มีรายงานล่าสุดว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) สั่งยึด Bitcoin ของนายเฉินจื้อ นักธุรกิจจีนสัญชาติกัมพูชา มูลค่าหลายพันล้านจากกลโกงคริปโต ครั้งใหญ่ในกัมพูชา
นายเฉิน จื้อ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าดำเนินค่ายแรงงานบังคับในกัมพูชา โดยบังคับใช้แรงงาน ทำร้ายร่างกายและทรมาน ที่ถูกค้ามนุษย์ดำเนินการฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัล และสามารถกวาดเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์
สหรัฐ กล่าวว่า เฉิน จื้อ แห่ง Prince Holding Group และพวกพ้องของเขาถูกกล่าวหาว่าสร้างรายได้มากถึง 30 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวันจากการหลอกลวงครั้งหนึ่ง และฉินเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และบิดาของเขา อดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน และได้รับเกียรติด้วยบรรดาศักดิ์ “ออกญา” ซึ่งเทียบเท่ากับขุนนางอังกฤษ และไทยในอดีต
เฉิน จื้อ ชายวัย 37 ปี ซึ่งรู้จักกันในชื่อวินเซนต์ เป็นผู้ก่อตั้ง Prince Holding Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่ทางการระบุว่าทำหน้าที่เป็นฉากหน้าของ "หนึ่งในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย" ตามข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ
กระทรวงยุติธรรมยังได้ยื่นฟ้องริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยยึด Bitcoin ได้ประมาณ 127,271 บิตคอยน์ คิดเป็นมูลค่าราว 15,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 4.9 แสนล้านบาท ในราคาปัจจุบัน
“การดำเนินการในวันนี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่สำคัญที่สุดในการปราบปรามการค้ามนุษย์และการฉ้อโกงทางการเงินผ่านไซเบอร์ ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงระดับโลก” อัยการสูงสุด แพม บอนดี กล่าว
มีรายงานว่าเฉินได้สั่งการให้มีการบังคับใช้แรงงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วกัมพูชา โดยมีการกักขังแรงงานค้ามนุษย์หลายร้อยคนไว้ในสถานที่คล้ายเรือนจำที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงและลวดหนาม
ปีที่แล้ว ชาวอเมริกันสูญเสียเงินอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับการหลอกลวงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 66% จากปี 2023 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุ และเรียก Prince Holding Group ว่าเป็น “ผู้เล่นหลัก” ในอุตสาหกรรมนี้ ทางการจีนได้ดำเนินการสืบสวนบริษัทนี้ในข้อหาหลอกลวงทางไซเบอร์และการฟอกเงินมาตั้งแต่ต้นปี 2020 ตามบันทึกของศาลที่ตรวจสอบโดยสถาบันสันติภาพสหรัฐฯ
ภายใต้การคุกคามของความรุนแรง พวกเขาถูกบังคับให้ดำเนินการตามกลลวงที่เรียกว่า "การฆ่าหมู" ซึ่งเป็นแผนการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างความไว้วางใจกับเหยื่อในช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะขโมยเงินของพวกเขาไป แผนการดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลก ทำให้เกิดการสูญเสียนับพันล้าน
ศูนย์หลอกลวงทั่วทั้งกัมพูชา เมียนมาร์ และภูมิภาคอื่นๆ ใช้โฆษณาหางานปลอมเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติ ซึ่งหลายคนเป็นชาวจีน ให้มาทำงานในสถานที่ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ โดยคนเหล่านี้ถูกบังคับให้ฉ้อโกงทางออนไลน์ภายใต้ภัยคุกคามของการทรมาน
