ข่าว
หลวงตาประทีปวัดไทย มรณภาพอายุ 84 ปี

พระครูเกษมศาสนวิเทศ (ประทีป เขมปทีโป) รองเจ้าอาวาสวัดไทยลอสแองเจลิส หรือที่ศิษยานุศิษย์เรียกขานด้วย ความเคารพว่า “หลวงตาประทีป” ได้ถึงแก่มรณภาพด้วยโรคหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 เวลา 16.00 น. หลังจากที่เข้ารับการรักษาตั้งแต่เดือนมีนาคม และครั้งสุดท้ายเข้าพักฟื้นที่ Panorama Garden Nursing Home & Rehabitation Center เมืองแวนนายส์ เป็นเวลาแรมเดือน สุดท้ายท่านมรณภาพด้วยอาการ อันสงบ สิริรวมอายุได้ 84 ปี

พระวิเทศกิตติคุณ (ท่านเริ่ม) ได้เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม เวลา 4 โมงเย็น คณะสงฆ์วัดไทยฯ โดยหลวงพ่อใหญ่ ท่านเจ้าคุณพระเทพมงคลวิเทศ เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะศิษยานุศิษย์ ได้ประชุมปรึกษา หารือเกี่ยวกับการพิธีบำเพ็ญกุศลตามประเพณีเพื่ออุทิศถวายท่าน “หลวงตา” พระครูเกษมศาสนวิเทศ เป็นเวลา 7 คืน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน ถึงวันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน 2560 โดยวันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน จัดพิธี ณ ศาลาพระธรรมราชานุวัตร (หลวงเตี่ย) ชั้นบน เริ่มเวลา 16.00 น. หรือ 4 โมงเย็น เป็นพิธีถวายน้ำสรง ศพ เปิดให้พระสงฆ์ธรรมทูตและญาติโยมถวายน้ำสรงจนถึงเวลา 19.30 น. หรือทุ่มครึ่ง จากนั้นนิมนต์พระสงฆ์ 4 รูป สวดพระอภิธรรม แล้วผู้แทนคณะสงฆ์และญาติโยมกล่าวถวายอาลัย พระสงฆ์สวดพระอภิธรรมเป็นคำรบสุด ท้ายแล้วกรวดน้ำรับพร พระสงฆ์แสดงอนุโมทนากถา เป็นเสร็จพิธี และตั้งแต่วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายนเป็นต้นไปจัด พิธีบนอุโบสถศาลาจนครบ 7 วัน

“พวกเราเสียใจกันมากเลย เพราะท่านเป็นพระเถระอาวุโสที่ช่วยงานหลวงเตี่ยสร้างวัดไทย ตั้งแต่ปี 2522 ไม่คิดว่าหลวงตาจะด่วนจากไปเร็วเช่นนี้ แม้จะรู้อยู่ก็ตาม ระยะปีหลังๆ นี้พวกเราก็เห็นท่านเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลเป็นว่าเล่นก็เลยนอนใจ แต่เมื่อท่านจากไปเร็วเช่นนี้พวกเราทั้งพระและลูกศิษย์ก็พร้อมใจกันจัดพิธี ถวายท่านดังกำหนดการข้างต้น หลังจากนั้นแล้วก็จะส่งสรีระสังขารของหลวงตากลับเมืองไทยตามความต้องการ ของคณะศิษยานุศิษย์ในเมืองไทย เพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลที่วัดระฆังโฆสิตาราม วัดที่หลวงตาจำพรรษามา ก่อนที่จะเดินทางมาปฏิบัติศาสนกิจ ณ วัดไทย แล้วทำเรื่องขอพระราชทานเพลิงศพตามลำดับต่อไป โดยค่าใช้ จ่ายในการส่งสรีระสังขารหลวงตากลับเมืองไทยนี้ หลวงพ่อใหญ่เมตตาให้อยู่ในความรับผิด ชอบของวัดไทยทั้ง หมด” ท่านเริ่มกล่าว

