ประสบการณ์เป็นล่ามให้กับบริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่แห่งซิลิคอนแวลลีย์

My Experience Working as an Interpreter for Hi-Tech Companies in Silicon Valley

ตอนที่ย้ายมาอยู่อเมริกาครั้งแรกเมื่อ 23 ปีก่อน ฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้มาตกอยู่ที่เขตอ่าวซานฟรานซิสโก (San Francisco Bay Area) ตอนนั้นฉันเพิ่งเริ่มทำงานเป็นนักแปลและล่ามอิสระและก็ทำอาชีพเป็นนักเขียนด้วย คือทุกอย่างที่ทำ เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาทั้งสิ้นเพราะฉันเป็นคนที่ชอบภาษาเป็นชีวิตจิตใจ

ฉันชอบอยู่ซานฟรานซิสโกมากเพราะว่าชอบอากาศที่ไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป ชอบความหลากหลายในเรื่องเชื้อชาติและภาษา ชอบที่มีคนลาวและคนไทยอยู่มาก ชอบที่มีวัดทางพุทธศาสนาอยู่หลายวัด ชอบที่มีร้านอาหารไทยอยู่แบบนับไม่ถ้วน

เขตอ่าวซานฟรานซิสโกเป็นเขตที่น่าอยู่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้ค่าครองชีพจะสูงมากก็ตาม แต่ถ้าเราขยันหรือมีความรู้ความสามารถ ก็สามารถอยู่ได้อย่างไม่ขัดสน

เหตุผลหลักที่ทำให้ค่าครองชีพในเขตอ่าวซานฟรานซิสโกสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็เนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของบริษัทไฮเทคต่างๆ ในเขตซิลิคอนแวลลีย์ ซึ่งอยู่ทางใต้ของเมืองซานฟรานซิสโกเพียงเล็กน้อย ซิลิคอนแวลลีย์เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของโลกหลายร้อยบริษัท ที่ดังๆ ก็มี Facebook, Apple, Google, Uber, Tesla and SpaceX, PayPal, eBay, Hewlett-Packard, Netflix, Twitter, Yahoo, Airbnb, Intel, Pinterest และ Yelp

ตอนฉันมาอเมริกาแรกๆ ยังไม่มีใครมีอีเมลเลย อินเตอร์เน็ทก็เพิ่งจะเริ่มมีแต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ฉันเป็นคนที่สนใจเทคโนโลยี อะไรใหม่ออกมา ก็จะศึกษาหรือใช้เองก่อนใครทันที จึงติดตามการพัฒนาการด้านเทคโนโลยีมาตลอด ได้เห็นบริษัทต่างๆ เกิดขึ้น เติบโตขึ้น จนเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ส่วนบางบริษัทก็ถูกซื้อไป บางบริษัทก็ล้มหายตายจากไป

ตัวฉันเองได้ตั้งบริษัทแปลภาษาขึ้นในช่วงภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ของซิลิคอนแวลลีย์ในปี 1996 ก่อนที่บริษัทด็อทคอมจะพากันล้มลุกคลุกคลานตอนที่ฟองสบู่แตกในช่วงต้นสหัสวรรษที่สามหรือปี 2000 เศษๆ เป็นต้นมา

