เรื่องเล่าจากล่าม 10 กันยายน 2559

ตอนที่ผลสอบป.1 ออกมาฉันสอบได้ที่หนึ่ง สมุดรายงานผลการเรียนมันช่างกลิ่นหอมจริงๆ หัวใจฉันพองโต ฉันดีใจมาก รีบวิ่งกลับบ้าน และก็โชคดีที่แม่อยู่บ้านพอดี แม่ให้รางวัลฉันเป็นเงิน 5 บาท

ฉันตาลุกวาว ตั้งห้าบาท เท่ากับที่ได้ไปกินขนมตอนเช้ารวมกันทั้งสัปดาห์ทีเดียว ปกติฉันได้แค่วันละบาท ฉันรีบยกมือไหว้แม่และรับเงินมาและวิ่งไปซื้อน้ำแข็งใสกิน มันเป็นน้ำแข็งใสที่อร่อยมากเพราะมันได้มาจากความภูมิใจของแม่ที่มีในตัวฉัน

พอขึ้นชั้นประถมหนึ่งครูดอกไม้ก็ตามขึ้นไปสอนห้องของฉันอีก ฉันดีใจมาก เพราะฉันชอบครูคนนี้มาก ครูดอกไม้มักจะให้ฉันออกไปหน้าห้องไปพาเพื่อนๆ อ่านหนังสือบนกระดาน และถ้ามีใครสีกคนที่ต้องถือใบคำชูให้เพื่อนๆอ่าน ฉันมักจะได้เป็นนั้นตลอด มันเป็นความภาคภูมิใจเล็กๆของฉัน ฉันคิดว่าการที่เราได้มีครูคนแรกเป็นครูคนโปรดมันช่วยให้เราชอบการเรียนขึ้นเยอะมาก เหมือนแม่ของฉันจะรู้ว่าฉันชอบครูดอกไม้มาก เวลาท่านทำข้าวต้มมัดหรือข้าวหลามท่านจะฝากไปให้ครูดอกไม้บ่อยๆ ครั้งหนึ่งในวันเด็ก ท่านห่อข้าวต้มมัดเหมือนห่อของขวัญแล้วฝากไปให้ครูดอกไม้

เมื่อฉันสามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้คล่องเป็นที่พอใจของพ่อแล้ว พ่อก็เริ่มสอนภาษาอังกฤษให้ฉัน เริ่มจาก A-Z ฉันท่องได้ตั้งแต่อยู่ ป.1 แต่ฉันจำไม่ได้ว่าฉันจำตัวหนังสือได้หรือเปล่า ฉันมารู้ตัวอีกทีก็ตอน ป.3

พ่อเริ่มสอนฉันสะกดคำภาษาอังกฤษตอนฉันอยู่ ป.3 พ่อไม่ได้รู้อะไรมากมายเลยเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ พ่อเพียงแต่เคยทำงานในโรงแรมสมัยที่เกิดสงครามเวียดนาม แล้วนครราชสีมาถูกใช้เป็นหนึ่งในฐานทัพอเมริกัน พ่อได้เรียนรู้วัฒนธรรมตะวันตกหลายอย่างและหนึ่งในนั้นก็คือภาษาอังกฤษ พ่อพอพูดได้บ้างแค่ประโยคทักทายเท่านั้น แต่ที่พ่อรู้จากการขวนขวายเองก็คือการสะกดคำจากการสังเกตป้ายบอกทางที่มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พ่อรู้จักการเทียบเสียงมากพอที่จะสอนให้ฉันเขียนชื่อและนามสกุลตัวเองและที่อยู่เป็นภาษาอังกฤษ