“หลวงตา” พระครูเกษมศาสนวิเทศ เป็นชาวราชบุรีโดยกำเนิด เกิดเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2476 ที่อำเภอบ้านโป่ง เดิมชื่อ ประทีป นามสกุล น้อยบาง เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เป็นสามเณรเมื่ออายุ 12 ปี พ.ศ. 2488 และอุปสมบทเป็นภิกษุเมื่อปี พ.ศ. 2498 อายุได้ 22 ปี ที่วัดบ้านเกิดแล้วมาจำพรรษาที่วัดระฆังโฆสิตาราม กทม. เรื่อยมาจนเดินทางมาอเมริกาเมื่อปี 2522 ช่วยงาน “หลวงเตี่ย” พระธรรมราชานุวัตร สร้างวัดไทย เพราะมี ความถนัดด้านงานช่างทุกอย่าง และจำพรรษา ณ วัดไทยมาจนถึงปัจจุบัน

"บิ๊กตู่"เปรย"มันมายังไงว่ะ" หลังคนเชียร์นั่งนายกฯต่อ

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานมอบรางวัลเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2560 พร้อมมอบนโยบายเนื่องในวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 5 มิ.ย.ของทุกปี โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ดีใจที่ได้มีโอกาสพบปะประชาชนทั้งประเทศ ตนเอาหัวใจมาพบกัน ทุกคนต้องร่วมมือกัน แม้รัฐบาลมีอำนาจมากมายแต่ทำฝ่ายเดียวคงไม่ได้ ทั้งนี้ขอขอบคุณชาวนาที่ถือเป็นผู้เสียสละทั้งแรงกายแรงใจ และหยาดเหงื่อเพื่อผลิตข้าวให้คนทั้งประเทศ เราก็หยุดทำการเกษตรไม่ได้ เพราะเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่ต้องนำคนรุ่นใหม่มาทำการเกษตรมากขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องข้าวต้องแก้ปัญหาครบวงจร ไม่ใช่แก้แค่เรื่องราคาข้าวอย่างเดียว แต่ต้องดูตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง แม้เราเป็นประเทศรายได้ปานกลาง แต่ยังมีคนรายได้ต่ำอยู่ ขออย่าเสียใจหรือน้อยใจที่ถูกดูถูกดูแคลน เราต้องช่วยกันดึงกันขึ้นมา รวมกลุ่มสร้างความเข้มแข็ง ไม่ใช่รวมกลุ่มมาต่อสู้กับรัฐบาล ทั้งนี้ชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ แต่วันนี้กระดูกสันหลังต้องไม่งองุ้ม แต่ต้องลืมตาอ้าปากได้ โดยทุกรัฐบาลพูดแบบตนพูดแต่ไม่ทำ แต่รัฐบาลเอาสิ่งที่พูดมาทำทั้งระบบถือเป็นการปฏิรูป อาจไม่ได้ผลเร็วมาก แต่ทุกอย่างดีขึ้นเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน เป็นไปตามโรดแม็พ แต่ระหว่างนี้ต้องช่วยกันสร้างความสงบเรียบร้อย ไม่ประท้วง แต่ที่มองว่าไม่มีผลงานปรากฎ เพราะทุกคนมองแต่ตนเอง ถ้าวันนี้ไม่สงบเรียบร้อย ต่างชาติก็ไม่เชื่อมั่น ไม่ซื้อข้าว ไม่มาลงทุน ถือเป็นอันตรายมากที่สุด ผลิตให้ตายก็ไม่มีคนซื้อ

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการตั้งคำถาม 4 คำถามว่า ย้ำว่า คำถามที่ถามไป เพราะต้องการสร้างการเรียนรู้ ไม่ใช่ว่าจะเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้ง ยังไงก็ต้องมีเลือกตั้ง เพราะกฎหมายเขียนไว้เช่นนั้น แต่จะมีเลือกตั้งอย่างไรก็เป็นเรื่องของประชาชนที่เป็นคนเลือก อย่างไรก็ตามวันนี้หลายคนหลายพวกตีให้พันกันรุงรังไปหมดแล้วมุ่งไปเลือกตั้งอย่างเดียว ยืนยันไม่เคยขัดขวาง ที่เป็นเรื่องของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ตนไม่เคยไปก้าวก่าย เพราะหน้าที่ใครหน้าที่มัน ตนมีหน้าที่ทำประเทศวันนี้ไปสู่อนาคต เพื่อส่งต่อให้ใครที่เข้ามา เว้นแต่ว่ามีวิธีอื่น แต่มองว่าไม่มี เพราะคิดอย่างละเอียดแล้ว แต่ทำได้หรือไม่อยู่ที่ทุกคนทั้งประเทศช่วยกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการมอบรางวัลเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2560 และกล่าวมอบโอวาท พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนโดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "วันนี้วันชาวนาไทย หากมีอะไรให้ถามกับรมช.เกษตรและสหกรณ์" ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบ แต่โพสต์ท่าให้สื่อมวลชนได้ถ่ายรูปเนื่องจากได้ใช้ผ้าขาวม้าคล้องคอและสะพายย่ามของชาวนา