ช่วงนั้นฉันได้ทำทั้งงานแปลและงานล่ามให้กับบริษัทต่างๆ ทั้งผ่านเอเจนซี่ที่เป็นนายหน้ารับงานแปลภาษาก็มีและทั้งที่ได้รับงานโดยตรงก็มี งานเข้ามามากจนไม่สามารถทำคนเดียวได้ เพราะต้องออกไปเป็นล่ามตอนกลางวัน แล้วตอนเย็นและตอนกลางคืนก็ต้องมาทำงานแปลต่อ จึงจำเป็นต้องจ้างคนมาช่วยทำโปรเจ็คต่างๆ งานเยอะก็เงินเยอะ แต่สุขภาพกลับย่ำแย่ ทั้งๆ ที่ในตอนนั้นยังอยู่ในวัยสามสิบต้นๆ พอฟองสบู่แตก งานกับบริษัทไฮเทคต่างๆ ก็ลดลงด้วย และตอนหลังๆ ก็สามารถจ้างคนแปลที่อยู่เมืองไทยได้เพราะมีอินเตอร์เน็ท ไม่จำเป็นต้องจ้างคนที่อเมริกาอีก งานแปลเอกสารด้านไฮเทคของฉันก็แทบจะไม่มีเหลือ ถึงมีก็ไม่อยากที่จะรับเพราะจะไม่คุ้มกับสุขภาพ

นับจากนั้นมา ฉันเริ่มสนใจที่จะทำงานล่ามและงานเขียนเท่านั้น ไม่รับงานแปลอีก (ถ้าจะรับก็เป็นงานแปลเล็กๆ น้อยๆ เช่น สูติบัตร ทะเบียนสมรส ใบหย่า ใบเปลี่ยนชื่อ) เพราะไม่อยากที่จะเป็นคนรวยที่สุขภาพไม่ดี ฉันจึงได้มาสนใจเรื่องดูแลสุขภาพโดยเฉพาะแบบทางเลือก ที่ชอบที่สุดคือแบบแพทย์วิถีธรรม

ไม่กี่ปีที่ผ่านมาซิลิคอนแวลลีย์ก็ได้ฟื้นตัวขึ้นมา โดยเฉพาะหลังจากที่มีสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเกิดขึ้น

ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จำนวนคนไทยในอเมริกาก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความต้องการล่ามภาษาไทยก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เนื่องจากอยู่วงการนี้มานาน คนจึงรู้จักเราเยอะ พอบอกว่าต้องการล่าม เขาก็มักจะนึกถึงเราก่อน และแนะนำต่อๆ กันไป

ฉันได้ตัดสินใจที่จะเอาดีทางงานล่าม จึงได้หันมาโฟกัสทางด้านนี้ การที่ฉันเป็นนักเขียนและนักแปลมาก่อนทำให้ฉันมีพื้นฐานทางด้านภาษาที่แข็งแรงกว่าผู้ที่เป็นล่ามอย่างเดียวแต่ไม่เคยเป็นนักเขียนหรือนักแปลมาก่อน ฉันทำงานด้านกฎหมายเป็นหลักและด้านการแพทย์เป็นรอง และก็เดินทางไปแปลตามรัฐต่างๆ เมื่อมีการประชุมเวลาที่มีความจำเป็นต้องใช้ล่ามไทยหรือล่ามลาว

การที่เป็นล่ามกฎหมายประกอบกับความรู้ด้านเทคโนโลยี กรอปกับการที่อาศัยอยู่ในเขตซานฟรานซิสโกทำให้ฉันได้ถูกเลือกให้เป็นล่ามให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นล่ามในคดีแพ่ง การประชุม การมาดูงานต่างๆ

คดีแพ่งบางคดี เขาฟ้องเอาเงินค่าเสียหายกันทีละหลายสิบล้านดอลล่าร์เลยนะ จะต้องมีการเรียกพยานมาให้การ ที่เรียกว่า deposition บางทีพยานก็อยู่ที่อเมริกา บางทีก็มาจากประเทศไทย พยานจากไทยส่วนมากต้องใช้ล่ามอยู่แล้ว ส่วนพยานที่อยู่ในอเมริกา บางคนก็ใช้ล่าม บางคนก็ไม่ต้องใช้ แต่ถึงแม้ไม่ต้องใช้ บางทีเขาก็ให้ล่ามไปนั่งอยู่ด้วยเป็นการสแตนด์บายเผื่อว่าไม่เข้าใจคำถามหรือไม่เข้าใจบางคำ การที่ได้นั่งฟังเคสต่างๆ วันละหลายชั่วโมง ทำให้ฉันได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิบัตร การทำผิดสัญญา การหักหลังหักหน้าระหว่างพวกเศรษฐีด้วยกัน ดูแล้วก็สนุกดี

