จากรายงานของโคโคนัทบางกอก ระบุว่า คริสเต็น ลีแอนน์ นางแบบสาวชาวสหรัฐฯ อ้างว่าเธอถูกขู่ฆ่าจากชาวพุทธผู้เคียดแค้นในประเทศไทย หลังจากที่เธอไปถ่ายรูปโดยนั่งบนตักของพระพุทธรูป จนทำให้เธอต้องกาชื่อประเทศไทยออกจากรายชื่อประเทศที่เธอจะเดินทางไปท่องเที่ยวโดยพลัน
"มันก็แค่รูปของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งบนรูปปั้นที่วางประดับไว้หน้าสปาก็เท่านั้น"นางแบบสาวตอบกลับเมื่อวันพุธที่ผ่านมาก่อนลบภาพดังกล่าวบนเฟซบุ๊กของเธอที่ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางโดยมิได้ตั้งใจทิ้งไป
ภาพซึ่งตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวปรากฏภาพของลีแอนน์ วัย 26 ปี จากลอสแอนเจลิสนั่งอยู่บนตักของพระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ในสปาแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ซึ่งไม่มีความเชื่อมโยงใดๆกับประเทศไทย แต่กลับถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงโดยคณะชาวเน็ตจากประเทศไทยซึ่งบางรายถึงกับออกมาขู่ฆ่าเธอ
"นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว ฉันคงต้องไม่ไปเที่ยวเมืองไทยสักพัก มีคนส่งภาพตัดต่อเป็นภาพของฉันที่ถูกสับร่างออกเป็นชิ้นๆตั้งหลายรูป" ลีแอนน์กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับชาวพุทธบางส่วน การแสดงออกลักษณะดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความไม่เคารพต่อวัตถุธาตุที่สำหรับพวกเขาถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และยังทำลายความรู้สึกของพวกเขา ไม่ต่างจากที่ชาวไทยบางคนสวมใส่ชุดนาซีจนทำให้ชาวตะวันตกบางส่วนไม่พอใจ
“ยิ่งลักษณ์” เป็นประธานสวดอภิธรรมศพ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ขณะที่ประชาชนที่ทราบข่าว แห่ดูทะเบียนรถ อดีตนายกฯหญิง เลข ท-8606
เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 22 พ.ค. พิธีสวดอภิธรรมบำเพ็ญกุศลหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ โดยมีพระสงฆ์จากวัดศรีจันทร์ อารามหลวงจำนวน 4 รูป มี พระธรรมธีราชมุนี เจ้าคณะภาค 11 เป็นประธานสวดอภิธรรมฝ่ายสงฆ์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะตัวแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานสวดอภิธรรมฝ่ายฆราวาส พร้อมอดีต คณะรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งร่วมทำบุญอีกด้วยจำนวน 1 แสนบาท
นอกจากนี้ ยังมีประธานร่วมอีกหลายคน คือ ม.ร.ว.จิราคม กิติยากร นายจรินทร์ จักกะพาก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสมศักดิ์ ปริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และนายกำธร ถาวรสถิตย์ ทั้งนี้ ยังคงมีประชาชนจากทุกสารทิศ ยังคงเดินทางเข้าสักการะสรีระสังขารและร่วมฟังสวดอภิธรรมอีกนับแสนคน ในขณะที่ประชาชนแห่ดูทะเบียนรถ เมื่อทราบว่า อดีตนายกรัฐมนตรี นั่งรถตู้โฟล์ค สีดำ ป้ายแดงทะเบียน ท-8606 มาร่วมทำบุญบำเพ็ญกุศลหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ต่างพากันแห่จดทะเบียนรถตามๆ กัน
สุดชื่นมื่น! ทักษิณ อุ้มหลานฝาแฝด (เอมิ-นานิ) รับขวัญเป็นครั้งแรก หลัง น.ส.พินทองทา ชินวัตร พาไปพบหน้าคุณตาถึงประเทศสิงคโปร์
วันที่ 22 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต อดีตรองโฆษกรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ส่งภาพผ่านทางไลน์ เป็นภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในชุดแต่งกายสบายๆ พร้อมรอยยิ้ม ที่ได้อุ้มหลานสาวฝาแฝด "เอมิ นานิ" ซึ่งเป็นลูกของ น.ส.พินทองทา ชินวัตร หรือ เอม บุตรสาวคนรองของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นครั้งแรก ที่ประเทศสิงคโปร์
ทั้งนี้ ในภาพดังกล่าว เป็นรูปขณะ พ.ต.ท.ทักษิณ อุ้มหลานสาวฝาแฝด ในอิริยาบถต่างๆ อย่างทะนุถนอม พร้อมกับบุตรสาวทั้งสอง คือ น.ส.พินทองทา และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พร้อมกันนี้ ยังมีการเตรียมเปลและชุดเสื้อผ้าของหลานสาว เพื่อเป็นการรับขวัญที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พบหน้าหลานสาวเป็นครั้งแรกอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ภาพชุดดังกล่าวเกิดขึ้น ภายหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางไปที่ประเทศเกาหลีใต้ ในการรับเชิญไปปาฐกถา เรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจจากสมาคมผู้สื่อข่าวเกาหลีใต้ ก่อนจะเดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อพบหน้าหลานสาวฝาแฝด คือ เอมิ กับ นานิ.
