บทสัมภาษณ์หญิงไทยในต่างแดน

สัปดาห์นี้ได้รับเชิญให้เป็นแขกในการสัมภาษณ์ของเว็บไซต์ดังในยุโรปที่เกี่ยวกับหญิงไทยในต่างแดน จึงเอาบทสัมภาษณ์มาลงให้ผู้อ่านได้อ่านกันค่ะ

นอกจากนี้เจ้าของเว็บไซต์นี้ยังเป็นผู้ก่อตั้งเพจ "เรื่องเล่าจากมาดาม(เมียฝรั่ง) " ซึ่งมีสมาชิกขณะนี้เกือบห้าหมื่นคนอีกด้วย เป็นเพจที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้และแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ของหญิงไทยที่สมรสกับชาวต่างชาติ

นี่เป็น15 คำถามที่ใช้ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ค่ะ

วันนี้เพจ Thai Women Living Abroad มีความภูมิใจและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สัมภาษณ์คุณเบญจวรรณ ภูมิแสน เธอคือผู้หญิงไทยผู้ซึ่งเป็นทั้งล่าม, นักแปล, นักเขียนและครูสอนภาษา

คุณเบญจวรรณได้เดินทางออกจากประเทศไทยเพื่อไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 5 ปี หลังจากนั้นในปี 1994 คุณเบญจวรรณได้ย้ายถิ่นฐานอีกครั้งไปอยู่ยังรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาเพราะได้แต่งงานกับสุภาพบุรุษชาวอเมริกัน คุณเบญจวรรณได้บอกเล่าถึงเรื่องราวของเธอในหลายๆด้าน รวมถึงความประทับใจและประสบการณ์การใช้ชีวิตในต่างประเทศของเธอ

ผมอยากจะแนะนำให้คุณรู้จักกับ คุณ เบญจวรรณ ภูมิแสน


คุณย้ายไปอยู่ประเทศไหนหลังจากที่คุณออกจากประเทศไทย ทำไมคุณถึงย้ายไปที่นั่น ตอนนี้คุณอาศัยอยู่ประเทศใด

ฉันได้ไปอยู่ที่ญี่ปุ่นเพื่อไปเรียนต่อปริญญาโท อยู่ที่นั่นห้าปีที่เมืองโกเบและโอซากาก่อนที่จะย้ายมาที่ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ย้ายมาก็เพราะได้แต่งงานกับชาวอเมริกัน


ที่ประเทศไทยคุณเกิดและโตที่ไหน กรุณาเล่าเรื่องชีวิตตอนเป็นเด็กของคุณให้ฟังด้วย

ฉันเกิดที่กรุงเทพ แต่มาโตที่จังหวัดยโสธรซึ่งเป็นจังหวัดเล็กๆ ในภาคอีสาน ครอบครัวมีเชื้อสายลาว เลยได้พูดทั้งไทยและลาวมาตั้งแต่เด็ก ฉันโชคดีที่มีครอบครัวที่อบอุ่น เป็นครอบครัวใหญ่ที่มีญาติพี่น้องและลูกพี่ลูกน้องจำนวนมากทั้งทางฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่ ชีวิตวัยเด็กโดยทั่วไปเต็มไปด้วยความรัก ครอบครัวเราทำธุรกิจขายอาหาร เราจึงมีอาหารกินกันตลอด เราไม่ร่ำรวย แต่เราก็อยู่อย่างสบายและมีความสุข


หลังจากที่ได้ย้ายมาอยู่สหรัฐอเมริกา คุณทำอาชีพอะไร

งานและธุรกิจทุกอย่างที่ฉันทำล้วนแต่เกี่ยวข้องกับภาษา ฉันรักการเรียนภาษาและทำงานกับการใช้คำและภาษาอย่างมาก ฉันได้ก่อตั้งบริษัทชื่อ สำนักพิมพ์ไพบูลย์ ซึ่งจัดพิมพ์ตำราให้ชาวต่างชาติเรียนภาษาในเขตภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ซึ่งได้แก่ภาษาไทย ลาว พม่า กัมพูชาและเวียดนาม และก็ได้ตั้งบริษัทแปลภาษาชื่อ ศูนย์บริการภาษาไทย-ภาษาลาว ที่ให้บริการแปลเอกสารและลาวให้กับรัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งภาคเอกชนและบุคคลทั่วไป

