สุดสะเทือนใจ! ครอบครัวผู้บริหารบริษัทซีเมนส์ดับยกครัว หลังเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้เป็นพาหนะตกในแม่น้ำฮัดสัน สหรัฐฯ

เมื่อวันที่ 11 เม.ย.68 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ ตกในแม่น้ำฮัดสัน บริเวณย่านนิวพอร์ต เมืองเจอร์ซีย์ซิตี รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6 ราย ในจำนวนนี้ 5 ราย เป็นสมาชิกครอบครัวของนายอากุสติน เอสโคบาร์ ผู้บริหารของบริษัทเทคโนโลยี “ซีเมนส์” ชาวสเปน ซึ่งรวมถึงนายเอสโคบาร์ด้วยที่อยู่บนเครื่องบิน ส่วนนักบินก็เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

โดยผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า เห็นวัตถุขนาดใหญ่ร่วงลงแม่น้ำ จากนั้นอีก 2 – 3 วินาทีถัดมา ก็เห็นใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ร่วงตามมา ใกล้กับจุดที่วัตถุขนาดใหญ่ตกครั้งแรก

รายงานข่าวแจ้งว่า นักประดาน้ำสามารถเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้ทั้งหมดแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการเก็บกู้ซากเฮลิคอปเตอร์

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในสหรัฐ กรณีเฮลิคอปเตอร์นำเที่ยวเบล 206 ตกลงในแม่น้ำฮัดสันในนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย รวมนักบิน

ด้านเจ้าหน้าที่กล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวสูญเสียการควบคุมไม่นานหลังจากเลี้ยวที่สะพานจอร์จ วอชิงตัน เพื่อมุ่งหน้าไปตามแนวชายฝั่งนิวเจอร์ซีย์ ก่อนหงายท้อง และร่วงตกลงสู่แม่น้ำฮัดสัน

ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยเริ่มค้นหาเหยื่อในแม่น้ำ แต่ความพยายามในการช่วยชีวิตไม่ประสบผลสำเร็จ เหยื่อ 4 รายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ อีก 2 รายเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม จากรายงานเผยว่า ครอบครัวเหยื่อผู้เสียชีวิต ทราบภายหลังระบุตัวตน คือ อากัสติน เอสโกบาร์ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเทคโนโลยีซีเมนส์ ชาวสเปน พร้อมด้วยภรรยาและลูกๆ รวม 5 ราย ที่ประสบเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในแม่น้ำฮัดสัน

ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการที่เฮลิคอปเตอร์ตกได้แน่ชัด และอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนต่อไป

โดยภาพถ่ายสุดท้ายที่ถูกเผยแพร่ผ่านทาง เว็บไซต์ New York Helicopter Tours เผยให้เห็นสมาชิกครอบครัวทั้ง 5 คนพร้อมรอยยิ้ม ขณะยืนอยู่หน้าเฮลิคอปเตอร์ลำที่เกิดเหตุสลด ซึ่งทั้งครอบครัวเดินทางมาจากเมืองบาร์เซโลนาประเทศสเปน ไปยังนครนิวยอร์ก เพื่อพักผ่อนในช่วงวันหยุดทั้งครอบครัว

แก๊งยากูซ่าที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ได้ให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามที่ยาวนานกับแก๊งคู่แข่งและจะไม่ก่อ "ปัญหา" ขณะที่แก๊งเหล่านี้ต้องเผชิญกับการลดลงของสมาชิกและการปราบปรามของตำรวจที่เข้มงวดขึ้น

สมาชิกอาวุโสสามคนของแก๊งยามากูจิ-กูมิ ได้เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจจังหวัดเฮียวโงะ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (7 เม.ย.) และส่งจดหมายถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้คำมั่นว่าจะ "ยุติการสู้รบภายในทั้งหมด" และ "จะไม่ก่อปัญหาใดๆ"

แก๊งยามากูจิ-กูมิ ซึ่งเป็นกลุ่มอาชญากรที่ใหญ่ที่สุดและร่ำรวยที่สุดในโลกกลุ่มหนึ่ง ได้เข้าไปพัวพันกับความบาดหมางอันนองเลือดกับแก๊งที่แตกแขนงมาตั้งแต่ปี 2015 เมื่อกลุ่มอาชญากรมากกว่าสิบกลุ่ม แยกตัวออกมาเพื่อก่อตั้งกลุ่มโกเบ ยามากูจิ-กูมิ