ตำรวจกว่า 1 กองร้อย เข้าจับกุมกลุ่มนักศึกษาธรรมศาสตร์เสรีภาพเพื่อประชาธิปไตย ที่จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ครบรอบ 1 ปีรัฐประหาร ที่บริเวณลานหน้าหอศิลป์ ก่อนเกิดการยื้อยุดฉุดกระชากกันอย่างชุลมุน
เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่บริเวณลานหน้าหอศิลป์ แยกปทุมวัน พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน รอง ผบก.น.6 พร้อมด้วย พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน ร่วมกันนำกำลังตำรวจ บก.น. 6 และตำรวจ สน.ปทุมวัน จำนวนกว่า 1 กองร้อย เข้ารักษาความเรียบร้อย พร้อมทั้งนำรั้วกั้นมาตั้งไว้ทั่วบริเวณโดยรอบ หลังได้รับรายงานว่า จะมีกลุ่มนักศึกษาธรรมศาสตร์เสรีภาพเพื่อประชาธิปไตย มาจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ "ศุกร์ 22 มาฉลองกันมะ?" และงานศิลปะแบบ "Performance Art ใน Concept : Time&Silence" เพื่อแสดงออกถึงความรู้สึกนึกคิดของกลุ่มฯตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ทาง คสช. ได้เข้ายึดอำนาจ
ต่อมากลุ่มนักศึกษาดังกล่าวได้รวมตัวกันประมาณกว่า 50 ราย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งแถวเรียงหน้ากระดานซึ่งมีรั้วกั้นอยู่ตรงกลาง จากนั้นกลุ่มนักศึกษาร่วมกันยืนคล้องแขน แสดงเชิงสัญลักษณ์เป็นรูปครึ่งวงกลมพร้อมทั้งถือนาฬิกา เพียง 3 นาที ทางเจ้าหน้าที่ก็เปิดรั้วกั้นเข้าจับกุมนักศึกษาจำนวน 4 รายเข้าใต้ตึกหอศิลป์ จนเกิดความชุลมุนยื้อยุดฉุดกระชากกันขึ้น ก่อนผลักดันนักศึกษาที่เหลือให้ออกไปอยู่ด้านนอกรั้วกั้น
หลังจากนั้นขณะที่นักศึกษาที่เหลือได้นั่งร้องเพลงพิราบขาว เพื่อรอให้ทางเจ้าหน้าที่ปล่อยตัวเพื่อนที่ถูกจับไปนั้น เจ้าหน้าที่ก็ตั้งแถวเรียงหน้ากระดานอีกครั้ง พร้อมทั้งทยอยจับตัวนักศึกษาจำนวนมากกว่า 10 ราย ทำให้นักศึกษาที่เหลือจึงรวมตัวเดินเท้าไปที่ สน.ปทุมวัน เพื่อกดดันให้ทางเจ้าหน้าที่ปล่อยตัวพรรคพวกที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้.
กลับมาแล้ว ‘กิตติศักดิ์ มัทธุจัด’ ผู้ต้องหารายสำคัญ คดีโกงเงิน สจล. 1.6 พันล้าน หลังจากหนีไปอยู่ที่อังกฤษ ‘ประวุฒิ’ นำตำรวจกองปราบไปคุมตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ เตรียมแถลงข่าว 10.00 น. วันนี้ (22 พ.ค.)...
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 22 พ.ค.58 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำเจ้าหน้าที่ บก.ป. เข้าควบคุมตัว นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2363/2557 ลง 26 ธ.ค. 57 ข้อหาปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม, ร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันฟอกเงิน โดยผู้ต้องหาเดินทางมากับสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG911 จากลอนดอน ประเทศอังกฤษ เครื่องลงเวลาประมาณ 05.40 น. หลังดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายกิตติศักดิ์แล้ว จึงได้นำตัวเพื่อไปดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด เป็น 1ในผู้ต้องหา และเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ ที่เป็นที่ต้องการตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในคดีร่วมกันลักทรัพย์สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ไปกว่า 1.6 พันล้านบาท ที่ผ่านมา หลบหนีไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม การควบคุมตัว นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ในครั้งนี้ เนื่องจากผู้ต้องหาได้ติดต่อมาว่าจะเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อมอบตัวและสู้คดี ทาง พล.ต.ท.ประวุฒิ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามไปควบคุมตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิดังกล่าว ส่วนรายละเอียดอื่น จะแถลงข่าวอีกครั้งที่กองบังคับการปราบปราม ในวลา 10.00 น.วันที่ 22 พ.ค.58.
ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่แล้ว หลังเกิดเหตุท่อน้ำมันรั่วลงในทะเล ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งกำจัดคราบน้ำมันอย่างต่อเนื่อง
นายเจอร์รี บราวน์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกาประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองซานตาบาร์บารา เคาท์ตี้ เพื่ออนุมัติเงินทุนฉุกเฉินของรัฐและทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังทำงานแข่งกับเวลาในการเร่งกำจัดคราบน้ำมันราว 8 หมื่นลิตรซึ่งถูกคลื่นซัดลอยเข้าสู่ฝั่ง ภายหลังจากที่เกิดเหตุน้ำมันดิบ 4 แสนลิตรรั่วออกจากท่อส่งของบริษัทเพลนส์ ออล อเมริกัน (Plains All American) ลงไปในทะเล เมื่อสองวันก่อน
เหตุท่อส่งน้ำมันรั่วลงในทะเลครั้งนี้ส่งผลทำให้ชายฝั่งของแคลิฟอร์เนียราว 14 กิโลเมตรเต็มไปด้วยคราบน้ำมันดิบสีดำ ท่ามกลางความวิตกกังวลของหลายฝ่ายที่เกรงว่า อาจจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสัตว์น้ำ ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบหาสาเหตุของเหตุท่อส่งน้ำมันรั่วไหลในครั้งนี้อย่างต่อเนื่อง
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012