เวลาที่คนมีปัญหาด้านภาษา ก็จะมาหาฉัน ฉันได้สอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติเป็นเวลาหลายปีทั้งจากหนังสือและจากแอพต่างๆ และก็ได้สอนภาษาอังกฤษให้คนไทยในอเมริกาอีกด้วย

ไม่นานมานี้ ฉันได้เปิดโรงเรียนทางออนไลน์ชื่อ สถาบันภาษาไพบูลย์ ที่สอนวิชาการล่ามและการแปลเพื่อเตรียมให้ผู้เรียนได้ทำงานเป็นมืออาชีพ ทางสถาบันของเรายังมีคอร์สสอนภาษาอังกฤษให้คนไทยที่อยู่ในประเทศไทยและทั่วโลกเรียนอีกด้วยเพราะตอนนี้ทุกคนจะสามารถเรียนได้จากโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์พกพาอื่นๆ ได้ตราบเท่าที่มีอินเตอร์เน็ต

ถ้ามีใครต้องการที่จะเป็นล่ามหรือพัฒนาภาษาอังกฤษให้อยู่ในระดับสูงแล้ว สามารถติดต่อฉันได้ทางอีเมลหรือเข้าไปดูเว็บไซต์ของทางโรงเรียนได้ หรือจะติดต่อผ่านอินบ็อกซ์ส่วนตัวทางเฟซบุ๊คก็ได้ค่ะ

นอกจากธุรกิจการเรียนการสอนด้านภาษาแล้ว ฉันยังเป็นนักเขียนคอลัมน์ประจำหนังสือพิมพ์ไทยสองฉบับในสหรัฐ งานนี้เป็นงานที่ฉันรักเพราะฉันรักการเขียนและรู้สึกดีที่มีโอกาสเขียนให้คนไทยได้อ่าน

ฉันได้ทำงานอาสาสมัครช่วยเหลือคนไทยจำนวนมากที่ย้ายมาจากประเทศไทยเพื่อมาตั้งรกรากอยู่ในสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษาหรือเรื่องวัฒธนธรรม ฉันมีผู้ติดตามจำนวนมากในเฟซบุ๊คและผู้อ่านคอลัมน์ของฉันในหนังสือพิมพ์ ฉันจึงได้รับคำถามมากมายจากหลายๆ คน เมื่อมีเวลา ก็จะตอบ และช่วยเหลือเท่าที่จะสามารถทำได้


คุณพูดภาษาของประเทศที่คุณอาศัยอยู่ได้หรือไม่ คุณคิดว่าภาษาเป็นเรื่องยากสำหรับคุณหรือไม่

ฉันไม่มีปัญหากับภาษาอังกฤษที่อเมริกาเพราะฉันสามารถพูด อ่านและเขียนภาษาอังกฤษได้ดีก่อนที่จะย้ายมาอยู่ประเทศนี้ ฉันเรียนเอกวิชาภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ฉันเรียนภาษาอังกฤษมาหลายปี จึงไม่ยากสำหรับฉัน แต่ในบางครั้งก็มีติดขัดบ้างในงานล่ามเวลาที่ต้องแปลศัพท์เทคนิคบางอย่างหรือศัพท์เฉพาะหรือในงานประชุมนานาชาติ


คุณคิดว่าเป็นสิ่งที่ยากหรือไม่ที่จะปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตในอเมริกา ถ้าตอบว่ายาก อะไรเป็นสิ่งที่ยาก

ตอนที่ฉันย้ายมาใหม่ๆ ฉันไม่มีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับชีวิตที่นี่ ฉันเข้าใจหลายๆ อย่างเกี่ยวกับอเมริกาเพราะได้ดูหนังหลายเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศนี้ ฉันได้เผชิญกับปัญหาด้านวัฒนธรรมที่แตกต่างกันบ้าง แต่ก็ได้ใช้เวลาปรับตัวเพียงไม่กี่เดือน หลังจากที่ได้มาอยู่อเมริกาได้เพียงปีเดียว ฉันก็สอบผ่านการเป็นล่ามในศาลและได้เป็นล่ามให้กับคนลาวและคนไทยตั้งแต่นั้นมา ถึงตอนนี้ก็ได้กว่ายี่สิบปีแล้ว