ความรู้ภาษาอังกฤษของพ่อที่มีอยู่เพียงน้อยนิดนั่นแหละที่ทำให้ฉันรักการเรียนภาษาอังกฤษก่อนที่จะถึงเวลาที่จะได้เรียนจริงๆ เสียด้วยซ้ำ โรงเรียนบ้านโนนพะไลที่ฉันเรียนแม่ของฉันเคยเล่าว่า ชื่อเดิมคือโรงเรียนวัดโนนพะไลเพราะตั้งอยู่ในวัด แต่พอโรงเรียนขยายขึ้นมีนักเรียนและครูมากขึ้น จึงได้แยกออกมาสร้างเป็นโรงเรียนใหม่และตั้งชื่อเป็นโรงเรียนบ้านโนนพะไลแทน โรงเรียนมีอาคารเรียนแค่หลังเดียวซึ่งมีสองชั้น ทางโรงเรียนแบ่งให้นักเรียนชั้นป. เด็กเล็กถึงป.3 เรียนอยู่ชั้นล่างส่วนป. 4- ป. 6 และห้องพักครูอยู่ชั้นบน ตอนที่ฉันเรียนอยู่ ป. 3 ฉันไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษกับพ่อต่อเนื่องเหมือนก่อนเพราะพ่อไม่รู้จะสอนอะไรเพราะท่านเองก็สอนไปหมดเท่าที่ท่านรู้แล้ว ฉันจึงหันไปหาอย่างอื่นทำแทน ข้างบ้านฉันมีพี่สองคนที่เรียนอยู่ชั้นป.5 เรามักจะเล่นด้วยกันประจำ ฉันสนิทกับพวกเขาพอสมควร ตอนพักกลางวันนักเรียนทุกคนต้องไปนั่งกินข้าวด้วยกันที่หอประชุมโดยจะจัดกลุ่มกันเอง เรามักจะกินกับนักเรียนชั้นเดียวกันและกับน้องๆถ้าน้องยังไม่มีเพื่อนใหม่ที่เขาอยากกินข้าวด้วย ฉันนั่งกินข้าวกับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่อยู่ข้างบ้านและกับลูกพี่ลูกน้องอีกสองคนและน้องชายของฉัน เมื่อกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันไปเล่นตามอัธยาศัย

วันหนึ่งตอนที่ฉันอยู่ป.3 ฉันเกิดมีธุระต้องขึ้นไปชั้นบนและไปเห็นรุ่นพี่ข้างบนกำลังเล่นทายคำศัพท์ด้วย flashcard ฉันจึงเกิดสนใจขึ้นมา คำพวกนั้นเป็นคำยาก แต่ฉันด้วยนิสัยที่ชอบความท้าทายและทะเยอทะยานฉันจึงไปร่วมเล่นกับเขาด้วย ฉันไปเล่นกับรุ่นพี่แทบทุกวันในช่วงพักกลางวัน จากที่ไม่รู้เลยว่าคำพวกนั้นแปลว่าอะไรอ่านว่าอะไร ฉันจำได้ทุกคำแม้แต่การสะกด ฉันจำได้ว่าในห้องเรียน ป. 5 มีโปสเตอร์เพลงติดอยู่หลายใบ ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไรด้วยซ้ำ แต่ฉันก็ชอบไปยืนอ่านแล้วอ่านอีกด้วยความที่มันไม่มีอะไรให้อ่านมากนัก

ตอนป. 4 ฉันไม่ค่อยได้เข้าไปเล่นกับรุ่นพี่บ่อยๆเหมือนเมื่อก่อน อาจเป็นเพราะไม่เขาก็ฉันเองที่เบื่อ เหตุผลที่ฉันเบื่อคงมีข้อเดียวคือฉันจำได้หมดแล้วและไม่มีใครอยากเล่นกับฉันแล้วเพราะเล่นไปก็แพ้ ฉันใช้เวลาช่วงป. 4 ไปกับการเล่นข้างนอก ฉันชอบเล่นวอลเลย์บอลพอสมควรเพราะกีฬาที่ครูสนับสนุนมากในตอนนั้นก็คือวอลเลย์บอล จากการเล่นวอลเล่ย์บอลรวมๆ ก็คงเป็นปี ฉันไม่เคยได้เป็นตัวแทนไปแข่งที่ไหนเลย ได้มากสุดแค่เล่นเป็นคู่ซ้อมให้ทีมโรงเรียนตอนที่เขาขาดคนและเป็นตัวสำรองของตัวสำรองอีกที ฉันเคยได้ใส่เสื้อทีมครั้งเดียวเพราะเป็นตัวสำรอง แต่ไม่เคยได้ลงเล่นเลย