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความรุนแรงที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างแก๊งยากูซ่าที่เป็นศัตรูกันทั้งสองกลุ่ม ทำให้เกิดการยิงหรือถูกแทงในเหตุการณ์หลายสิบครั้ง ความขัดแย้งด้วยอาวุธซึ่งมักปะทุขึ้นบนถนนสาธารณะในเมืองต่างๆ ทั่วภาคกลางและภาคตะวันตกของญี่ปุ่น ได้กดดันให้ทางการเข้มงวดมาตรการควบคุมกลุ่มอาชญากรเหล่านี้

"ยากูซ่า" เป็นคำเรียกรวมของกลุ่มอาชญากรที่ก่ออาชญากรรมในญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในพื้นที่สีเทาของประเทศ แม้ว่ากลุ่มเหล่านี้จะไม่ได้ถูกสั่งห้าม แต่ทางการก็ควบคุมและติดตามพวกเขา

ในปี 2020 ตำรวจได้กำหนดกลุ่มยากูซ่าและกลุ่มย่อยเป็นกลุ่มที่ถูกจับตา ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการติดตามอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น จำกัดกิจกรรมของกลุ่ม รวมถึงห้ามใช้สำนักงาน และจำกัดความสามารถในการระดมทุน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่น กล่าวในปี 2021 ว่า "ความขัดแย้งของพวกเขาร้ายแรงและคาดเดาไม่ได้" ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตำรวจยังได้ติดตามแก๊งอื่นๆ อีกหลายกลุ่มอย่างใกล้ชิด

ไม่ชัดเจนว่ากลุ่มที่เป็นศัตรูอย่างกลุ่มโกเบ ยามากูจิ-กูมิ ได้ยอมรับต่อคำสัญญาหยุดยิงหรือไม่ ตำรวจกล่าวว่าพวกเขาจะ "ติดตามการเคลื่อนไหวของทั้งสองกลุ่มอย่างใกล้ชิด" เนื่องจากการประกาศยุติสงครามอาจเป็นการตัดสินใจฝ่ายเดียว

จำนวนสมาชิกกลุ่มยากูซ่าทั่วญี่ปุ่นลดลงในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ในปี 2024 จำนวนสมาชิกกลุ่มอาชญากรที่ก่ออาชญากรรมมี 18,800 ราย ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และลดลงต่ำกว่า 20,000 รายเป็นครั้งแรก ตามข้อมูลของตำรวจ

ตัวเลขอย่างเป็นทางการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำนวนสมาชิกที่ยังคงเคลื่อนไหวของกลุ่มยามากูจิ-กูมิ ลดลงเกือบครึ่งหนึ่งตั้งแต่ปี 2014 โดยลดลงจาก 6,000 รายในตอนนั้น เหลือเพียง 3,300 รายเมื่อสิ้นปีที่แล้ว กลุ่มโกเบ ยามากูจิ-กูมิ มีสมาชิกประมาณ 120 รายในปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่จำนวนสมาชิกยากูซ่าลดลง ทางการญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับปรากฏการณ์อาชญากรรมใหม่ นั่นก็คือ "กลุ่มโทคุริว"

กลุ่มอาชญากรนิรนามเหล่านี้ไม่ได้สังกัดกลุ่มยากูซ่า แต่ดำเนินการเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่มเฉพาะกิจ เมื่อปีที่แล้ว สมาชิกกลุ่มโทคุริวประมาณ 10,000 รายถูกสอบสวน โดยตำรวจเชื่อมโยงพวกเขากับการปล้นทรัพย์ที่รุนแรงในโตเกียว และแผนฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับการหลอกให้หลงรัก และการลงทุนบนโซเชียลมีเดีย.