มีคนไทยอยู่มากหรือไม่ในเมืองที่คุณอยู่ คุณคิดว่าคนไทยมีความสุขและมีชีวิตที่สบายหรือไม่ คุณมีเพื่อนคนไทยในอเมริกาหรือไม่

เป็นที่ทราบกันดีว่ารัฐแคลิฟอร์เนียมีประชากรไทยอาศัยอยู่มากที่สุดนอกประเทศไทยและเมืองลอสแองเจลลิสก็มีคนไทยอยู่หนาแน่นที่สุด รองลงมาคือเมืองซานฟรานซิสโก ฉันอาศัยอยู่ในเขตอ่าวซานฟรานซิสโก จึงมีโอกาสได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนไทยทุกวันไม่ว่าจะในด้านการทำงานหรือด้านส่วนตัว

เนื่องจากฉันทำงานเป็นล่ามและนักเขียน คนไทยหลายคนรู้จักฉันไม่ว่าจะเป็นการส่วนตัวหรือรู้จักแต่ในนาม ฉันมีเพื่อนสนิทไม่มาก แต่มีเพื่อนทั่วๆ ไปและคนที่รู้จักหลายร้อยคน แต่ก่อนฉันชอบจัดปาร์ตี้ใหญ่ๆ ปีละหลายๆ ครั้ง แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนความสนใจไปเป็นอย่างอื่น ตอนนี้ฉันปาร์ตี้ทางออนไลน์กับแฟนคลับ ฉันสนุกกับการทำหลายๆ อย่างที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เช่นแบ่งปันความรู้เรื่องภาษาและให้ข้อมูลเกี่ยวกับอเมริกาและตอนนี้ฉันรู้สึกว่าฉันควรเอาเวลามาศึกษาธรรมะให้มากขึ้น

โดยทั่วไปแล้ว ฉันคิดว่าคนไทยที่อยู่ที่อเมริกาไม่ได้มีความสุขมากไปกว่าที่ไทยหรอกค่ะ พวกเขาอาจจะมีเงินและมีวัตถุสิ่งของมากกว่าตอนอยู่ที่ไทย แต่หลายคนก็ทำงานหนักมากเป็นเวลาหลายชั่วโมง วันแล้ววันเล่าเพื่อที่จะคงมาตรฐานชีวิตไว้ ฉันคิดว่ามีคนไทยจำนวนน้อยที่ใช้ชีวิตอย่างสบายจริงๆ ส่วนใหญ่แล้วจะทำงานหนักกว่าตอนที่อยู่ที่เมืองไทยเสียอีก

สำหรับฉันแล้ว คำถามที่ว่าความสุขคืออะไร เป็นคำถามที่ฉันอยากขยายความเสมอ ฉันคิดว่าคนเราสามารถมีความสุขที่ไหนก็ได้ไม่ว่าจะที่ไทยหรือต่างประเทศ ถ้าเราได้เราปัจจัยสี่ครบถ้วน ไม่เจ็บไม่ปวด ไม่หิวและพอใจกับสิ่งที่เรามี เราก็สามารถมีความสุขได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก


แล้วเรื่องเกี่ยวกับนิสัยใจคอของคนในอเมริกาเป็นอย่างไรบ้าง คนของเขาเป็นอย่างไร ชีวิตครอบครัวเป็นอย่างไร

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ใหญ่โตที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ชีวิตความเป็นอยู่ก็ขึ้นอยู่ว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศ คนอยู่รัฐหนึ่งหรือเมืองหนึ่งก็คิดหรือทำตัวแบบหนึ่ง แล้วแต่รัฐแต่เมือง ในเมืองใหญ่ๆ ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ฉันคิดว่าคนจะใจกว้างที่จะรับสิ่งใหม่ๆ มากกว่ารัฐอื่นๆ คนในรัฐนี้เคยชินกับการอยู่กับผู้อพยพและมีความคิดค่อนข้างจะเสรี แต่ในเมืองเล็กๆ ที่ไม่ได้อยู่ใกล้เมืองใหญ่ๆ เช่นลอสแองเจลลิสหรือซานฟรานซิสโกมีแนวโน้มไปทางอนุรักษ์นิยมถึงแม้จะอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียด้วยกันก็ตาม

ทุกภูมิภาคของสหรัฐมีประเพณีและธรรมเนียมของตัวเองซึ่งก็เหมือนกับเมืองไทยที่แต่ละภาคก็มีขนบธรรมเนียมประเพณีของท้องถิ่นของตน ซึ่งก็แล้วแต่ประวัติศาสตร์หรือสภาพทางภูมิศาสตร์ของที่นั้นๆ