ฉันไม่ได้ใส่ใจกับการวอลเล่ย์บอลเท่าไหร่นัก เพราะไม่เคยได้ขยับตำแหน่งที่ดีขึ้นเลย ตอนอยู่ ป. 5 ฉันก็ยังเล่นอยู่ แต่เล่นเฉพาะตอนที่โอกาสดีจริงๆ ใช่ ต้องโอกาสดีนะถึงจะได้เล่น ใครที่เป็นแค่ตัวสำรองถ้าอยากเล่นต้องรอคิวนับรอไปเรื่อยๆ จนมีการแพ้ชนะเกิดขึ้นแล้วเราจะได้เล่นตอนทีมแพ้ออก

การเรียนภาษาอังกฤษตอนอยู่ชั้นป. 5 ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนัก ฉันอ่านหนังสือเรียนจบไปนานแล้ว และคำศัพท์ทุกคำก็เปิดดูความหมายและท่องจำได้หมดก่อนที่ครูจะบอกให้ท่องด้วยซ้ำ ครูให้นักเรียนทุกคนซื้อพจนานุกรมเล่มบางๆ สำหรับเด็กที่ใช้หนังสือเรียนภาษอังกฤษของ ป.5 และ ป. 6เล่มที่ฉันใช้อยู่เท่านั้น ฉันสนุกกับการหัดสะกดชื่อเฉพาะจากการใช้พจนานุกรมนั้นเพราะในภาคผนวกของพจนานุกรมตั้นมีตารางการเทียบตัวอักษรภาษาอังกฤษกับเสียงภาษาไทย ฉันเที่ยวไปสะกดชื่อให้เพื่อนๆหลายคน รวมทั้งชื่อโรงเรียน อำเภอและตำบลต่างๆเท่าที่ฉันจะนึกได้เพื่อแก้เบื่อ หลังจากที่ครูที่สอนภาษาอังกฤษประสปอุบัติเหตุเสียชีวิตฉันไม่มีโอกาสเบื่ออีกเลย เพราะครูที่มาสอนแทนเป็นครูภาษาอังกฤษที่ฉันไม่เคยคิดว่ามีอยู่จริงในตอนนั้น ท่านชื่อว่าครูละม่อม

ครูละม่อมเข้ามาเปลี่ยนความคิดของฉันเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ ท่านแต่งตัวสวยมาก ฉันไม่เคยเห็นครูคนไหนแต่งตัวสวยเท่าครูละม่อมเลย ท่านเป็นคนตัวเล็ก คล่องแคล่วว่องไวพูดจาฉะฉาน ฉันได้รู้จักคำว่า คำนาม คำสรรพนาม คำกริยา คำกริยาวิเศษณ์ ประธาน กริยา กรรม และคำอื่นที่คุ้นหูอีกมากมาย พอครูละม่อมเข้ามาสอนฉันก็กลายเป็นคนที่ไม่ฉลาดอย่างตัวเองคิดอีกต่อไป ฉันไม่เข้าใจทุกอย่างที่ท่านสอนแต่โดยส่วนใหญ่ฉันเข้าใจ ท่านไม่ได้สอนแค่ไวยาการณ์เท่านั้น ท่านสอนร้องเพลงภาษาอังกฤษด้วย ท่านทำให้ฉันกลายเป็นคนชอบร้องเพลง (จริงๆ เลือดดนตรีอยู่ในตัวฉันอยู่แล้วเนื่องจากทั้งพ่อและแม่ต่างชอบการร้องเพลง และพ่อยังเล่นดนตรีได้หลายอย่างด้วย) เพลงภาษาอังกฤษเพลงแรกที่ฉันร้องได้คือเพลง Doe Re Me คุณครูละม่อมสอนให้ร้องทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มาถึงตอนนี้ฉันร้องโดเรมีภาษาไทยได้แค่สี่ท่อนแรกเท่านั้น ส่วนภาษาอังกฤษก็ลืมไปเยอะแล้ว เพียงแต่ได้ดูภาพยนต์เรื่อง The Sound of Music. ฉันถึงจำได้ตลอดทั้งเพลง ฉันได้เรียนการรำไทยและการทำอาหารจากครูละม่อมด้วย ท่านเป็นครูที่ดีที่สุดของฉันคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ (หนึ่งในนั้นก็คือครูดอกไม้)