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า วันนี้มีแรงเชียร์ค่อนข้างมากให้กลับมาเป็นนายกมนตรีหลังเลือกตั้งอีกครั้ง อย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส.พล.อ.ประยุทธ์ ก้าวเดินไปสักครู่ก่อนตอบเพียงสั้นๆว่า "มันมายังไงว่ะ" ทั้งนี้ถือเป็นวันที่ 4 ที่พล.อ.ประยุทธ์ ได้งดการให้สัมภาษณ์สี่อมวลชน.


“บิ๊กตู่” เยือนสหรัฐฯ ช่วง ก.ค. เน้นเรื่องสินค้าเลียนแบบผิด กม.

(2 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้โทรศัพท์ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พร้อมเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ไปเยือนสหรัฐฯ ด้วยนั้น

ล่าสุด สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ออกหนังสือเวียน ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่นร 0505/ว266 ถึงรองนายกรัฐมนตรีทุกคน ทุกกระทรวง และเลขาธิการ คสช. เรื่องข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 1 มิ.ย. 2560 ลงนามโดยนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยเนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า สืบเนื่องจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศกับสหรัฐฯ รวมทั้งประเด็นอื่นที่สำคัญ เช่น กรณีผลการจัดสถานะประเทศไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐอเมริกา มาตรา 301 พิเศษ การแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การจัดตั้งอนุกรรมการด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า เพื่อให้นายกรัฐมนตรีนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประกอบการหารือกับฝ่ายสหรัฐฯ ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางเยือนสหรัฐฯในช่วงเดือน ก.ค.นี้ ทั้งนี้ ให้นำเสนอข้อมูลดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว

ด้านนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หนังสือดังกล่าวเป็นข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมาจริง ซึ่งนายกฯ ยังไม่ได้ระบุถึงกำหนดวันเดินทางแต่อย่างใด และหากมีข้อสั่งการเพิ่มเติม ทาง สลค.ก็จะออกเป็นหนังสือข้อสั่งการต่อไป

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้ปรารภในที่ประชุม ครม.ว่าจะเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาในช่วงเดือน ก.ค.นี้ ขอให้ทุกฝ่ายเตรียมข้อมูลไว้ให้พร้อมในขั้นต้นหากมีการเชิญมาอย่างเป็นทางการ โดยให้เตรียมความพร้อมในเรื่องมาตรการต่างๆ ที่เคยเร่งรัดไป โดยเฉพาะเรื่องสินค้าลอกเลียนแบบ สินค้าผิดกฎหมาย ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันกวดขัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันเดินทางที่ชัดเจน แต่จะเป็นในช่วงเดือน ก.ค.นี้


คดีฆ่าเณร รู้ความจริงยิ่งสยอง โบกปูนฝังหน้ากุฏิบวชพระเฝ้า

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 มิ.ย. ที่วัดวังตะวันตก ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ก่อนที่จะขุดหาศพ (สยอง ขุดศพเณรปลื้ม! ถูกพระฆ่าฝังในวัดเมืองคอน พบโบกปูน2ชั้น-เน่าแล้ว) พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.รังสรรค์ สุขเกื้อ ผกก.กก.สส.ภ. นครศรีธรรมราช พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พ.ต.ต.วันชัย สุวรรณรัตน์ สว.สส.นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.นศ.และตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาร่วมกันรุมฆ่านายศุภโชค เอกเกียรติกุล อายุ 17 ปี หรือสามเณรปลื้ม อยู่วัดวังตะวันตก ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

ทั้งนี้ เหตุเกิดเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 3 มกราคม 2560 หรือประมาณ 5 เดือนที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วยนายเด่นชัย ภูมินิยม หรือพระเด่น อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/1 หมู่ 3 ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายสุริยา หรือสามเณรสุริยา อายุ 18 ปี อยู่ ต.ท่าประจะ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งทั้งสองเป็นพระและสามเณรวัดวังตะวันตก และนางสาวปิยฉัตร อรุณสกุล อายุ 40 ปี หรือบิว ซึ่งเป็นภรรยาของนายเด่นชัย โดยนายเด่นชัย และนายสุริยา ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันใช้ท่อนเหล็กแป๊บและของแข็งทุบตีสามเณรปลื้ม จนสลบเหมือดไป 2 ครั้งแล้วรุมตีซ้ำอีก จนสามเณรกะโหลกศีรษะแตกใบหน้าแตก และมีบาดแผลที่แขนทั้งสองข้าง ตาบวม บาดเจ็บสาหัสแต่ยังไม่ตาย

