ข่าว
หมอซ่อนปืนในเสื้อกาวน์ บุก ร.พ.ยิงหมอด้วยกันดับ

1 ก.ค. เกิดเหตุมือปืนแต่งชุดหมอ ซ่อนปืนไรเฟิลไว้ในชุดเสื้อคลุม บุกยิงในโรงพยาบาล ย่านบร็องซ์ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา สังหารเหยื่อที่เป็นหมอด้วยกัน 1 ราย และทำให้มีผู้บาดเจ็บ 6 คน บรรดาหมอและพยาบาลต่างวิ่งหาที่หลบซ่อนภายในโรงพยาบาล ก่อนมือปืนฆ่าตัวตาย

เหตุเกิดเวลา 14.50 น. ทราบชื่อมือปืนภายหลังว่า นายเฮนรี เบลโล ซึ่งเคยเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลเมาต์ โฮป เข้ามาก่อเหตุในโรงพยาบาลแห่งนี้ และหลังจากใช้ปืนไรเฟิลยิงกราดผู้คนแล้ว มือปืนก็ยิงตัวตาย

สำหรับเหยื่อส่วนใหญ่ถูกยิงที่ชั้น 16 และ 17 ในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่กู้ภัยเผยว่า มีแพทย์ 3 คนถูกยิงบาดเจ็บ และมีประชาชนในตึกช่วยห้ามเลือดหมอคนหนึ่งด้วยการใช้สายสเปรย์พ่นน้ำดับไฟ เป็นสายรัดห้ามเลือด

ด้านตำรวจนิวยอร์กส่งข้อความทางทวิตเตอร์เตือนภัยประชาชนให้หลีกเลี่ยง อย่าเข้าใกล้พื้นที่เกิดเหตุ ช่วงเวลา 16.50 น.

หลังเหตุการณ์สงบลง สิ่งที่ชาวอเมริกันพูดถึงกันมากก็คือ จะควบคุมอาวุธปืนไรเฟิลนี้อย่างไร โดยเฉพาะในรัฐบาลนี้ไม่มีแนวโน้มจะควบคุมอาวุธปืนแต่อย่างใด

'บิ๊กตู่' ฉะนักการเมือง ไม่เข้าใจ ดีแต่ค้าน

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 60 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเศรษฐกิจเพื่อสังคม เยี่ยมชมศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) กรุงเทพฯ ซึ่งได้ย้ายที่ทำงานแห่งใหม่ในอาคารไปรษณีย์กลาง ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก พร้อมกันนี้ นายกฯ ได้ทดลองนั่ง "เก้าอี้นั่งไม่สบาย" ที่ออกแบบโดย this is a chair ทำมอบให้นายกฯ โดยผู้ออกแบบชี้แจงว่า เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ มาบริหารประเทศด้วยการรัฐประหาร ส่งผลให้ต้องนั่งทำงานโดยไม่สบายมากนัก แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้รับการยอมรับจากประชาชน จึงต้องทำงานเพื่อขับเคลื่อนประเทศ แม้จะไม่สบาย แต่ก็ต้องทำต่อ

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เก้าอี้ดังกล่าวนั่งไม่สบายจริงๆ จึงเหมือนกับประชาธิปไตยไทยที่มีอุปสรรค พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ถามผู้บริหาร TCDC ว่า รับปรึกษาเรื่องปัญหาหัวใจหรือไม่ เพราะตนต้องการปรึกษาปัญหาที่ยังทำงานไม่แล้วเสร็จเสียที พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลวาง 6 ยุทธศาสตร์ เดินใน 20 ปีข้างหน้า แต่นักการเมืองในวันนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจในยุทธศาสตร์ ยังกลัวกันอยู่ จึงต่อต้านทุกอย่าง ซึ่งยุทธศาสตร์ชาตินี้จะเป็นกรอบกว้างๆ เพื่อให้การบริหารประเทศเดินไปข้างหน้าอย่างสอดคล้อง วันข้างหน้าถ้ามีงานอะไรก็เห็นชอบร่วมกันได้ แต่ถ้าไม่ทำตามนี้ ก็จะเป็นในลักษณะของความนิยม คะแนนความนิยม กลุ่มนี้กลุ่มนั้นได้ ตนเข้าใจไม่ได้ไปตีกับใคร