ข้อแตกต่างที่สำคัญข้อหนึ่งคือเด็กที่อเมริกาจะพากันเตรียมย้ายออกจากบ้านที่อยู่กับพ่อแม่หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปลายหรือจบมหาวิทยาลัยแล้วหรือเมื่อหางานได้แล้ว เด็กๆ ก็ไม่จำเป็นต้องมีหน้าที่ดูแลพ่อแม่ ส่วนพ่อแม่ก็จะไม่คาดหวังที่จะได้รับการดูแลจากลูกของตนเช่นกันซึ่งจะแตกต่างจากที่เมืองไทย แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจได้ทำให้คนวัยหนุ่มสาวชาวอเมริกันต้องย้ายกลับมาอยู่กับพ่อแม่ของตน ทำให้เกิดความตึงเครียดแนวใหม่ให้กับหลายๆ ครอบครัว


คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับค่าครองชีพในสหรัฐอเมริกา

เมืองซานฟรานซิสโกเป็นหนึ่งในเมืองที่ค่าครองชีพแพงที่สุดในสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะในช่วงประมาณห้าถึงสิบปีที่ผ่านมา นั่นก็เป็นเพราะธุรกิจไฮเทคและคนยุคใหม่ที่มีรายได้สูงได้พากันย้ายเข้ามาทำงานให้กับบริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่ เช่น แอปเปิล เฟซบุ๊ค กูเกิลและบริษัทอื่นๆ ในเขตซิลลิคอนแวล์ลีย์ ค่าครองชีพไม่ว่าจะเป็นค่าบ้าน ค่าจอดรถ ค่าอาหารและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็แพงกว่าเมืองส่วนใหญ่ในสหรัฐ และถ้าเปรียบเทียบกับที่ไทยก็แพงกว่าหลายเท่า เมืองอื่นๆ หรือรัฐอื่นๆ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยแพงเท่าที่นี่ แต่ค่าแรงหรือเงินเดือนโดยเฉลี่ยก็ไม่มากเท่ากับแถวซานฟรานซิสโก


ช่วยกรุณาบอกข้อดีข้อเสียของการใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกาให้ด้วย

ข้อดี:

1. ชอบอากาศในรัฐแคลิฟอร์เนียที่ฉันอยู่ อากาศดีมาก ไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป

2. อเมริกาเป็นประเทศที่เหมาะกับอาชีพล่ามและการเป็นนักเขียนของฉันที่สุด เนื่องจากมีประชากรไทยและลาวเป็นจำนวนมากในเขตอ่าวซานฟรานซิสโก ฉันจึงมีงานอย่างไม่ขาดสาย

3. ในฐานะที่เป็นพลเมืองชาวอเมริกัน ฉันสามารถเดินทางโดยใช้พาสปอร์ตอเมริกาไปยังหลายประเทศทั่วโลกโดยที่ไม่ต้องห่วงเรื่องขอวีซ่า ยกเว้นเพียงบางประเทศและบางสถานการณ์

ข้อเสีย:

1. การมาอาศัยอยู่ที่อเมริกานั้นก็หมายถึงการจากบ้านเกิดเมืองนอน ห่างครอบครัวและวิถีชีวิตที่เคยมี แต่ตอนนี้เรามีเทคโนโลยีออนไลน์ ฉันสามารถได้รับข่าวสารจากครอบครัวเร็วกว่าคนที่อยู่ในหมู่บ้านบางคนเสียอีก

2. คนในเมืองในประเทศนี้ ต้องใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงเพื่อไปทำงานซึ่งทำให้เพิ่มความเครียดขึ้นและลดคุณภาพของชีวิตลง


ในความคิดของคุณ อะไรคือปัญหาที่มีขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักชาวไทยกับชาวตะวันตก

นอกเหนือจากความแตกต่างเรื่องนิสัยใจคอ เป้าหมายส่วนตัวและความสนใจของแต่ละคนแล้ว คู่รักชาวไทยกับชาวตะวันตกก็ยังต้องเผชิญกับปัญหาทางด้านภาษาและวัฒนธรรมอีกด้วย