เฉินเป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว ติดตามผลกำไรและแผนการต่างๆ และยังมีภาพการทุบตีและการทรมานเหยื่ออีกด้วย เขาพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับการลงโทษผู้ที่ “ก่อปัญหา” แต่เน้นย้ำว่าคนงาน “ไม่ควรถูกตีจนตาย” ผู้หลอกลวงมักติดต่อเหยื่อผ่านแอปส่งข้อความหรือโซเชียลมีเดีย โดยสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูงจากการลงทุน ตามที่ฟ้องระบุ
นับตั้งแต่ประมาณปี 2015 Prince Group ได้ดำเนินกิจการในกว่า 30 ประเทศภายใต้ข้ออ้างของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน และผู้บริโภคที่ถูกกฎหมาย อัยการกล่าว
เฉินและผู้บริหารระดับสูงถูกกล่าวหาว่าใช้อิทธิพลทางการเมืองและติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหลายประเทศเพื่อปกป้องการดำเนินงาน รายได้ส่วนหนึ่งถูกฟอกเงินผ่านการพนันและการขุดสกุลเงินดิจิทัลของ Prince Group เอง
เจ้าหน้าที่เผยว่าเงินที่ถูกขโมยไปนั้นจะถูกนำไปใช้ในการซื้อของหรูหราต่างๆ รวมถึงนาฬิกา เรือยอทช์ เครื่องบินส่วนตัว บ้านพักตากอากาศ และภาพวาดของปิกัสโซที่ซื้อจากบ้านประมูลแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก
เฉินอาจต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุด 40 ปี หากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงทางสายโทรศัพท์และสมคบคิดฟอกเงิน
ในการดำเนินการประสานงานกัน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อังกฤษได้อายัดทรัพย์สิน 19 แห่งในลอนดอน มูลค่ากว่า 100 ล้านปอนด์ ซึ่งเชื่อมโยงกับเครือข่ายของเฉิน รวมถึงคฤหาสน์มูลค่า 12 ล้านปอนด์ในลอนดอนตอนเหนือ
มาตรการคว่ำบาตรยังมุ่งเป้าไปที่ Qiu Wei Ren ผู้ร่วมงานของ Chen ซึ่งเป็นคนสัญชาติจีนที่มีสัญชาติกัมพูชา ไซปรัส และฮ่องกงอีกด้วย
การสืบสวนของ AFP เมื่อวันอังคารพบว่าศูนย์หลอกลวงในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่เดือนหลังจากการปราบปรามในประเทศดังกล่าว
จีน ไทย และเมียนมาร์ บังคับให้กองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลทหารของเมียนมาร์ซึ่งปกป้องศูนย์เหล่านี้สัญญาว่าจะปิดศูนย์เหล่านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยปล่อยตัวผู้คนไปประมาณ 7,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองจีน
แต่ระบบคอลเซ็นเตอร์แบบโหดกำลังกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในเมียนมาร์ โดยขณะนี้ใช้ระบบดาวเทียม Starlink ของ Elon Musk เพื่อเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
ขอบคุณเนื้อหาจาก : Army Military Force
วันที่ 15 ตุลาคม 2568 – รศ.ดร.ยุทธพร อิสระชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ของรัฐบาล ที่เริ่มต้นให้ร้านค้าลงทะเบียน ว่า
เป็นโครงการที่มีความน่าสนใจและมีศักยภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น แม้จะไม่ใช่นโยบายใหม่ แต่ถือเป็นการนำโครงการที่ประชาชนคุ้นเคยกลับมาปรับปรุงให้เหมาะกับบริบทเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งถือว่าถูกจังหวะกับช่วงอายุรัฐบาลที่ยังไม่ถึง 4 เดือน
ในภาวะที่เศรษฐกิจยังซบเซา การนำมาตรการลักษณะนี้กลับมาใช้อีกครั้งถือเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสม เพราะสามารถกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนในระยะสั้นได้จริง โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อยและผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจ การหยิบยกโครงการเก่ามาพร้อมปรับจุดอ่อนและอุดช่องว่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต จึงเป็นการใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้ประชาชน “เดินต่อได้ก่อน” ขณะที่ภาคธุรกิจฐานรากก็มีเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดเหตุการณ์ เมื่อคืนวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ได้มีคนหลายรอบวางระเบิด จำนวน 3 จุด ภายในเขตเทศบาลนครยะลา บริเวณข้างศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยช่วงเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ ชุด EOD พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง จุดแรกที่บริเวณประตูข้างศูนย์เยาวชน จุดที่ 2 ข้างกำแพงที่ทำการประปาเทศบาลนครยะลา จุดที่ 3 ที่บริเวณถังขยะหน้าศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา
จากการตรวจสอบในเบื้องต้น เป็นระเบิดชนิดไปป์บอม โดยคนร้ายนำมาวางไว้ก่อนจุดชนวนระเบิด ที่ละลูกแต่ละลูกห่างกัน 10-15 นาที โชคดีไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดกั้นบริเวณ ใกล้จุดเกิดเหตุก่อนเนื่องจากบริเวณใกล้เคียงภายในศูนย์เยาวชน โดยวันนี้จะมีการจัดงานชักพระ กลุ่มคนร้ายหวังสถานการณ์เพื่อให้ประชาชนเกรงกลัว ไม่กล้าออกมาเที่ยวงานในคืนนี้ แต่เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มงวดและตรวจตรารถยนต์ จักรยานยนต์ที่เข้าออกตัวเมืองยะลาอย่างเข้มงวด
ด้าน พล.ต.ธรรมนูญ ไม้สนธิ์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.)กล่าวถึงกรณีที่เกิดเหตุคนร้ายก่อกวนสร้างสถานการณ์ในหลายพื้นที่จ.ยะลา จ.ปัตตานี และจ.นราธิวาส มีการลอบวางระเบิดเผาทำลายกล้องวงจรปิดและลอบวางเพลิงรถตู้โดยสารว่า หลัง
เกิดเหตุ พล.ท.นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผอ.รมน.ภ.4 สน.ได้สั่งการให้หน่วยกำลังในพื้นที่ทั้งฝ่ายพลเรือน ตำรวจและทหาร เข้าดำเนินการควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เร่งเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน และติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก
จากเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดีเพียงบางกลุ่มที่พยายามสร้างความแตกแยกในสังคมและทำลายระบบเศรษฐกิจ ตลอดจนสังคมพหุวัฒนธรรมอันสงบสุขของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการจัดกิจกรรม ประเพณีชักพระ ซึ่งเป็นงานสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมของชุมชน ที่มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความสามัคคีในสังคม
“กอ.รมน.ขอประณามการกระทำ อันไร้มนุษยธรรม ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน พร้อมขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ร่วมกันสอดส่องดูแล หากพบเห็นบุคคลหรือวัตถุต้องสงสัย สามารถแจ้งข้อมูลผ่าน สายด่วน กอ.รมน. โทร. 1341 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง” โฆษกกอ.รมน.กล่าว
กอ.รมน.ขอเตือนถึงผู้ให้การสนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการให้ที่พักพิง จัดหาเสบียง หรือช่วยเหลือในทางใดทางหนึ่ง ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ กอ.รมน. ขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละและความมุ่งมั่น เพื่อสร้างความปลอดภัยและความ เชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มขีดความสามารถ
15 ตุลาคม 2568 เฟซบุ๊กเพจ "Around the World" ได้ออกมาโพสต์ว่า สำนักข่าวเกาหลีใต้ KBS สื่อสาธารณะของประเทศเกาหลีใต้ ได้ออกมาเผยแพร่คลิป สื่อเกาหลีใต้บุกเจาะฐานสแกมเมอร์รังใหญ่ในกัมพูชา โดยทางสื่อได้เผยทุกรายละเอียดภายในทั้งความเป็นอยู่ของเหยื่อ การรักษาความปลอดภัยภายใน และการลงโทษคนที่คิดหลบหนี
