ข่าว
หมอช็อก! เจอ'ไส้เดือน'ดิ้นในสมองคนไข้ ยาว 8 ซม. ติดเชื้อเพราะสาเหตุนี้

หญิงชาวออสเตรเลียวัย 64 ปี ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดท้องซ้ำๆ แพทย์สแกนสมองพบสิ่งผิดปกติ ต้องผ่าตัดเอา "ไส้เดือนฝอย" ออกจากสมอง

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า หญิงรายดังกล่าวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นครั้งแรกในเดือนมกราคม 2564 เนื่องจากเธอมีอาการต่างๆ เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย ไอแห้ง มีไข้ และเหงื่อออกตอนกลางคืนเป็นเวลาหลายสัปดาห์ หลังจากติดตามผลมาเป็นเวลาหนึ่งปี พบว่าเธอเริ่มมีอาการหลงลืมและซึมเศร้า จึงถูกส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลแคนเบอร์รา และผลการตรวจพบว่ามีความผิดปกติในสมอง ทำให้ทีมแพทย์ตัดสินใจทำการผ่าตัดฉุกเฉิน

ศัลยแพทย์ระบบประสาทที่รับผิดชอบการผ่าตัด รู้สึกตกใจมากเมื่อเจอแมลงความยาวประมาณ 8 เซนติเมตร ที่ยังมีชีวิตอยู่ในสมองของคนไข้ จึงรีบติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อให้เข้าช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ซึ่งแม้แต่นักประสาทวิทยาที่มักจะจัดการกับการติดเชื้อในสมอง ก็ยังบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบแมลงที่มีชีวิตในระหว่างการผ่าตัด

ทีมแพทย์ได้ตรวจสอบและพบว่าหนอนที่มีชีวิตในสมองของผู้หญิงคือ "Ophidascaris robertsi" เป็นไส้เดือนฝอย ปรสิตที่มักอาศัยอยู่ในท้องของงูเหลือม และเนื่องจากมันไม่ค่อยอาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์ การค้นพบนี้จึงกลายเป็นกรณีแรก

ทั้งนี้ แม้ว่าผู้ป่วยจะไม่ค่อยสัมผัสกับงู แต่เธอก็มักจะเก็บหญ้าป่าหรือผักต่างๆ ไว้ทำอาหาร จึงสงสัยว่าเธอบังเอิญทานพืชผักที่มีมูลงูเหลือมโดยไม่ได้ตั้งใจ ล่าสุดแม้ว่าผ่าตัดกำจัดปรสิตออกจากสมองได้สำเร็จแล้ว แต่ผู้ป่วยยังคงได้รับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีตัวอ่อนของปรสิตตัวอื่นหลงเหลืออยู่ในร่างกาย

'กรมศิลปากร' สำรวจพบ 'แหล่งโบราณคดี' แห่งใหม่ 'ถ้ำเขาค้อม' อายุกว่า 3,000 ปี

วันที่23พ.ค.2567 นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดี กรมศิลปากร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมีการสำรวจพบชิ้นส่วนโครงกระดูกมนุษย์ภายใน ถ้ำเขาค้อม หมู่ 10 ตำบลควนกาหลง อำเภอควนกาหลง จังหวัด สตูล จึงมอบหมายให้ สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา ลงพื้นที่ตรวจสอบ

ขณะนี้ได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2567 พบว่า ถ้ำเขาค้อม ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเขาหินปูนลูกโดด บริเวณริมอ่างเก็บน้ำด้านหลังของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสตูล

จากการสำรวจทางโบราณคดี พบหลักฐานที่สำคัญ ได้แก่ ชิ้นส่วนโครงกระดูกมนุษย์ ชิ้นส่วนภาชนะดินเผา ชิ้นส่วนกระดูกสัตว์ เปลือกหอยน้ำจืดและเปลือกหอยทะเล เป็นต้น

ผลจากการศึกษาวิเคราะห์โบราณวัตถุในเบื้องต้น กำหนดให้ ถ้ำเขาค้อม เป็น แหล่งโบราณคดี ยุคก่อนประวัติศาสตร์ สมัยหินใหม่ กำหนดอายุราว 3,000 – 6,000 ปี มาแล้ว