ฉันได้อธิบายไว้อย่างละเอียดถึงความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมคู่รักชาวไทยกับชาวตะวันตกในหนังสือ “บันทึกของล่าม” ภาคภาษาอังกฤษ เรื่องเงินดูเหมือนจะเป็นปัญหาหลักที่ก่อให้เกิดปัญหา นี่เป็นส่วนหนึ่งในหนังสือที่ฉันได้เขียนไว้

“ชีวิตคู่ที่ไม่มีความสุขของแต่ละคู่ก็แตกต่างกันไป แต่ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดในความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักชาวไทยกับชาวตะวันตกมักจะเกี่ยวกับเรื่องเงิน ขอแนะนำว่าถ้าจะมีความสัมพันธ์กับสาวไทยละก็ต้องทำใจเรื่องการทำบัญชีการเงินของคุณด้วย แน่นอน คุณกำลังรักเธออย่างโงหัวไม่ขึ้น แต่คุณมีรายได้และเงินที่เก็บเพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนรักของคุณและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ตามมาพร้อมกับตัวเธอด้วยหรือไม่ คุณจะต้องพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความจริงเพื่อที่จะเข้าใจเธอและความต้องการของเธอ ภรรยาชาวไทยส่วนใหญ่ยังต้องการที่จะส่งเงินไปให้ครอบครัวที่เมืองไทยปีแล้วปีเล่า สามีชาวอเมริกันอาจจะอยากจะช่วยในช่วงแรกๆ แต่ความต้องการเรื่องการส่งเงินไปไทยนั้นดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด การแก้ปัญหาอย่างหนึ่งก็คือให้ภรรยาชาวไทยทำงานเพื่อผ่อนเบาภาระครอบครัวทางอเมริกา แล้วให้เอาเงินส่วนที่เธอหาได้เองส่งไปที่เมืองไทยตามความจำเป็น แต่ถ้าเธอไม่สามารถทำงานได้เพราะเธอต้องดูแลลูกๆ หรือว่าด้วยเหตุผลอื่นใดก็ตาม สามีควรหาวิธีอื่นที่จะช่วยเธอส่งเงินกลับประเทศไทย มิฉะนั้นแล้ว ภรรยาชาวไทยก็จะไม่แฮปปี้และอึดอัดและอาจเป็นชนวนให้มีปากเสียงหรืออาจถึงกับหย่าร้างกันได้ ถ้าเธอสามารถเลี้ยงตัวเองได้ มีทักษะที่จะออกหาเลี้ยงชีพ หรือไม่มีพันธะที่ไทยมากนะ ความสัมพันธ์ก็จะราบรื่นขึ้นและจะไม่แพงจนเกินไปสำหรับคุณ”


คุณยังมีญาติสนิทที่เมืองอยู่หรือไม่คุณคิดถึงครอบครัวที่ไทยและเมืองไทยหรือไม่ คุณชอบที่ไหนที่ไทยมากที่สุด เพราะอะไร

ญาติๆ ส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ไทย แม่และพี่น้องก็ยังอยู่ที่นั่น ฉันติดต่อกับพวกเขาผ่านสื่อสังคมตลอดเวลา แต่ก็ไม่เหมือนกับที่ได้เจอกันจริงๆ ฉันเป็นห่วงแม่เพราะแม่แก่มากแล้ว แต่ก็ได้จ้างคนมาดูแล ฉันไม่คิดถึงเมืองไทยเลยเพราะได้กลับไปเยี่ยมอย่างน้อยปีละครั้ง ฉันเป็นเด็กในเมือง ฉันชอบอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ที่เมืองไทยฉันชอบเชียงใหม่ที่สุด เพราะเป็นเหมืองใหญ่ที่มีความหลากหลาย แต่ก็ยังมีความรู้สึกว่าไม่ใหญ่จนเกินไป ไม่วุ่นวายเท่าที่กรุงเทพ เชียงใหม่มีทุกอย่างที่ฉันชอบทำที่นั่น เสียดายที่จราจรเริ่มติดขัดมากขึ้นทุกปี