"สิ่งสำคัญวันนี้ต้องการให้ทุกคนนึกถึงประเทศชาติ โดยประเทศชาติและประชาชนต้องมาก่อนเสมอ ข้าราชการ นักการเมือง ต้องใช้สติปัญญาแก้ปัญหา ขณะที่ประชาชนใช้แรงกาย แรงใจ เราต้องเติมสติปัญญาให้กับเขา เรียนรู้ด้วยตัวของเขาเอง จึงขอฝากตรงนี้ไว้ งานต่างๆ ที่ทำ ผมเรียบเรียงมาด้วยสติปัญญาของผมเอง โดยมองที่ปัญหาของประเทศไทยว่าอยู่ตรงไหน ประชาชนเดือดร้อนอะไร และก็ดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาในช่วง 5 ปีแรก และจะต้องมีการประเมินทุกปี เราจะต้องร่วมสร้างแผนกันในวันนี้เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลในวันหน้า" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "เมื่อกี้เขาออกแบบเก้าอี้มาตัวหนึ่ง บอกเก้าอี้นายกฯ นั่งไม่ต้องสบาย ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นอยากเป็นกันนัก มันต้องไม่สบาย ผมเองยังไม่นั่งเก้าอี้นายกฯ ที่เตรียมไว้ ผมซื้อเก้าอี้ตัวเล็กๆ มานั่งสบายกว่า เพราะถ้านั่งสบายก็ขี้เกียจ ฉะนั้นต้องให้ไม่สบาย คิดเยอะๆ คิดทุกวัน กลางคืนก็คิด ตื่นมาก็คิด เพราะปัญหามันยังไม่จบ และปัญหามีมากมายที่เกิดจากความคิดที่แตกต่างความขัดแย้งก็สูง วันนี้ออกกฎหมายมาหลายตัว พอออกมาปุ๊บก็มีปัญหาแล้ว บังคับใช้ไม่ได้ ขณะที่กฎหมายเก่าก็เสีย ไม่ปฏิบัติละเลยแล้วจะทำยังไง นั่นคือสิ่งที่ตนเผชิญทุกวัน ในวันนี้จึงต้องต้องไปแก้ พ.ร.บ.ประมง กฎหมายเดินเรือ แรงงานต่างด้าว เพราะที่ผ่านมาปล่อยจึงเกิดปัญหา จุดประสงค์การออกกฎหมายไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อน เดี่ยวก็ต้องกลับไปแก้ไขเรื่องนี้ มีปัญหาเรื่องแรงงาน เพราะการออกกฎหมายแรงงานฉบับเดียวก็โดนทั้งหมด แต่รายเล็กๆ รายย่อยจะทำอย่างไร ซึ่งต้องมีระยะเปลี่ยนผ่านว่า รายเล็กๆ รายย่อยจะทำอย่างไรในช่วงนี้ แต่ข้าราชการฝ่ายออกกฎหมายเขาก็หวังดี อยากให้เรียบร้อยขึ้น แต่พอดำเนินการไปก็มีปัญหาและก็กลับมาที่นายกฯ"

"นี่คือสิ่งที่ผมต้องคิดและแก้ปัญหาอยู่ทุกวัน ก็ต้องใช้กฎหมายพิเศษบ้าง และก็มีปัญหาอีกหาว่าใช้พร่ำเพรื่อ แต่ถ้าผมไม่ใช้ จะทำอย่างไร จะแก้ปัญหาอย่างไร ในการเปลี่ยนผ่านตรงนี้ กฎหมายใหม่ก็ใช้ไม่ได้ กฎหมายเก่าก็ไม่ทันสมัย แล้วจะทำยังไง ประเทศเพื่อนบ้านก็เหมือนกับเรา แต่เขาเกิดขึ้นนานแล้ว และจบนานแล้ว แต่ของเราเก็บและกองไว้ต้องมาแก้ปัญหาในวันนี้ ซึ่งหลายๆ อย่างต้องเปลี่ยนแปลงและใช้เวลาให้น้อยที่สุด ใครเป็นนายกฯ ก็ทำให้พอใจไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ขอเพียงความร่วมมือ ความเข้าใจ แล้ววันหน้าอยากให้ใครทำ อย่างที่ท่านต้องการ แต่ไม่ใช้วิธีการแบบที่ผ่านๆ มา ซึ่งวันนี้หลายๆ อย่างก็ดีขึ้น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