อ้างอิงผลจากการขุดค้นทางโบราณคดีที่แหล่งโบราณคดีเพิงผาปาโต๊ะโร๊ะ อำเภอควนโดน จังหวัด สตูล เมื่อปี 2553 ซึ่งพบโครงกระดูกยุคก่อนประวัติศาสตร์ กำหนดอายุทางวิทยาศาสตร์ราว 3,000 ปีมาแล้ว

ผลจากการดำเนินงานทางด้านโบราณคดีที่ผ่านมา พบแหล่งโบราณคดี ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นพื้นที่จังหวัด สตูล เป็นที่อยู่อาศัยของชุมชนยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศไทย

โดยสำรวจพบ แหล่งโบราณคดี อย่างน้อย 46 แหล่ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลเพื่อประกาศรายชื่อให้ครอบคลุมทั้งหมด

อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า กรมศิลปากร ขอขอบคุณหน่วยงานต่าง ๆ ที่ร่วมกันปกป้องคุ้มครองและพัฒนาแหล่งการเรียนรู้และท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม

การค้นพบครั้งนี้ถือเป็นการค้นพบที่สำคัญซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้าทางโบราณคดีของ กรมศิลปากร และการพัฒนางานวิชาการต่อไปในอนาคต


"พระสิ้นคิด" - "แม่ชีเจิ้น" มอบเงิน 3 แสน ช่วยเหลือวัดสวนแก้ว จากเหตุไฟไหม้

จากกรณีเกิดเหตุสลด ไฟไหม้ "วัดสวนแก้ว" ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ทำให้เด็กชาย 3 คน อายุประมาณ 9 และ 11 ปี ถูกไฟคลอกเสียชีวิต ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าวันนี้ (23 พ.ค. 2567) ดร.คม แสงบำรุง ผอ.สำนักช่างเทศบาลนครนนท์ ลูกศิษย์หลวงตาสินทรัพย์ (พระสิ้นคิด) แห่งวัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์ จ.อุบลราชธานี นำเงินสด จำนวน 300,000 บาท มามอบให้พระพยอมกัลยาโน เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว

ดร.คม กล่าวว่า พอดีหลวงตาเห็นข่าวทางทีวีว่าเกิดเหตุไฟไหม้ที่กุฏิวัดสวนแก้ว และมีเด็กเสียชีวิต 3 ราย หลวงตาสิ้นคิดและแม่ชีเจิ้นจึงได้ให้ตนเป็นตัวแทนนำเงินสดจำนวน 300,000 บาท เข้ามามอบให้กับพระพยอมกัลยาโน เจ้าอาวาสฯ เพื่อสมทบทุนช่วยเหลือความเดือดร้อน


ไม่เอาสู้ๆ เศรษฐา ลั่น ไม่ต้องให้กำลังใจ พร้อมแจงศาล มั่นใจทำหน้าที่ถูกต้อง

วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยรับคำร้องกรณีการแต่งตั้งนายพิชิตชื่นบานเป็นรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี ไว้พิจารณาพิจารณาแล้วแต่ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ว่า มีเวลา 15 วัน เมื่อเสร็จภารกิจวันนี้แล้ว จะโทรศัพท์หารือกับฝ่ายกฎหมาย ว่าจะเตรียมคำชี้แจงกับศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร ถือเป็นเรื่องธรรมดาในการเข้าสู่การเมือง ต้องสามารถตรวจสอบได้ หากฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายตุลาการมีความข้องใจ ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่จะต้องไปชี้แจง

ซึ่งตอนนี้ยัง ไม่ทราบว่าจะต้องชี้แจงในประเด็นอะไรบ้าง เพราะอยู่ระหว่างการหารือกับภาคเอกชน ของประเทศญี่ปุ่น แต่ยืนยันว่าเป็นธรรมดาของระบอบประชาธิปไตยที่ต้องรับฟัง และมั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้ พร้อมย้ำว่า ต้องให้เวลาศาลรัฐธรรมนูญในการพิจารณา ตนเองไม่อยากกดดัน ศาลฯ และตอนนี้ก็ยังไม่ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาทำคำชี้แจง เมื่อกลับประเทศไทยไปแล้วจะไปพิจารณาร่วมกัน

นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ในระหว่างการปฎิบัติภารกิจอยู่ในต่างประเทศขณะนี้ ไม่มีผลกระทบกับการเจรจาและการพูดคุยกับนักธุรกิจในวันนี้ เพราะไม่ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งต้องแยกแยะให้ถูก เรื่องปัญหาในประเทศไทยก็ต้องแก้ไขกันไป มีทีมงานที่ช่วยดูแลอยู่แล้ว

นายกรัฐมนตรี บอกว่า ไม่อยากมองเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่เป็นเรื่องที่ต้องรับทราบ และให้ความกระจ่างกับสังคม มั่นใจว่าตนเองปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งต้องดูรายละเอียดคำวินิจฉัยอีกครั้งว่าเป็นอย่างไร และเชื่อว่าคนที่จะทำหน้าที่ในการตัดสินจะต้องพิจารณาอย่างดี

ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า สว. เล่นเกมต่อรองทางการเมือง นั้น นายกรัฐมนตรีบอกว่าไม่ทราบ ว่าต้องการต่อรองอะไร และต้องไม่คิดไปในแง่ลบ เพราะ สว. ก็มีหน้าที่เป็นของตัวเอง ซึ่งส่วนตัวมีหลายคนบอกว่า เมื่อสว. หมดวาระไปแล้วก็ไม่ควรเสนอ หรือร้องเรียนอะไรอีก แต่ หากกฎหมายให้สิทธิ์ในการเสนอ ก็สามารถทำได้ และไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ เพราะกฎหมายระบุเอาไว้อย่างชัดเจน และไม่อยากมองลึกไปถึงการเล่นเกมเพื่อต่อรองอะไรบางอย่าง เชื่อว่าทุกคนมีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ และต้องการให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างโปร่งใสและชอบธรรม

ส่วนนายกรัฐมนตรีจะพูดอะไรกับคนที่เห็นต่างนั้น หรือไม่นั้น มองว่าการเข้าสู่การเมืองแล้วทำให้ทุกอย่างถูกใจทุกคนเป็นไปไปได้ลำบาก แต่ขอให้มั่นใจรัฐบาล ว่ายึดมั่นกับความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นหลัก และตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเรื่องการตรวจสอบก็เป็นเรื่องธรรมดา พร้อมชี้แจงทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติหรือไม่ลงมติก็ตาม และมีองค์กรอิสระเข้ามาตรวจสอบเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปโดยชอบธรรม ส่วนจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือเบื้องหน้าเป็นหน้าที่ที่จะต้องให้ความกระจ่าง อย่าไปมองว่ามีใครอยู่เบื้องหลังมีใครอยู่เบื้องหลังเบื้องหน้าบ้าง

จะรับมืออย่างไร สถานการณ์การเมืองที่จะพุ่งเป้ามาที่ตัวนายกรัฐมนตรีมากขึ้นในอนาคต นายกรัฐมนตรีระบุว่า ต้องพร้อมตั้งแต่วันแรกที่เข้ามารับตำแหน่ง จนถึงตอนนี้ก็ยังเหมือนกันทุกวัน มีภารกิจที่ต้องทำ มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบกับการกระทำ ดังนั้นจึงขอยืนยันความตั้งใจจริง และไม่ท้อถอย เป็นธรรมดาที่จะต้องเจอเรื่องแบบนี้ ทำได้อยู่แล้ว

ส่วนจะให้กำลังใจตัวเองและผู้ที่สนับสนุนอย่างไร นั้นนายกรัฐมนตรี ระบุว่า สำหรับตัวเองไม่ต้องให้กำลังใจอะไร เพราะผ่านวิกฤตมามากมาย ผ่านการเลือกตั้งที่ชอบทำมาแล้ว ตั้งรัฐบาลมาแล้ว 9 เดือน ไม่มีปัญหา ทุกวันมีความหมาย และมีหน้าที่ต้องแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยปัญหาที่เข้ามาไม่ว่าจะจะเป็นปัญหาส่วนตัว หรือเรื่องทางการเมือง ต้องเป็นเป็นผู้ใหญ่พอที่จะสามารถแบ่งแยกให้ถูก ต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาและเข้าไปชี้แจง ไม่ได้ต้องการกำลังใจอะไรเป็นพิเศษ