คุณรู้สึกปลอดภัยในอเมริกาหรือไม่ ถ้าใช่ กรุณาบอกเหตุผล

โดยทั่วไปแล้ว ฉันรู้สึกปลอดภัยมากที่นี่ แต่บางทีเวลาอยู่ในรถบัสหรือรถไฟหรือสถานที่ที่มีคนอยู่มากๆ ก็จะระวังตัวคอยดูคนรอบๆ ข้าง ฉันคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะรู้สึกเช่นนี้ในเมืองใหญ่ไม่ว่าจะที่ใดในโลก ฉันก็ยังจะคงระวังตัวอยู่ต่อไป เช่นจะไม่พูดโทรศัพท์ขณะเดินอยู่บนถนน


ในจำนวนสถานที่ต่างๆ ที่คุณได้ไปมาในอเมริกา คุณชอบที่ไหนที่ไหนมากที่สุดและเพราะเหตุใด

ฉันได้ไปมาหลายรัฐและเมืองใหญ่ๆ แทบทุกเมืองในสหรัฐ ฟังแล้วอาจจะดูเหมือนว่าฉันลำเอียง แต่ฉันชอบเขตอ่าวซานฟรานซิสโกมากที่สุด มีสถานที่สวยงามให้เที่ยวชมมากมาย และอากาศก็ดีแทบจะตลอดปี เมืองซานฟรานซิสโกเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความหลากหลายที่สุดในโลก จะหากินอาหารของชาติไหนก็ได้ จะไปเต้นซอลซ่าหรืออาร์เจนทีนแทงโก้คืนไหนก็ได้ มีร้านอาหารไทยหลายร้อยร้านและมีวัดไทยหลายวัดด้วย นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของบริษัทไฮเทคหลายแห่ง เช่น แอปเปิล กูเกิล ยาฮู อีเบย์ อูเบอร์และเฟซบุ๊ค

แต่เมืองอื่นๆ ที่ฉันชอบมากๆ ก็มีเมืองหลวงวอชิงตันดีซีเพราะเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ เมืองนิวยอร์คก็มีจุดท่องเที่ยวที่ตื่นตาและเป็นเมืองที่น่าตื่นเต้นและเมืองชิคาโกก็มีริมทะเลสาบที่สวยงามให้ชมและสถาปัตยกรรมระดับโลก


คุณชอบทำอะไรในเวลาว่าง

ฉันชอบเล่นเกมคำต่างๆ ทั้งที่เป็นแอพและที่เป็นเกมหมากกระดาน นอกจากนี้ฉันชอบอ่านหนังสือธรรมะมาก งานอิเรกที่ชอบที่สุดก็คือเต้นรำและเรียนภาษา ฉันชอบเขียนโพสต์บนเฟซบุ๊คและบทความลงหนังสือพิมพ์ให้คนอ่าน ตอนนี้มีคนติดตามหลายพันคนที่ชอบอ่านโพสต์ของฉัน


คุณจะแนะนำผู้หญิงไทยที่กำลังจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศอย่างไรบ้าง คุณมีคำแนะนำอย่างไรที่จะใช้ชีวิตที่ดีและมีความสุข พวกเขาควรรับรู้อะไรบ้าง

ก่อนอื่น ฉันขอแนะนำให้เรียนภาษาของประเทศที่กำลังจะย้ายไปอยู่ แต่ภาษาอังกฤษก็สำคัญมากเพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย อย่างน้อยก็ควรรู้ภาษาอังกฤษให้ดีถึงขั้นที่พออ่านคำแนะนำหรือคำชี้แจงต่างๆ และสามารถค้นคว้าบางอย่างด้วยตนเองทางออนไลน์ได้

ถ้ามีอาชีพหรือทักษะติดตัวมาที่จะสามารถหางานทำเพื่อเลี้ยงตัวเองได้ก็จะเป็นการดีเผื่อมีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตการสมรสของตน ควรมีเพื่อนดีๆ สักสองสามคนที่ไว้ใจและที่สามารถพึ่งพาได้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ฉันขอแนะนำให้หาข้อมูลจากหลายๆ แหล่งก่อนเพื่อที่จะให้แน่ใจว่าได้ตัดสินใจอย่างถูกต้อง

และสุดท้าย อย่าเอาเปรียบคนอื่นและอย่าให้คนอื่นมาเอาเปรียบเรา ควรเข้าร่วมกลุ่มต่างๆ ในเฟซบุ๊คที่แบ่งปันประสบการณ์และให้คำแนะนำจากผู้ที่เคยมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน เฟซบุ๊คเป็นดาบสองคม ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง

“อัตตาหิ อัตโนนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน” meaning: “God helps those who help themselves.”