จากนั้นนายเด่นชัยหรืออดีตพระเด่น และพวกได้ช่วยกันนำร่างสามเณรปลื้มขึ้นรถกระบะเพื่อจะไปวัดแห่งหนึ่งใน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช แต่ปรากฏว่าระหว่างทางสามเณรปลื้มได้เสียชีวิต นายเด่นชัยหรือพระเด่นจึงนำร่างสามเณรปลื้มมาเก็บที่กุฏิหลังหนึ่งภายในวัดวังตะวันตก ก่อนช่วยกันรื้อเรือพระลำหนึ่งบริเวณหน้ากุฏิออกแล้วทำการขุดหลุมบริเวณหน้ากุฏิลึกประมาณ 1.5 เมตร ห่อศพสามเณรปลื้มด้วยจีวร ผ้านวมและเสื่อลากศพลงไปฝังในหลุมที่ขุดเตรียมเอาไว้ โดยมีการโบกปูนทับศพชั้นหนึ่งก่อนที่จะใช้ดินฝังศพ แล้วโบกพื้นปูนเป็นลานกว้างยาว 4 คูณ 4 เมตร มีการนำพระพุทธรูปองค์หนึ่งและแจกันธูปเทียนมาวางบนพื้นปูนเพื่ออำพรางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นเวลานานกว่า 5 เดือน

จนกระทั่งมีญาติของสามเณรปลื้มได้เข้าร้องเรียนกับตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราชและตำรวจ กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ว่าสามเณรปลื้มหรือนายศุภโชค เอกเกียรติกุล อายุ 17 ปี ได้สูญหายไปจากวัดวังตะวันตกอย่างผิดปกติ ขอให้ตำรวจช่วยสืบสวนคลี่คลายคดีอยู่นานนับเดือนจึงนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คนดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขุดศพมีขึ้นในเวลา 10.00 น.วันที่ 2 มิ.ย. พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 และเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายเด่นชัย หรือพระเด่น ภูมินิยม อายุ 36 ปี นายสุริยาหรือสามเณรสุริยา อายุ 18 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณกุฏิหลังหนึ่งของวัดวังตะวันตก ซึ่งเป็นจุดใช้ท่อนเหล็กแป๊บและของแข็งรุมทุบตีสามเณรปลื้มจนตายและชี้จุดขุดหลุมฝังศพสามเณรปลื้ม บริเวณหน้ากุฏิ พบว่ามีการโบกปูนปิดอำพรางไว้อย่างดีตามคำรับสารภาพ จึงให้ผู้ต้องหาทั้งสองจุดธูปเทียนกราบไหว้ขอขมาศพ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะใช้รถแบ็กโฮขุดแผ่นปูนและขุดดินลึกลงไปประมาณ 1.5 เมตร ใช้เวลาขุดประมาณ 30 นาที ในที่สุดก็พบร่างสามเณรปลื้มถูกฆ่าฝังดินด้วยการโบกปูนทับอีกชั้นหนึ่ง ศพเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วบริเวณวัด สภาพมีบาดแผลถูกตีที่ศีรษะและใบหน้า มีผ้าจีวร ผ้านวม เสื่อห่มศพอย่างดี ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยนครต้องใช้ความพยายามขุดศพอย่างระมัดระวังเป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง กว่าจะนำศพขึ้นมาจากหลุมได้ ก่อนให้แพทย์ชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุต่อหน้า พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 ซึ่งยืนดูการขุดศพตลอดเวลาจนเสร็จ เกือบ 2 ชั่วโมง

พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 เผยว่า คดีนี้ตามคำให้การรับสารภาพของผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย คือนายเด่นชัย ภูมินิยม อายุ 36 ปี หรือพระเด่น ซึ่งเพิ่งบวชเป็นพระหลังจากก่อเหตุฆ่าสามเณรปลื้มแล้วไป 20 วัน นายสุริยา หรืออดีตสามเณรสุริยา ได้ให้การรับสารภาพว่าโกรธแค้นที่ผู้ตายขโมยเงินจำนวนหนึ่งของกลุ่มผู้ต้องหาไป จึงเรียกมาสอบถามแต่สามเณรไม่ยอมรับเลยมีการรุมซ้อมจนสลบไป 2 ครั้งและเสียชีวิตในที่สุด ก่อนช่วยกันหามศพขุดหลุมฝังบริเวณหน้ากุฏิภายในวัดแล้วโบกปูนปิดทับเป็นลานกว้างและนำพระพุทธรูปมาวางไว้เพื่ออำพรางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาก็ยังอาศัยอยู่ภายในวัดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งมีญาติมาร้องเรียนตำรวจให้ช่วยตามหาสามเณรปลื้มนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาร่วมแก๊งทั้ง 3 ราย และขุดหลุมศพเจอศพสามเณรปลื้มดังกล่าว ส่วน น.ส.ปิยฉัตรหรือบิว อรุณสกุล อายุ 40 ปี เมียนายเด่นชัย แม้จะยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานมัดตัวแน่นว่าร่วมก่อเหตุฆ่าสามเณรปลื้มด้วย จึงควบคุมตัวดำเนินคดีทั้ง 3 ราย

อย่างไรก็ตาม คดีนี้ สาเหตุอาจไม่ใช่โกรธแค้นเรื่องไปลักทรัพย์ตามที่กลุ่มผู้ต้องหากล่าวอ้าง แต่สามเณรปลื้ม อาจจะไปล่วงรู้เรื่องราวผลประโยชน์ต่างๆ ของกลุ่มผู้ต้องหา ทำให้กลุ่มผู้ต้องหาไม่พอใจ จึงพาไปรุมซ้อมจนตาย ซึ่งทางตำรวจจะสืบสวนสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.


“เปรี้ยว”เคยโกอินเตอร์ ตร.ไทย –พม่า “ยอมถอย”

ตำรวจไทย “ถอดใจ”หยุดตามล่าฆาตกร “เปรี้ยว สวยสังหาร” คาดหลบซุกปีกทหารว้าแดง แฉก่อนหน้าเคยมีหญิงไทยหนีคดีซบว้าแดงมาก่อนแล้ว ส่วนใหญ่เจอโทษหนักต้องยอมเป็นเมียเพื่อขอสิทธิคุ้มครองในฐานะสมาชิกของครอบครัว “ครบเครื่องเรื่องกามา” พบประวัติเดินสายสิงค์โปร -ฮ่องกง ก่อนถลำเข้าวงการค้ายา

หลังสื่อโซเชียลฯช่วยกันขุดคุ้ยปูมหลัง “เปรี้ยว สวยสังหาร”หรือ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย จนถึงกับมีหนุ่มๆที่เคยมีความสัมพันธ์กันในอดีตปล่อยคลิปภาพลับสุดยอดออกมาจนบรรดาคอข่าวต่างรู้รายละเอียดอย่างทุกซอกทุกมุมมีรายงานล่าสุดเมื่อเย็นวันที่ 2 มิ.ย.2560 ที่ผ่านมาว่าชุดสืบสวนของสำนักงานตรวจคนเช้าเมือง รวมทั้งสืบภาค 4 เจ้าของท้องที่เกิดเหตุและสืบภาค 5 ในฐานะผู้ให้การสนับสนุนต่างยุติปฏิบัติการค้นหา “เปรี้ยว สวยสังหาร”ในเขตท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนม่า แล้วเนื่องจากไม่มีวี่แววของฆาตกรสาวกับพรรคพวกจึงพากันเดินทางกลับเพื่อรอข่าว และการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชาอีกครั้งหนึ่ง

แหล่งข่าวทีมอาชญากรรม MGR ออนไลน์ซึ่งมีความชำนาญพื้นที่และมีความคุ้นเคยกับทหารไทยใหญ่ ท่าขี้เหล็ก เปิดเผยว่าหลังเกิดเรื่องเป็นข่าวใหญ่ได้ประสานไปยังทหารระดับบังคับบัญชาของเจ้ายอดศึก ได้แจ้งว่าน.ส.ปรียานุช มิได้อยู่ในการดูแลของทหารไทยใหญ่ อย่างแน่นอนเพราะเรามีจุดยืนไม่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติดแต่ยอมรับว่าน่าจะหลบอยู่ในเขตอิทธิพลของว้าแดง ซึ่งมีอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มแรกมีผลประโยชน์เกี่ยวกับยาเสพติด กลุ่ม 2 มีผลประโยชน์กับกาสิโน คาดว่าคนร้ายที่ทางการไทยต้องการตัวรายนี้น่าจะอยู่ในการดูแลของทหารว้าแดงระดับ “ร้อยเอก”ขึ้นไป