คุก 2 ปี "น็อต กราบรถ"

นายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือน็อต อดีตพิธีกรและนักแสดง เดินทางมาพร้อมครอบครัว ในคดีที่อัยการยื่นฟ้องนายอัครณัฐ และนายวิทวัส ศรีบัณฑิตมงคล เพื่อนสนิท ร่วมกันทำร้ายนายกิตติศักดิ์ สิงห์โต พนักงานคัดกรองเอกสาร สำนักงานสรรพากรพื้นที่ตลิ่งชันได้รับบาดเจ็บ เและยังบังคับให้กราบรถ กรณีขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชน รถยนต์มินิคูเปอร์ของนายอัครณัฐ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2559

ซึ่งคดีนี้ศาลได้ไกล่เกลี่ยค่าเสียหายทางแพ่งสำเร็จ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายอัครณัฐ รับสารภาพ ยอมชดใช้ให้นายกิตติศักดิ์ ผู้เสียหาย เป็นเงิน 1 แสน 8 หมื่นบาท

นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความผู้เสียหาย เปิดเผยว่าศาลพิพากษาจำคุก นายอัครณัฐ กับเพื่อนคนละ 2 ปี ซึ่งเป็นโทษหนักสุดในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี และจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจึงให้รอลงอาญา 2 ปี โดยให้ทำงานบริการสังคมด้วยคนละ 24 ชั่วโมง พร้อมรายงานตัวทุก 3 เดือน รวม 4 ครั้ง ซึ่งโจทก์ร่วมจะไม่อุทธรณ์คดี เนื่องจากมีการเยียวยาเป็นเงิน 1 แสน 8 หมื่นบาทแล้ว

ส่วนคดีที่นายอัครณัฐ แจ้งความดำเนินคดีกับนายกิตติศักดิ์ ฐานขับรถหลบหนีหลังเกิดเหตุเฉี่ยวชน ขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ได้สั่งฟ้องและส่งสำนวนให้อัยการศาลแขวงพระนครใต้ แต่นายกิตติศักดิ์ ได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากเสียค่าปรับไปแล้ว 400บาท และอัยการยังไม่มีคำสั่งทางคดี


2ดารายื่นมือช่วยแม่ลูก โดนทนายอมเงิน 5 ล้าน

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม เดินทางไปเยี่ยม นางสาวพรทิพย์ จันทรัตน์ อายุ 44 ปี กับ ด.ญ.ภัทรดา หรือน้องบีม แก้วผ่อง อายุ 14 ปี เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวและให้้ความช่วยเหลือด้านคดีความ หลังสองแม่ลูกถูกทนายความโกงเงินไป โดยจะตรวจสอบเอกสารบันทึกข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อหาทางช่วยเหลือ

ด้านน.ส.ธารีรัตน์ โยมบุตร นิติกร สำนักงานกองทุนยุติธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยกองทุนยุติธรรมจะหาทางช่วยเหลือด้านคดีความ ค่าธรรมเนียมศาล ค่าที่พัก ค่าเดินทาง

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังเตรียมลงพื่นที่ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อสืบสวนสอบสวน ในประเด็นศาลมีคำพิพากษาอย่างไร ทนายความรายนี้รับเงินจากคู่กรณีรถพ่วงในรูปแบบไหน ได้ติดต่อพูดคุยเซ็นเอกสารอะไรกันหรือไม่ เพื่อข้อมูลกลับนำมาประชุมหาทางช่วยเหลือสองแม่ลูกรายนี้อีกครั้ง

ที่สำคัญนางจริยา หรือนก แอนโฟเน่ นักแสดงชื่อดังยังเห็นใจสองแม่ลูก จึงโอนเงินจำนวน 50,000 บาท เข้าบัญชีช่วยเหลือ รวมทั้งยังได้รับการประสานจากทางโรงพยาบาลศริราชผ่านรายการโหนกระแสของ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ว่าจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการรักษาอาการน้องบีมและแม่ที่ต้องใส่เหล็กที่ขาทั้งสองข้าง โดยไม่คิดค่ารักษาพยาบาลแต่อย่างใด.