เนื่องจากตอนนี้มีบริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่มากมายที่อยู่ในซิลิคอนแวลลีย์ จึงมีหลายองค์กรจากเมืองไทย ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมาดูงาน ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทไฮเทคต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ฉันได้มีโอกาสได้เป็นล่ามให้กับแขกที่มาจากเมืองไทยอยู่เนืองๆ อีกด้วย

ฉันชอบทำงานเป็นล่ามที่บริษัทไฮเทคเหล่านี้ เพราะได้เรียนรู้มากมาย เหมือนเขาจ้างเราไปเรียนเลย สนุกดีค่ะ ลูกค้ามักจะชมว่าแปลได้ไว เพราะหลายคนไม่เคยเห็นล่ามแปลแบบฉับพลัน งานไฮเทคเป็นงานหนึ่งที่ค่อนข้างถนัดเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ฉันชอบอยู่แล้ว

ดังนั้น นอกจากจะเป็นล่ามด้านกฎหมายและด้านการแพทย์ที่ทำอยู่ และบางครั้งก็เป็นล่ามให้กับกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาแล้ว ฉันก็รับงานล่ามเพื่อที่จะไปแปลให้บริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่หลายๆ บริษัทในซิลิคอนแวลลีย์ด้วย ฉันจึงต้องศึกษาข้อมูลต่างๆ รวมทั้งคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องในสาขานี้เพื่อที่จะสามารถแปลได้อย่างไม่ติดขัด

ซิลิคอนแวลลีย์ยังคงเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและการพัฒนาไฮเทคชั้นนำอยู่ในขณะนี้ แต่มีข่าวหนาหูมาว่าอีกไม่นานฟองสบู่รอบที่สองจะแตกอีกครั้ง แต่ฉันก็ไม่กลัวว่าจะไม่มีงานล่ามหรอกนะ เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร ถ้าคนยังพูดกันไม่รู้เรื่อง เขาก็จำเป็นต้องใช้ล่ามอยู่ ช่วงเศรษฐกิจดี งานแปลก็หลากหลาย โดยเฉพาะด้านธุรกิจ ช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ก็มีคดีความเยอะ ทั้งแพ่งและอาญา บางทีงานล่ามช่วงเศรษฐกิจไม่ดีก็มีมากกว่าช่วงเศรษฐกิจดีเสียด้วยซ้ำ

ดังนั้น ฉันจึงฝึกทักษะการแปลของตนอยู่เสมอ ขยันท่องศัพท์ ฝึกการใช้ภาษาอังกฤษ ภาษาลาวและภาษาไทยตลอดเวลา โลกเราล้วนอนิจจัง เอาอะไรแน่นอนไม่ได้ แต่อย่างน้อยเรามีวิชานี้ติดตัว ตราบเท่าที่คนในโลกยังใช้คนละภาษากัน ตราบใดที่คอมพิวเตอร์หรือปัญญาประดิษฐ์ยังไม่สามารถแปลภาษาให้เป็นธรรมชาติอย่างที่มนุษย์พูดได้ ล่ามก็จะยังคงเป็นที่ต้องการต่อไป...

สหัสวรรษ millennium

ทศวรรษ decade

นวัตกรรม innovation

ปัญญาประดิษฐ์ artificial intelligence (A.I.)

การละเมิดสิทธิบัตร infringement of patent

การทำผิดสัญญา breach of contract

ภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ bubble economy

ฟองสบู่แตก bubble burst

กระทรวงการต่างประเทศ State Department (in the US), Ministry of Foreign Affairs

คดีแพ่ง civil case, civil matter

คดีอาญา criminal case, criminal matter

ค่าครองชีพ cost of living