นายทหารเจ้ายอดศึก คนเดียวกันยังยืนยันว่าก่อนหน้าเคยมีหญิงไทยที่หลบหนีคดีหลายคนเข้ามาขอความช่วยเหลือจากทหารว้า ทุกคนยอมรับสภาพเป็นเมียทหารว้าซึ่งตามธรรมเนียมแล้วถือว่าพอเป็นผัวเมียกันก็คือสมาชิกในครอบครัวจึงได้รับการดูแลคุ้มครอง กรณีน.ส.ปรียานุช แม้จะเป็นผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยแต่ถือว่าเป็นแนวร่วมและมีรูปร่างหน้าตาสวยจึงไม่ยากที่จะมีนายทหารระดับร้อยเอก ของกองกำลังว้าแดงรับเป็นเมีย อย่างไรก็ตามสถานที่ซ่อนตัวเวลานี้เมื่อยู่ในเขตอิทธิพลของทหารว้าแดงการเข้าพื้นที่จึงล้มเหลวกลายเป็นศูนย์แม้แต่ทหารพม่าเองก็ยังไม่กล้าเข้าไปวุ่นวายซึ่งหากผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวนั่นหมายถึงสงครามย่อยหรือการปะทะกันอย่างแน่นอน

แหล่งข่าวฝ่ายสืบสวนไทยเปิดเผยเพิ่มเติมกับทีมข่าวอาชญากรรม MGR ด้วยว่าจากการตรวจสอบประวัติของ น.ส.ปรียานุช ยังพบว่ามีการเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศสิงคโปร์ กับฮ่องกง หลายครั้ง จากการข่าวทราบมาว่าฆาตกรสาวสวยรายนี้มีความเจนจัดชนิด “เดินสาย”ทำงานบริการประเทศดังกล่าวจนมีรายได้ถึงขั้นใช้ชีวิตอย่างหรูหราเมื่อกลับมายังประเทศไทย ส่วนการเข้ามาเกี่ยวข้องกับวงการยาเสพติดนั้นน่าจะเกิดจากการชักจูงของแฟน-คู่ขาที่ติดพันกัน

ก่นหน้ามีการเคลื่อนไหวของ ป.ป.ส.โดยนายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กล่าวถึงกรณี น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว พร้อมพวก ผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพที่ จ.ขอนแก่น หลบหนีอยู่ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (พม่า) และเกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติด ว่า จากประวัติข้อมูล น.ส.ปรียานุช เคยถูกจับข้อหา ครอบครองเพื่อเสพ เมื่อ 2-3 ปีก่อน ทาง ป.ป.ส. จึงขยายผลพบว่า น.ส.ปรียานุช มีการติดต่อกับเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำแล้วส่งเข้ามายังประเทศไทย ซึ่ง ป.ป.ส. กำลังติดตามจับกุมแต่ยังไม่ขอเปิดเผยข้อมูล ส่วน น.ส.ปรียานุช ทำหน้าที่เก็บเงิน หรือ หาลูกค้า ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผล อย่างไรก็ตาม ป.ป.ส.ไม่เคยระบุว่า น.ส.ปรียานุช เข้าไปเกี่ยวข้องกับเครือข่าย พ.ท.ยี่เซ แต่วิเคราะห์เพียงว่าหากยังไม่ถูกส่งตัวกลับมาก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจเข้าไปหลบอยู่ในพื้นที่ปกครองพิเศษที่ทางการเมียนมาร์เข้าไปไม่ได้เท่านั้น

"สำหรับพฤติการณ์ก่อเหตุของ น.ส.ปรียานุช เชื่อว่าไม่น่าจะเกิดจากฤทธิ์ของยาเสพติดทั้งหมด เพราะคนที่เมาจากฤทธิ์ยา สติจะฟั่นเฟือนไม่น่าจะลงมือกระทำการอย่างละเอียดรอบคอบแบบนี้ได้ รวมถึงอาจไม่เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัดตอนเพราะผู้เสียชีวิตไม่ใช่เป็นคนสำคัญในขบวนการค้ายา แต่สันนิษฐานว่าเป็นเพียงผู้เสพรายเล็ก หรือ เป็นกลุ่มเพื่อนผู้เสพกับ น.ส.ปรียานุช เท่านั้น" นายศิรินทร์ยา กล่าว