ที่มา CNN

มีนักศึกษาชาวต่างชาติตามมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ในรัฐเทกซัสของสหรัฐ รวมอย่างน้อย 118 คน ถูกเพิกถอนสถานภาพทางกฎหมาย โดยนักศึกษาเหล่านี้ได้รับแจ้งว่าวีซ่าของพวกเขาถูกเพิกถอน หรือสถานะการเข้าเมืองของพวกเขาขึ้นว่า “ยกเลิก” ในระบบข้อมูลนักศึกษาและผู้เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน (เอสอีวีไอเอส) ของรัฐบาลกลาง สำนักข่าวซินหัวรายงานจากเมืองฮิวสตัน รัฐเทกซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ว่ามีการยกเลิกสถานะการเข้าเมืองในระบบเอสอีวีไอเอส ของนักศึกษาอย่างน้อย 27 คน ในมหาวิทยาลัยนอร์เทกซัส และอีก 27 คน ของมหาวิทยาลัยเทกซัส วิทยาเขตอาร์ลิงตัน

ขณะที่นักศึกษา 10 คน ของมหาวิทยาลัยเทกซัส วิทยาเขตเอลปาโซ ถูกเพิกถอนวีซ่า นอกจากนี้ มีรายงานสถาบันการศึกษาแห่งอื่นในรัฐเทกซัส ซึ่งได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทกซัส วิทยาเขตดัลลาส มหาวิทยาลัยเทกซัสเอแอนด์เอ็ม มหาวิทยาลัยเทกซัส วิทยาเขตริโอ แกรนด์ มหาวิทยาลัยสตรีเทกซัส และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเทกซัส

ทั้งนี้ นักศึกษาซึ่งถูกเพิกถอนสถานะการเข้าเมืองในระบบเอสอีวีไอเอส สามารถเลือกเดินทางออกจากสหรัฐ หรือยื่นคำร้องขอฟื้นคืนสถานะ อย่างไรก็ตาม การเลือกยกเลิกสถานะการเข้าเมืองในระบบเอสอีวีไอเอสมากกว่าเพิกถอนวีซ่า สร้างอุปสรรคความยากลำบากแก่กระบวนการอุทธรณ์ยิ่งขึ้น

นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐเป็นสมัยที่สอง เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา มีนักศึกษาชาวต่างชาติหลายร้อยคนจากมหาวิทยาลัยหลายสิบแห่งในประเทศ เผชิญกับการถูกยกเลิกสถานะการเข้าเมือง ในระบบเอสอีวีไอเอส

อนึ่ง ผู้ที่ถูกเพิกถอนสถานะส่วนใหญ่มีความเชื่อมโยงกับการประท้วงภายในอาณาเขตมหาวิทยาลัย เพื่อแสดงการสนับสนุนปาเลสไตน์ เมื่อปีที่แล้ว และมีบางส่วนกระทำความผิดเล็กน้อยอย่างละเมิดกฎจราจร

ขณะที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐ ประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เริ่มการตรวจสอบและคัดกรองบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของนักศึกษาชาวต่างชาติ เพื่อค้นหาเนื้อหาเกี่ยวกับ “การต่อต้านชาวยิว”.

ข้อมูล : XINHUA...

เมื่อวันที่ 11 เม.ย.68 กระทรวงพาณิชย์จีน เปิดเผยว่า ทางการจีนได้ดำเนินการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ผ่านกลไกระงับข้อพิพาทอย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐฯ ประกาศปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรกับสินค้าจีนครั้งล่าสุด

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เมื่อวันพฤหัสบดี (10 เม.ย.) สหรัฐฯ ได้ประกาศเพิ่มอัตรา "ภาษีตอบโต้" (reciprocal tariffs) ต่อสินค้านำเข้าจากจีน

โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า มาตรการทางภาษีดังกล่าวของสหรัฐฯ สะท้อนถึงการใช้อำนาจบาตรใหญ่และการบีบบังคับแต่เพียงฝ่ายเดียวอย่างชัดเจน ซึ่งการกระทำเช่นนี้นับเป็นการละเมิดกฎเกณฑ์ของ WTO อย่างร้ายแรง อีกทั้งยังส่งผลกระทบอย่างหนักต่อระบบการค้าพหุภาคีที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย ตลอดจนระเบียบเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ

โฆษกย้ำว่า จีนจะยืนหยัดปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของตนอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งธำรงรักษาระบบการค้าพหุภาคีและระเบียบเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศไว้อย่างถึงที่สุด

นอกจากนี้ โฆษกระบุว่า จีนยังได้เรียกร้องให้ฝ่ายสหรัฐฯ ดำเนินการแก้ไขการกระทำที่ผิดพลาดนี้โดยทันที และยุติมาตรการทางภาษีที่นำมาใช้กับจีนแต่เพียงฝ่ายเดียวทั้งหมด