ข่าว
หนุ่มรักปชต. ชูป้ายเป่าหวีดใส่มาร์ค

เวลา 13.30 น. วันที่ 7 ม.ค. ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค จัดแถลงข่าวเปิดพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศไทย ในหัวข้อ ขจัดคอร์รัปชั่น มุ่งมั่นปฏิรูป มีแกนนำพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ประธานสถาบันออกแบบประเทศไทย สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเข้าร่วมรับฟัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายอภิสิทธิ์ขึ้นเวทีและเริ่มแถลงข่าว ปรากฏว่ามีชายคนหนึ่งสวมเสื้อสีฟ้า กางเกงสแล็กสีครีม อายุประมาณ 30-35 ปี ลุกขึ้นจากที่นั่งกลางห้องประชุม พร้อมเป่านกหวีด 1 ครั้ง เสียงดังลั่นห้อง ทำให้ผู้ร่วมฟังการแถลงข่าวตกตะลึง โดยคิดว่าเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนกปปส. ที่มาสนับสนุนการเปิดพิมพ์เขียวครั้งนี้ จึงไม่มีใครเข้าไปห้ามปราม แต่เมื่อชายคนนี้ ชูแผ่นกระดาษหันไปทางนายอภิสิทธิ์ มีข้อความว่า RESPECT MY VOTE พร้อมตะโกนด้วยเสียงดังว่า ถ้าคุณยังปฏิรูปตัวเองไม่ได้แล้วจะมาปฏิรูปประเทศได้อย่างไร ซึ่งนายอภิสิทธิ์มีสีหน้าตกใจ แต่พยายามควบคุมสถานการณ์ โดยกล่าวว่า ขอบคุณครับ

อ.เจษฎา ออกแถลงการณ์ชาวขั้วที่ 3 ฉบับที่ 1 รณรงค์สันติภาพเพื่อลูกหลานไทยที่เกิดในศตวรรษที่ 21

เมื่อวันที่ 8 ม.ค. นายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า แถลงการณ์ชาวขั้วที่ 3 ฉบับที่ 1 แด่ลูกหลานไทยที่เกิดในศตวรรษที่ 21 มีเนื้อหาระบุว่า เราเป็นคน "ขั้วที่ 3" ที่รักสงบ สันติ และต้องการต่อสู้ด้วยวิธีการทางประชาธิปไตยที่ถูกต้อง พวกเราส่วนหนึ่ง เป็นคนที่ชอบนโยบายและผลงานของรัฐบาล และต้องการจะต่อสู้เพื่อปกป้องรัฐบาล พวกเราอีกส่วนหนึ่ง เป็นคนที่ไม่ชอบนโยบายและผลงานของรัฐบาล และต้องการจะต่อสู้เพื่อล้มล้างรัฐบาล

แต่ถึงแม้พวกเราจะมีความคิดที่ตรงกันข้าม แต่พวกเราก็ยืนหยัดอดทน ที่จะอยู่ร่วมกันบนพื้นแผ่นดินไทยเดียวกันนี้ให้ได้ และพวกเราเลือกวิธีการที่สันติและเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง นั่นคือ การไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้แทนของตนเอง เข้าไปบริหารบ้านเมืองแทนเรา แต่เราจะจับตาดูเค้าอยู่ตลอดเวลา และจะลงโทษเค้า ถ้าทรยศต่อศรัทธาของเราในการเลือกตั้งครั้งหน้า ด้วยอาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุด คือ ปากกาและกระดาษโหวต บ้านเมืองไทยที่กำลังเป็นวิกฤติขณะนี้ แตกแยกอย่างรุนแรงเป็น 2 ขั้วใหญ่ เหมือนนิ้วชี้และนิ้วกลางที่แข่งกันเป็นใหญ่ และจะหักล้างฆ่ากันให้ตายไปข้างนึงนั้น