ศึกชิงแขกรับเชิญ! “ไทยรัฐ-พีพีทีวี”โวย “กรรชัย” กักตัว “แม่น้องบีม”

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. เฟซบุ๊ก “ดำรงศักดิ์ สัตบุตร” ได้โพสต์ข้อความและภาพถึงการแย่งชิงแขกรับเชิญในรายการสนทนาข่าว กรณีที่ นางพรทิพย์ จันทรัตน์ มารดา พา ด.ญ.ภัทรดา แก้วผ่อง หรือ น้องบีม อายุ 14 ปี ลูกสาวพิการนั่งรถเข็นวีลแชร์ มาขายของที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังประสบอุบัติเหตุชนกับรถพ่วง 18 ล้อ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2548 และทางบริษัทคู่กรณีจ่ายเงินค่าเสียหายผ่านทางทนายความ รวม 5 ล้านบาท แต่ถูกทนายความโกงเงินเงียบหายไป โดยระบุว่า

“เหตุเกิดเพราะขณะที่กำลังถ่ายทอดสดการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับแม่ผู้เสียหาย กรณีที่ทนายอาสาเชิดเงินไป 5 ล้านบาท อีกสำนักข่าวแห่งหนึ่งได้ยึดโทรศัพท์แม่ของผู้เสียหายไว้ ไม่ให้สัมภาษณ์กับจอมขวัญ ทำให้จอมขวัญต้องออกมากล่าวผ่านรายการของตน ว่า “เรื่องแข่งขันไว้ทีหลัง เรื่องแก้ปัญหาต้องมาก่อน...” ทั้งนี้ ทางไทยรัฐทีวีแก้ปัญหาโดยการสัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ของทีมข่าวในพื้นที่ แทนโทรศัพท์ของคุณแม่ผู้เสียหายเอง”

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเทปย้อนหลัง พบว่า รายการถามตรงๆ กับจอมขวัญ ดำเนินรายการโดย น.ส.จอมขวัญ หลาวเพ็ชร ได้โทรศัพท์สอบถามไปยังนางพรทิพย์ เมื่อเวลา 19.11 น. เมื่อ น.ส.จอมขวัญ ถาม นางพรทิพย์ พบว่า ปลายสายมีเสียงอื้ออึง และระบุว่า เป็นโทรศัพท์ของนักข่าวไทยรัฐอีกคนหนึ่ง ส่วนโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่งถูกยึดไปได้รับคืนแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งพิธีกรและแขกรับเชิญถามคำถาม ก็ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์

และเมื่อต่อสายอีกครั้ง พบว่า นางพรทิพย์ พูดอะไรไม่ได้มาก น.ส.จอมขวัญ จึงกล่าวกลางรายการว่า “ดิฉันเชื่อว่าอีกสถานีหนึ่งที่ประกบคุณแม่อยู่ตอนนี้ก็น่าจะทำอะไรคุณแม่ไม่ได้ เพราะนี่ถือว่าเป็นการละเมิดและลิดรอนสิทธิของคุณแม่มาตลอดช่วงบ่ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการยึดโทรศัพท์ หรือว่าประกบตัวตลอดระยะทางการเดินทางก็ตาม” พร้อมกับชี้แจงว่า จะให้คุยกับตัวแทนสภาทนายความ แต่สุดท้ายก็ได้รับคำตอบที่ไม่ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม พบว่า เมื่อเวลา 20.30 น. ที่ผ่านมา นางพรทิพย์ พร้อมด้วย ด.ญ.ภัทรดา ได้ไปออกรายการ โหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เอสดี (ช่อง 28) ดำเนินรายการโดย นายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม ผู้ผลิตรายการในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด โดยระหว่างนั้นมีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ นายชัยวัฒน์ สิงห์ชัย ทนายความตัวแทนบริษัทคู่กรณี ยืนยันว่า ได้จ่ายเงินให้กับนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก นางพรทิพย์ และผู้เสียหายอื่นตามคำพิพากษาไปเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กเพจ Drama-addict ของ นายวิทวัส ศิริประชัย โซเชียลอินฟูเลนเซอร์ชื่อดัง ระบุว่า คุยกับทางรายการที่ถูกพาดพิงและนางพรทิพย์แล้ว นางพรทิพย์อนุญาตให้เผยแพร่เนื้อหาที่คุยกันได้ดังนี้ คือ นางพรทิพย์ได้ไปออกรายการของนายกรรชัย และมีการพูดคุยกับทางช่องอื่นๆ เช่น ไทยรัฐ PPTV ว่า จะไปออกเป็นคิวถัดไป ยืนยันว่า ไม่มีการกักตัวไว้ ไม่ให้ไปออกสื่อช่องอื่นแต่ประการใด

