หากทุกอย่างเป็นไปตามกลไก วันที่ 2 ก.พ. ไทยก็จะมีนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ก่อนจะถึงวันนั้น พาย้อนกลับไปอดีต ในบรรดานายกรัฐมนตรี 28 คน ใครนั่งเก้าอี้ผู้นำนานที่สุด...
ย้อนจากนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ที่เพิ่งประกาศยุบสภาไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 นั้น คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งถือเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่หลายอย่างให้การเมืองไทย ทั้งการเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกพร้อมกับเป็นรัฐมนตรีกลาโหมหญิงคนแรกของไทยเช่นกัน และเป็นนักการเมืองที่ลงสนามหาเสียงเพียง 47 วัน ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถือว่ายาวนานเป็นอันดับ 10 รวม 853 วัน
ส่วน นายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุด คือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม รวมระยะเวลา 4,625 วัน อันดับ 2 คือ จอมพลถนอม กิตติขจร 3,889 วัน อันดับ 3 คือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ 3,076 วัน ขณะที่นายกรัฐมนตรีซึ่งอยู่ในตำแหน่งสั้นที่สุด คือ นายทวี บุณยเกตุ ซึ่งดำรงตำแหน่งเพียง 17 วันเท่านั้น.
“กปปส.” ฉีกบัตรเชิญร่วมเวทีรัฐบาล จวกตั้งธงไว้แล้ว ลั่นไม่ร่วมเลือกตั้งจนกว่าปฏิรูป ท้าตำรวจรวบตัววันที่ 14 ธ.ค.ที่จะไปพบ ผบ.เหล่าทัพ เชื่อภาคธุรกิจ-เสื้อแดงร่วมปฏิรูป ปลุกตั้ง กปปส.จังหวัด
เมื่อวันที่ 13ธ.ค. เวลา 20.00 น.ที่การชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข(กปปส.) บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า ตอนนี้ฝ่ายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำลังออกมาดำเนินการหลายอย่างเพื่อให้ประชาชนสับสนยิ่งขึ้นโดยอ้างว่าต้องการปฏิรูปประเทศ แต่ขอให้มีการเลือกตั้งก่อน และยังเตรียมการจัดประชุมให้ฝ่ายต่างๆที่เขาเตรียมไว้แล้วมาแสดงความคิดความเห็นให้สอดคล้องในแนวทางเดียวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องการคือให้มีการเลือกตั้งก่อนปฏิรูป มีการเชิญ กปปส.ร่วมเวทีแต่มีผู้ใหญ่บอกตนว่าหากไปก็เป็นการไปรับรองรัฐบาล ดังนั้นวันที่ 15 ธ.ค.นี้ กปปส.จะไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมในเวทีเสวนาของรัฐบาลเด็ดขาดเพราะเรารู้บทสรุปอยู่แล้ว และขอประกาศว่าเราจะไม่เข้าร่วมการเลือกตั้งครั้งนี้จนกว่าจะมีการปฏิรูป
“ในวันที่ 14 ธ.ค.ที่เราจะไปพบ ผบ.เหล่าทัพ เราชี้แจงชัดเจนว่าต้องการไปชี้แจงจุดมุ่งหมายของประชาชนเปิดโอกาสให้ผู้นำเหล่าทัพได้ซักถามจนเข้าใจ ไม่ต้องการไปทะเลาะกับใครแต่ยังมีข่าวว่า ผบ.ตร.ไม่ไปทั้งที่รับปากว่าจะไป และยังมีการซ้อมชิงตัวผมระหว่างทาง ดังนั้นในวันที่14 ธ.ค. ผมและแกนนำ กปปส.จะไปโดยไม่มีมวลชนติดตามไปเพื่อวัดใจไปเลยว่าตำรวจจะกล้าหักหน้าทหารหรือไม่ และหากมีการจับผมกลางทางจริงๆก็จะทำให้เรื่องนี้จบเร็วขึ้น และไม่ต้องซ้อมแผนดักจับ แต่ให้เดินมาจับผมที่นี่เลย”เลขาธิการกปปส.กล่าว
นายสุเทพกล่าวอีกว่า พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ออกมาบอกว่ามีกลุ่มบุคคลพยายามดึงสถาบันลงมาเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ทางการเมืองเพื่อประโยชน์ทางการเมืองนั้น ไม่ทราบว่าโฆษกกระทรวงกลาโหมหมายถึงใครแต่หากโฆษกกระทรวงกลาโหม ทำตามคำสั่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตั้งข้อหาว่าเราแอบอ้างสถาบันก็ขอบอกว่าเป็นการเข้าใจผิด เพราะพวกเราไม่เคยมีพฤติกรรมอย่างนั้น เราเทิดทูน และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนกับคนทั่วประเทศ และยืนยันว่าไม่ต้องการให้ใครดึงสถาบันลงมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเด็ดขาด ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ถวายสัตย์ต่อสถาบันว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต บอกว่าจะเคารพและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ กลับทำตรงกันข้ามคำที่ได้ถวายสัตย์ไว้ จึงอยากให้โฆษกกระทรวงกลาโหมกลับไปเตือน น.ส.ยิ่งลักษณ์