พวกเขามองข้าม นิ้วโป้ง อย่างเราไป โดยไม่เห็นหรือว่าเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการหยิบจับ ขยับเคลื่อนที่ สังคมของเราทุกคนไปด้วยกัน พอกันที ถึงเวลาที่เราควรจะต้องแสดงตัวตนให้สังคมไทยได้รู้ ว่า มีขั้วที่ 3 อยู่ด้วย ... โปรดอย่าผลักเราไปอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง ... โปรดให้ที่ยืนกับเราในสังคมบ้างเถอะ ขอร้อง ... Please Respect Our Votes

วันศุกร์ที่ 10 นี้ จะเป็นวันแรกที่กระแสลมแห่งการเปลี่ยนแปลง จะเริ่มพัดผ่านผิวน้ำ และภาวนาว่ามันจะกระเพื่อม แรงขึ้น แรงขึ้น จนเป็นคลื่นสูง จนเป็นสึนามิ ให้โลกรู้ ทุกท่านที่ปรารถนาในโลกแห่งความหวัง ที่ลูกหลานของเราซึ่งเกิดมาในศตวรรษที่ 21 นี้จะได้เห็นแผ่นดินเกิดที่มีสันติภาพ ผู้คนอยู่ร่วมกันได้แม้คิดแตกต่าง ไม่ใช่เกิดมาท่ามกลางสงครามกลางเมือง ผู้คนฆ่าฟันกันแม้เป็นไทยด้วยกัน แบ่งประเทศเป็นเหนือใต้ มีรั้วลวดหนามคั่นกลาง

โปรดรวมตัวกัน ค้นหากันและกัน นัดพบกัน ที่ใดก็ได้ที่สะดวก จะที่หน้าบ้าน หน้าโรงเรียน หน้ามหาลัย หน้าอำเภอ หน้าศาลากลางจังหวัด ฯลฯ หรือหน้าลานพระรูป จุฬาฯ มาพบปะพูดคุยกันยามเย็น และร้องเพลงชาติไทยร่วมกัน ก่อนจะจุดเทียน ฉายไฟฉาย ส่องแสงตะเกียงขึ้นฟ้า เพื่อเตือนสติพวกเราเอง และเตือนไปถึงพี่น้องร่วมชาติทุกคนว่า เราอยากได้สันติภาพกลับคืนมา อยากได้แผ่นดินไทยที่น่าอยู่น่าอาศัย และมีภราดรภาพอย่างแท้จริง แด่ลูกหลานไทยที่เกิดในศตวรรษที่ 21


นศ.ศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จัดกิจกรรมจุดเทียนเพื่อลดความรุนแรง

เมื่อ เวลา 19.00 น. ที่ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ อ.เมืองนครปฐม กลุ่มนักศึกษาผู้เชื่อมั่นศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย สนับสนุนการเลือกตั้ง และไม่เห็นด้วยกับการปิดกรุงเทพฯ นำโดย น.ส.วรางคณา อุ้ยนอก นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร และนายคมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร และนักศึกษาเชิญชวน ชาว ม. ศิลปากรและชาวนครปฐม ร่วมแสดงพลังจุดเทียนแสดงจุดยืนร่วมกับนักศึกษา โดยนัดแสดงจุดยืนที่สะพานแก้ว ภายใน ม.ศิลปากร โดยแต่ละคนที่มาร่วมแสดงจุดยืนต่างนำเทียนและกระดาษชาวมีข้อความเขียนว่า RESPECT MY VOTE และข้อความภาษาไทย “โปรดเคารพสิทธิ์ของประชาชนอย่างพวกเรา ที่ต้องการให้ประเทศไทย มีประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง” ซึ่งมีนักศึกษาจากหลายคณะและประชาชนทั้งภาครัฐและเอกชนที่เห็นด้วยกับการแสดงจุดยืนของนักศึกษามาร่วม จำนวน 500 คน ร่วมจุดเทียนก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ

′หลินฮุ่ย′ ส่อท้องเทียม หลัง 101 วัน ยังไม่เห็นตัวอ่อน

เมื่อเวลา 14.35 น. วันที่ 8 มกราคม น.สพ.บริพัตร ศิริอรุณรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์ วิจัยและการศึกษา องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานผสมพันธุ์โครงการวิจัยและจัดแสดงแพนดาในประเทศไทย สวนสัตว์เชียงใหม่ แถลงความคืบหน้าของการติดตามการตั้งท้องของหลินฮุ่ย หรือ 101 วัน ของการตั้งท้องหลังการผสมเทียม เช้านี้จนถึงบ่าย หลินฮุ่ยใช้เวลาในห้องนานทั้งนอนหลับและกินอาหาร และเมื่อเปิดให้ไปใช้พื้นที่ส่วนจัดแสดง 2 ครั้ง ทั้งช่วงสายและบ่าย หลินฮุ่ยเดินสำรวจส่วนจัดแสดงไปทั่ว รวมทั้งมุมก้อนหินและกองใบไผ่ แต่พฤติกรรมยังไม่เข้มข้น เพียงแต่กลับไปคล้ายหมีตั้งท้องใหม่อีกครั้ง คือไม่สนใจพี่เลี้ยง ดื้อ ใช้เวลานานในส่วนจัดแสดงและนอนพักเป็นส่วนใหญ่

"แต่ระดับฮอร์โมนวัดได้ 200 นาโนกรัมต่อมิลลิกรัมคริเอทินิน เรียกว่าคงที่เป็นวันที่ 4 วันแล้ว จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการตั้งท้องจะสิ้นสุดลง หรือว่าจะคลอดหรือไม่คลอด ต้องตามดูพฤติกรรมต่อไป ขณะนี้การอัลตร้าซาวด์ครั้งใหม่เตรียมพร้อมแล้ว ทั้งกรงบีบและการให้อาหาร โดยเฉพาะแอปเปิ้ลของโปรด เพื่อให้หลินฮุ่ยลงนอนเพื่อทดสอบ แต่จากการที่บ่ายวานนี้ภาพที่เห็นยังไม่ชัดเจนว่ามีตัวอ่อนที่จะยืนยันการตั้งท้องได้ แผนต่อไปพรุ่งนี้ (9 มกราคม) ทีมงานจึงประสานไปยังคณบดีคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ขอยืมเครื่องอัลตร้าซาวด์ที่มีขนาดใหญ่แบบโมบายที่มีศักยภาพสูงกว่ามาตรวจสอบ เพื่อความชัดเจนพร้อมเจ้าหน้าที่ชำนาญการ จากเดิมที่เครื่องเล็กอาจมีข้อจำกัดอยู่บ้าง พรุ่งนี้น่าจะมีคำอธิบายได้มากกว่านี้"

น.สพ.บริพัตร กล่าวว่า ทั้งนี้ยังได้ประสานไปทางกรุงเทพฯ เพื่อเชิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยอัลตร้าซาวด์และตรวจสอบภาพร่วมกัน เพื่อดูว่าในท้องหลินฮุ่ยยังมีลูกน้อยอยู่หรือไม่ เพื่อตอบคำถามประชาชนคนไทยที่อยากทราบข่าว ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากมาก เนื่องจากเราไม่สามารถวิเคราะห์ได้ง่าย ขณะนี้ทีมงานค่อนข้างหนักใจมากสำหรับคำตอบที่หลายคนสงสัย ทั้งที่ห้องทำงาน ห้องแล็ป ของเรามีความพร้อมและทันสมัยไม่แพ้ต่างประเทศ แต่แพนดาเป็นสัตว์ที่มีความมหัศจรรย์ที่เราเองก็อยากตอบคำถามว่าภายในท้องหลินฮุ่ยมีแพนดาน้อยหรือไม่