แม่น้องเฟี๊ยส ปล่อยโฮ! เห็นชุดมิสแกรนด์ของลูก

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 2 มิถุนายน 2560 ที่วัดประชานิคม หมู่ 6 ตำบลคุริง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร สถานที่ตั้งบำเพ็ญศพของ นางสาวรัตนา รามจาตุ หรือ "เฟี๊ยส" หรือ "น้องกระต่าย" อายุ 19 ปี ที่เพิ่งจะคว้ามงกุฎมิสแกรนด์อุทัยธานี 2017 เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 60 ที่ผ่านมา เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ บนถนนบริเวณถนนเพชรเกษมขาขึ้น ตำบลทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์

ช่วงตอนเช้าวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้ตั้งบำเพ็ญกุศลศพเป็นวันที่ 2 แล้ว โดยกำหนดฌาปนกิจศพในวันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายนนี้ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจของบรรดาญาติๆ และเพื่อนสนิท ที่มาช่วยงานเตรียมต้อนรับแขกเหรื่อ

โดยมี นายวิชาญ พาหาสิงห์ อายุ 50 ปี ผู้เป็นลุงที่เลี้ยงดูมาแต่แบเบาะ กับ นางรจนา พาหาสิงห์ อายุ 41 ปี แม่ของนางสาวรัตนายืนดูรูปหน้าศพ และลูบคลำมุงกุฎกับชุดมิสแกรนด์อุทัยธานี ที่ประดับอยู่ข้างๆ ด้วยน้ำตาคลอเบ้า

นางรจนา กล่าวว่า ตนทำงานอยู่ที่บิ๊กซีจังหวัดชลบุรี ได้เดินทางมาถึงตอนตีหนึ่งเมื่อคืนนี้ ปกติวันหยุดตนจะไปหาลูกสาวที่กรุงเทพฯ อยู่เป็นประจำ เราสนิทกันเหมือนเพื่อน ตนและชาวบ้านที่จังหวัดชุมพร จะเรียกลูกตามชื่อเล่นว่า "กระต่าย" มีอะไรจะพูดคุยปรึกษากันตลอด และจะแชตไลน์ทักทายพูดคุยกันทุกวัน

ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 22 พ.ค.60 ที่ผ่านมา ตนได้ไปหาลูกที่คอนโดที่ลูกเช่าอาศัยอยู่ มานอนอยู่ด้วยกัน 1 คืน เพื่อจัดเตรียมสิ่งของเสื้อผ้าเตรียมตัวจะเดินทางไปประกวดมิสแกรนด์อุทัยธานี ในวันที่ 25 พ.ค. 60 เราถ่ายภาพคู่กันตอนเช้า และลูกพาตนไปซื้อเสื้อผ้าโดยเลือกชุดสีดำให้ตน

แล้วบอกว่า แม่ใส่ชุดนี้จะดูสวยมาก และลูกก็พยายามคะยั้นคะยอจะซื้อให้ตนใส่ แต่ตนปฏิเสธไม่ให้ซื้อ และลูกยังพูดอีกว่า ถ้าวันไหนไม่มีหนูแล้วแม่จะอยู่อย่างไร

ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก และบอกกลับไปว่า ถ้าวันไหนลูกได้เดินตามความฝันแล้ว ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงโด่งดัง ลูกอย่าลืมญาติพี่น้อง ครูบาอาจารย์ เพื่อนๆ ที่เขาคอยช่วยเหลือสนับสนุนเรามาก็แล้วกัน ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าจะเป็นการเจอที่พูดคุยกันเป็นครั้งสุดท้าย

นางรจนา กล่าวต่อว่า น้องกระต่ายเป็นคนมีอัธยาศัยดี ขยัน ต่อสู้ชีวิตมาตลอด เรียนหนังสือจบชั้น ม.6 แล้วต้องหยุดเรียนเพราะอยากทำงานช่วยเหลือครอบครัว เมื่อลูกมีโอกาสก็เพิ่งจะไปสมัครและลงทะเบียนเรียนระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แต่ยังไม่ทันได้เรียนก็ต้องมาจบชีวิตก่อนวัยอันควรดังกล่าว.