โดยภายในคลิปมีการเปิดเผยการเดินทางออกจากกรุงพนมเปญมาประมาณ 40 ปี บริเวณ 2 ข้างทางเป็นที่ว่างเปล่า ต้องเดินทางเข้าไปอีกลึก 2 ข้างทางไม่มีสิ่งปลูกสร้างหรืออะไรเลย ถ้าเข้ามาแล้วจะไม่มีทางออกมาได้เลยโดยไม่มีรถ
สำนักข่าวเกาหลีใต้ ระบุต่ออีกว่า มีชาวเกาหลีหลายคนถูกลักพาตัวมาที่นี่นักข่าวยังบอกอีกว่า เห็นตึกแล้วมันเป็นอาคาร 4 ชั้น เหมือน 'คุก' บริเวณดังกล่าวนี้จะมีวัยรุ่นชายชาวจีนคอยตรวจรถทุกคัน ถ้าพวกเขารู้จักคุณคุณก็จะผ่านเข้าไปได้
พร้อมทั้งได้เผยแพร่คลิปวิดีโอภายในที่ได้มาอย่างยากลำบาก เมื่อประตูเหล็กเปิดขึ้นจะพบรถยนต์จอดเรียงราย รปภ.จะเรียกหยุดรถและตรวจสอบอย่างละเอียด เมื่อขับเข้าไปเรื่อยๆ ภายในจะเห็นตึกทั้ง 2 ข้างทางราวกับยกหมู่บ้านเข้ามา
เราได้พบกับชาวคนหนึ่งที่ติดอยู่ในนี้มานานถึง 3 สัปดาห์ เขากล่าวว่า "ผมถูกกักขังอยู่ตรงจุดนี้ของกลุ่มอาคาร ประตูเหล็กเป็นประตูหลักถัดมาเป็นห้องรปภ. มีรปภ.ทำงานอยู่ที่นี่ประมาณ 200 คน และจะมีคนเฝ้าห้องรปภ.อยู่ตลอดเวลา มีคนเฝ้ายามตลอด 24 ชั่วโมง"
"สมุดบัญชี หนังสือเดินทางและมือถือจะถูกยึดไป เขาจะถูกพาไปยังอาคาร 4 ชั้น พร้อมทั้งอธิบายสัดส่วนของภายในฐานสแกมเมอร์ โดยบอกว่าทางทั้งหมดตรงนี้ตรงไปยังโรงอาหาร มีโรงอาหาร ห้องคาราโอเกะแล้วก็ซูเปอร์มาเก็ต มีโรงพยาบาลกับร้านตัดผมตรงนั้นด้วย ทั้งหมดนี้เพียงพอต่อการใช้ชีวิต"
มีคลิปความรุนแรงมากมาย เช่น คลิปตัดนิ้ว เขาเปิดให้เราดูแล้วบอกว่า "ถ้าเราไม่ทำงานเราจะเป็นแบบนี้" คำขู่กลายเป็นเรื่องจริง ไม่มีการแสดงถ้าคุณไม่ทำงานการทรมานจะเริ่มต้นขึ้น
แหล่งข่าวยังเปิดเผยอีกว่า มันเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับชาติอื่น รวมถึงคนเกาหลี เพราะว่าถ้าคุณต้องการเหยื่อสแกมเมอร์ในตลาดเกาหลี คุณไม่ใช่แค่ต้องการคนที่พูดภาษาเกาหลีได้ แต่คุณต้องใช้คนที่เข้าใจความคิดคนเกาหลี พวกอาชญากรนั้นมีความเชี่ยวชาญมาก ในการหลบเลี่ยงการถูกบังคับใช้กฎหมาย และการย้ายไปยังพื้นที่ห่างไกล ที่ไม่ค่อยมีการบังคับใช้กฎหมายและการกำกับดูแลโดยรัฐบาลและดำเนินธุรกิจของพวกเขาที่นั่น
วันที่ 15 ตุลาคม 2568 เวลา 19.07 น. ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กลับเข้าสภาอีกครั้งหลังเสร็จภารกิจ ซึ่งขณะนั้นในสภา อยู่ระหว่างการลงมติว่าจะรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคใดเป็นร่างหลัก ด้วยวิธีการขานชื่อ เนื่องจากครั้งแรกผลการลงมติออกมาห่างกันไม่ถึง 30 เสีย
โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม ว่ารีบกลับเข้ามาเพราะกลัวร่างของพรรคภูมิใจไทยจะเป็นร่างหลักหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ไม่เกี่ยวครับเป็นหน้าที่สส. ถามอย่างนี้อีกแล้ว ไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นร่างของพรรคใด ก็มีประโยชน์กับประชาชนทั้งนั้น”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าผลการลงมติครั้งแรกสูสี กลัวว่าการลงมติครั้งนี้ ร่างของภูมิใจไทยจะไม่ได้เป็นร่างหลักหรือไม่ “นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไม่กลัว ร่างอะไรก็ดีทั้งนั้น”
เมื่อถามต่อว่า หลังร่างของเพื่อไทยตีตกไป พรรคเพื่อไทยก็สนับสนุนร่างพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไม่มีปัญหา ในระบอบประชาธิปไตย ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา เคารพกติกาไม่มีปัญหาใดใดทั้งสิ้น ที่กลับเข้ามาก็มาโหวตในฐานะ สส. ภารกิจเสร็จก็รีบมา
ส่วนมองอย่างไรที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยถูกตีตก นายอนุทินกล่าวว่าตอนนั้นติดภารกิจ จึงไม่ได้ติดตาม ตอนนี้เพิ่งเสร็จภารกิจก็รีบกลับมาทำหน้าที่ผู้แทน ก่อนจะรีบขอตัวขึ้นไปร่วมลงมติทันที
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012