สำหรับคนที่สนับสนุน ขอให้มั่นใจว่าตนเองทำด้วยความ และทุกคนก็ทราบดี ยืนยันว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องตอบทุกข้อสงสัย ไม่อยากให้คิดลึกหรือคิดเป็นอย่างอื่น เพราะอาจจะทำให้ไม่สบายใจได้ และเชื่อว่าทุกคนมีความปรารถนาดีกับประเทศ


อาลัย! คุณปู่วัย 73 ปีเสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินตกหลุมอากาศ วางแผนหยุดยาวเพื่อเที่ยวครั้งสุดท้าย

23 พฤษภาคม 2567 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าจากกรณีที่เครื่องบินโบอิ้ง 777-300ER สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ SQ321 เผชิญภาวะตกหลุมอากาศขั้นรุนแรง แบบปัจจุบันทันด่วน ขณะบินอยู่ระดับความสูง 37,000 ฟุต เหนือลุ่มแม่น้ำอิรวะดี ในเมียนมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก

ซึ่งผู้เสียชีวิตจากเครื่องบินตกหลุมอากาศ เป็นชายชาวอังกฤษ ทราบชื่อ นายเจฟฟรีย์ ราล์ฟ คิทเชน (MR.GEOFF KITCHEN) อายุ 73 ปี เดินทางมาพร้อม ลินดา คิทเชน (ภรรยา) เพื่อมาเที่ยวช่วงวันหยุดยาวที่ได้วางแผนไว้กับภรรยาของเขา

แอนนา พรอคเตอร์ ลูกสาวของ เจฟฟรีย์ ราล์ฟ คิทเชน กล่าวถึงพ่อของเธออย่างอาลัยว่าเขาเป็น สุภาพบุรุษที่อ่อนโยน ใจดีอย่างที่สุด แม้ว่าเขาจะอายุมากแล้ว แต่เธอก็เชื่อว่าพ่อของเธอยังมีเวลาอีกหลายปีที่จะได้ใช้ชีวิต

ด้านญาติ ได้เปิดเผยว่า สองสามีภรรยาวางแผนหยุดยาวตลอด 6 สัปดาห์ เพื่อท่องเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์ , อินโดนีเซีย , ออสเตรเลีย แต่งยังไม่ถึงจุดหมายก็เหตุสลดใจเสียก่อน

ตายเจ็บอื้อ! พายุทอร์นาโด 18 ลูกถล่ม'ไอโอวา' บ้านเรือนพังยับ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐไอโอวา ในสหรัฐกล่าวว่า พายุทอร์นาโดลูกหนึ่งพัดกระหน่ำเมืองกรีนฟีลด์เมื่อวันอังคาร ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 35 ราย นอกจากนั้น บ้านเรือนและอาคารหลายหลักได้รับความเสียหายอย่างหนัก

เจ้าหน้าที่ยังคงประเมินความเสียหายทั้งหมดที่เมืองกรีนฟีลด์ ซึ่งมีประชากรประมาณ 2,000 คนและอยู่ห่างจากเมืองดิมอยน์ เมืองเอกของรัฐไอโอวาไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 97 กิโลเมตร สำนักงานความปลอดภัยสารณะของรัฐไอโอวาระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 4 ราย แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คน นอกจากนั้น ไม่ได้กล่าวว่า มีผู้สูญหายหรือไม่ หรือ ยังคงมีการติดตามหาผู้สูญหายหรือไม่

สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 35 คนนั้น มีอย่างน้อย 14 คน ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลนอกเมืองเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ และคาดว่า จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บจะมากกว่านี้ ขณะนี้ทางการกำลังติดต่อเพื่อขอให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อนุมัติให้ประกาศให้เมืองนี้เป็นพื้นที่ภัยพิบัติเพื่อรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง

ทั้งนี้ตามรายงานของสื่อสหรัฐฯ รัฐไอโอวาเผชิญพายุทอร์นาโดถึง 18 ลูกเป็นอย่างน้อยในวันอังคาร โดยเป็นส่วนหนึ่งของอิทธิพลจากพายุรุนแรงที่สร้างความเสียหาย, ทำให้เกิดน้ำท่วม และไฟดับเป็นวงกว้างไปทั่วสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้