ส่วนที่มีนักวิชาการออกมาโจมตีว่า กปปส.มีอำนาจอะไรไปพบองค์กรต่างๆนั้น ขอชี้แจงว่าเพราะเราเป็นเจ้าของประเทศซึ่งจะอดทนเห็นประเทศพังพินาศต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหาว่าการกระทำของเราไม่เคารพประชาธิปไตยนั้นสิ่งที่เราทำเป็นการสร้างประชาธิปไตยที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่ประชาธิปไตยแต่ในนามที่มีการโกงเลือกตั้งเข้ามาเพื่อโกงประเทศโดยต้องมีการปฏิรูปพรรคการเมือง
“จากการพบภาคธุรกิจผมเชื่อว่าพวกเขาเห็นด้วยกับแนวทางปฏิรูปประเทศของ กปปส.และในการเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถามนั้น ผมสังเกตแววตาสื่อมวลชน คิดว่าพวกเขาเข้าใจในเจตนาของพวกเราแล้วและในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ เราก็จะเปิดสมัชชามวลมหาประชาชนซึ่งจะเป็นเวทีที่เปิดใจกว้างรับฟังทุกฝ่าย และผมหวังว่าจะมีคนเสื้อแดงระดับรากหญ้าเข้าร่วมในเวทีดังกล่าว และเชื่อว่าข้าราชการส่วนใหญ่รวมทั้งตำรวจชั้นผู้น้อยก็เห็นด้วยกับเรา และขณะนี้ที่จังหวัดนครราชสีมามีการตั้ง กปปส.จังหวัดแล้ว โดยมีแกนนำ 5 คนจึงขอเรียนให้จังหวัดอื่นๆดำเนินการตามจังหวัดนครราชสีมา”นายสุเทพ กล่าว
"กลาโหม"วอน กลุ่มต่าง ๆ อย่างอ้างชื่อ"กองทัพ - สถาบันทหาร" หรือ รุ่น ในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ขอให้ระบุ เป็นรายบุคคลไป อย่าได้เหมายกรุ่น ว่า เอาด้วยทั้งหมด....
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เผยว่า จากสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ได้ปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคล และกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้นำสถาบันหลักของชาติมากล่าวอ้าง รวมทั้งอาจมีการแอบอ้างชื่อ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งที่ยังรับราชการ และเกษียณอายุราชการไปแล้ว ทั้งโดยเจตนา หรือได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อนว่า มีส่วนร่วมให้การสนับสนุน ทั้งมีแนวความคิดเช่นเดียวกับกลุ่มบุคคล และกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองของตน เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองนั้น จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และได้รับการปรารภจากนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายท่านขอให้มีการระบุรายละเอียดให้ชัดเจน เพราะอาจจะส่งผลทำให้นายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกกล่าวอ้าง ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากพี่น้องประชาชนทั่วไป โดยที่ผ่านมานายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกกล่าวอ้างดังกล่าวได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่กองทัพ และประเทศชาติได้รับการยกย่องสรรเสริญในคุณงามความดีมาโดยตลอด
"กระทรวงกลาโหม จึงใคร่ขอความร่วมมือมายังกลุ่มบุคคล และกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้กรุณางดเว้นการกระทำดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำสถาบันหลักของชาติมากล่าวอ้าง รวมทั้งการพาดพิงชื่อนายทหารชั้นผู้ใหญ่ตามที่กล่าวมาแล้วนั้น เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน มีความอ่อนไหวต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชน ที่ต้องการเห็นความสงบสุขของประเทศ รวมทั้งใคร่ขอให้พี่น้องประชาชน ได้รับฟังข้อมูลข่าวสารอย่างระมัดระวัง และพิจารณาไตร่ตรอง ด้วยความรอบคอบ ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายไปในทางที่ดี" โฆษกกลาโหม กล่าว
พ.อ.ธนาธิป กล่าวด้วยว่า กระทรวงกลาโหมขอยืนยันว่า จะคำนึงถึงบทบาท และหน้าที่ด้านความมั่นคง ดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศตามกรอบของกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญให้ดีที่สุด พร้อมทั้งจะรับฟังความคิดเห็นรอบด้านเพื่อกำหนดบทบาท และการปฏิบัติให้เหมาะสมอันจะเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน และประเทศชาติ และเชื่อว่าทุกฝ่ายจะร่วมแรงร่วมใจทุ่มเท ใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญญาอย่างเต็มที่เพื่อให้วิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในครั้งนี้ลุล่วงเป็นไปด้วยดี และเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่าย.
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012