคอรัปชั่นก็มีบ้างโดยเฉพาะในระดับสูงๆ ดังกล่าวข้างต้น แต่ก็ไม่เหมือนกับที่เมืองไทยที่กินกันทุกระดับ ระบบการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ (check and balances) ของเขาอยู่ในขั้นดีมาก นิติเวชศาสตร์ล้ำหน้าที่สุด กฎหมายจราจรเขาศักดิ์สิทธิ์ การลงโทษหนัก ค่าปรับหนักกทำให้คนกลัว ไม่กล้าทำผิดกฎ คนรวยคนจนปฏิบัติตามกฎหมาย ดาราดังในฮอลลีวูดก็ต้องหยอดเงินที่ตู้เก็บเงินตอนจอดรถ เติมน้ำมันเอง เศรษฐีจะะรวยแค่ไหนขับรถเร็วหรือขณะมึนเมาก็ได้ใบสั่งหรือติดคุก ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย อีกอย่างที่ฉันชอบมากคืออเมริกาเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี เป็นผู้ริเริ่มอินเตอร์เน็ต สมาร์ทโฟน โซเชียลมีเดีย มีพวกหัวกะทิระดับโลกด้านไฮเทคมารวมตัวกันอยู่ในเขตซิลิคอนแวลี่ (Silicon Valley) ที่อยู่ในเขตอ่าวซานฟรานซิสโก บริษัทไฮเทคทั้งเล็กทั้งใหญ่นับพันมารวมกันอยู่ที่นี่ เช่น บริษัท Apple Computer, Facebook, eBay, Google, Adobe, Oracle และ Twitter ฉันมีเพื่อนหลายคนที่ทำงานอยู่ในบริษัทเหล่านี้ จึงได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัส ดูงานของพวกเขา สุดท้ายนี้ฉันคิดว่าตนเป็นคนโชคดีมากคนหนึ่งเพราะในขณะที่อยู่ประเทศนี้ ฉันได้ทำงานที่ตัวเองรัก มีอาชีพที่รายได้ดี อยู่อย่างสบาย มีสุขภาพแข็งแรง ไม่รวยไม่จน เพราะฉันอยู่อย่างพอเพียง ที่สำคัญคือฉันคิดว่าตัวเองคงต้องอยู่ที่นี่เพื่อที่จะได้รับใช้คนไทยในต่างแดนต่อไป



อ่านต่อตอนหน้า