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันประมาณว่า ตอนนักข่าวไทยรัฐ เอาโทรศัพท์มาให้นางพรทิพย์พูดกับ น.ส.จอมขวัญ ตอนนั้นอ่อนเพลีย มึนหัว คุยไม่ไหว ไม่ได้มีใครฉุดกระชาก แย่งมือถือไม่ให้นางพรทิพย์พูดแต่ประการใด นางพรทิพย์ บอกว่า มีกล้องวงจรปิดในสตูดิโอเป็นหลักฐานยืนยัน และหลังจากอัดรายการจบ นางพรทิพย์ที่ตอนแรกนัดว่าจะไปออกรายการช่องอื่นต่อ เขาเพลียมาก สุขภาพไม่ค่อยดี ใส่เหล็กที่ขาสองข้าง เลยขอให้รถของทางช่องไปส่งที่บ้าน ก็มีคนของทางช่องนั่งตามไปด้วย พอกลับถึงบ้าน เห็นข่าวหลายๆ ช่อง โดยเฉพาะที่ น.ส.จอมขวัญ พูดในรายการแล้วนางพรทิพย์เขาตกใจมาก ว่ามันเกิดจากความเข้าใจผิดล้วนๆ เลย ส่วน น.ส.จอมขวัญ ถ้าเห็นโพสต์นี้ ฝากรับโทรศัพท์นายกรรชัยด้วย เขาพยายามโทรไปอธิบายเรื่องราวทางฝั่งเขาแล้ว” เฟซบุ๊กเพจ Drama-addict ระบุ

ถนน ยุบเป็นหลุมกว้าง กลืนรถเก๋ง ตกไปทั้งคัน

เมื่อ 30 มิ.ย. สื่อในสหรัฐฯรายงานข่าวและเผยแพร่คลิปเหตุการณ์สุดหวาดเสียว ถนนสายหนึ่งในย่านดาวน์ทาวน์ ใจกลางเมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี ประเทศสหรัฐฯ เกิดยุบตัวกลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ และทำให้รถเก๋งสีขาวที่จอดอยู่ในบริเวณนั้นพอดี ตกลงไปในหลุม และทำให้ท่อประปาแตกจนน้ำไหลพุ่งแรงออกมา โดยเหตุการณ์เกิดหลุมหยุบนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น.ของวันที่ 29 มิ.ย. โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้

ข่าวแจ้งว่า เหตุถนนยุบจนกลายเป็นหลุมกว้างที่ใจกลางเมืองเซนต์หลุยส์ เกิดขึ้นบริเวณถนน เลขที่ 6 ตัดกับถนนโลคัสต์ โดยขณะเกิดเหตุ เดชะบุญ เจ้าของรถเก๋ง ซึ่งเป็นรถโตโยต้า รุ่น camry ได้จอดรถและไปออกกำลังกายที่โรงยิมใกล้ๆ ซึ่งหลังทราบข่าวร้าย เจ้าของรถต้องอุทานด้วยความตกใจ และรู้สึกโชคดีที่ไม่มีใครอยู่ในรถขณะเกิดเหตุ