ข่าว
อึ้ง ตร.เล่นแรงจัด จับอันธพาล7ขวบใส่กุญแจมือ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ว่า ตำรวจนิวยอร์ก ได้ถูกกล่าวหาว่าใช้มาตรการรุนแรงเกินความจำเป็น จากเหตุการณ์ใส่กุญแจมือเด็กอันธพาลวัย 7 ปี เป็นเวลา 4 ชม.ภายหลังถูกจับกุมจากเหตุการณ์ที่ตร.กล่าวหาว่า เด็กรายนี้ได้ขโมยเงินจำนวน 5 ดอลลาร์ จากเพื่อนนักเรียนอีกคนหลังจากเลิกเรียน

รายงานระบุว่า กรณีดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้แก่ครอบครัวของเขา ซึ่งได้ตัดสินใจยื่นฟ้องเรียกเงินค่าเสียหายเป็นจำนวน 250 ล้านดอลลาร์ ระบุว่า กระทำของตำรวจดังกล่าวถือว่ารุนแรงเกินกว่าเหตุมาก ตั้งแต่การจับเด็กใส่กุญแจมือ ล่วงละเมิดร่างกายและจิตใจ ข่มขู่ กระทำทารุณ สร้างความอับอาย และเสื่อมเสียชื่อเสียงของเด็ก โดยเอกสารฟ้องศาลระบุคำอ้างแม่เด็กว่า เมื่อเธอไปโรงพัก เธอได้รับการกล่าวว่า ไม่สามารถพบลูกชายเธอได้ ก่อนที่จะได้พบเขาในสภาพน่าตะลึงอย่างยิ่ง เนื่องจากเด็กถูกใส่กุญแจมือ และเด็กต้องร้องไห้หาเธอ พร้อมทั้งบอกว่า เขาไม่ได้ทำความผิดตามที่ตำรวจกล่าวหา

อย่างไรก็ตาม เอกสารของตร.ระบุอ้างคำกล่าวของเพื่อนนักเรียนว่า เด็กชายรายนี้เป็นเด็กอันธพาล ก่อเหตุชกต่อยและขโมยเงิน และสมควรถูกลงโทษ เพราะเขาได้ขู่กรรโชกเงินเพื่อนดังกล่าวครั้งแล้วครั้งเล่า นอกจากนี้ โฆษกตำรวจยังระบุว่า การฟ้องร้องดังกล่าวเป็นเรื่องไม่จริง เพราะด็กไม่ได้ถูกจับกุมเป็นเวลาหลายชม.ในสน. นอกจากนี้ เด็กยังได้รับการปฎิบัติอย่างดีเหมือนผู้ต้องสงสัยรายอื่น จากการจับกุมเขาในฐานะผู้เยาว์ผู้กระทำผิด นอกจากนี้ ตำรวจยังนำพิซซ่าให้เขากินด้วย

เพลิงไหม้ไนท์คลับบราซิลเสียชีวิตกว่า 245 ศพ

วันที่ 27 ม.ค. เกิดเหตุเพลิงไหม้ไนต์คลับ ชื่อ “คิส” ในเมืองซันตามาเรีย ทางภาคใต้ของบราซิล เมื่อช่วงเช้าตรู่วันอาทิตย์ โดย นายซานโดร ไมเนิร์ซ โฆษกสำนักงานตำรวจเมืองซันตามาเรีย เผยว่า เหตุเกิดขณะที่กำลังมีการแสดงคอนเสิร์ตดนตรีบนเวที คาดว่าสาเหตุเพลิงไหม้น่าจะเกิดจากการจุดพลุไฟ ประกอบแสดงสีดนตรี ส่วน นายกีโด เมโล ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงรัฐริโอกรันดีโดซูล รวมทั้ง พ.ต. การ์สัน ดา โรซา เฟอร์ไรรา หัวหน้าหน่วยกู้ภัย กล่าวว่า เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 245 ราย แต่คาดว่าตัวเลขอาจสูงกว่านี้ ไนท์คลับคิสเป็นหนึ่งในสภานบันเทิงยอดนิยมของนักเที่ยว ขณะเกิดเหตุเป็นเวลาเช้าตรู่ มีประชาชนทั้งลูกค้าเข้าไปใช้บริการและพนักงานภายในไนต์คลับดังกล่าวประมาณ 2,000 คน นายเมโลเผยจากการบอกเล่าของพยานที่อยู่ในเหตุการณ์รายหนึ่งว่า หลังไฟเริ่มลุกไหม้ลาม เกิดการแตกตื่นโกลาหล ต่างคนต่างหนีเอาตัวรอดท่ามกลางความมืด นักเที่ยวจำนวนมากถูกเบียดเสียดล้มและถูกเหยียบย่ำหมดสติอยู่ที่พื้นภายในไนท์คลับ ศพผู้เสียชีวิตถูกหน่วยกู้ภัยและอาสาสมัคร นำไปไว้ที่โรงยิมเนเซียมท้องถิ่น ส่วนผู้บาดเจ็บซึ่งยังไม่ทราบจำนวนแน่ชัด ถูกนำส่งโรงพยาบาลหลายแห่งในเมือง เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้นับเป็นในเหตุการณ์รุนแรงที่สุด ที่เกิดขึ้นกับสถานบันเทิงในรอบหลายสิบปี โดยเมื่อปี พ.ศ. 2547 เกิดเพลิงไหม้ไนต์คลับแห่งหนึ่ง ในย่านคนใช้แรงงาน ในกรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงอาร์เจนตินา มีผู้เสียชีวิต 184 ราย ส่วนเพลิงไหม้ไนต์คลับแลม ฮอร์ส ในเมืองเพิร์ม ประเทศรัสเซีย เมื่อคืนวันที่ 5 ธ.ค. 2552 มีผู้เสียชีวิต 152 คน และไฟไหม้ไนต์คลับแห่งหนึ่งในรัฐโรดไอส์แลนด์ สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2546 มีผู้เสียชีวิต 100 ราย


ผู้รอดชีวิต ไฟไหม้ไนท์คลับที่บราซิล สุดซึ้ง ฮีโร่ผู้ช่วยชีวิต

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่าหนึ่งในผู้รอดชีวิตชื่อนางสาวพาเมลา เวโดวอตโต อายุ 19 ปี นักเรียนโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในเมืองซานตามาเรีย ประเทศบราซิล เล่าด้วยน้ำตานองหน้าว่าได้ไปร่วมงานวันเกิดเพื่อน ที่ ‘คิส’ ไนท์คลับ ขณะที่เกิดเพลิงไหม้ เธอพยายามวิ่งไปที่ทางออก แต่ถูกผลักไปชนราวกั้นเหล็ก จนศีรษะด้านหลังถูกกระแทก แล้วร่วงลงไปที่พื้นและไม่สามารถหายใจได้ ขณะที่กลุ่มคนก็กรูหนีตายกันออกมาและตะโกนขอให้ช่วย ทันใดนั้นมีชายคนหนึ่งคว้าแขนของเธอแล้วอุ้มเธอออกมาที่ประตู โดยดึงกระโปรงขึ้นมาครอบหัวเธอไว้เพื่อไม่ให้สูดควันไฟเข้าไป ขณะเดียวกันมีผู้คนจำนวนมากล้มลงบนพื้นและถูกเหยียบ ซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ไปเที่ยวต่างก็ใส่รองเท้าส้นสูง พอมาถึงทางออกก็พบว่าประตูปิด เพราะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ไม่รู้ความเป็นไปข้างใน อาจคิดว่านักท่องราตรีพยายามออกจากไนท์คลับโดยไม่จ่ายเงิน ภายหลังเมื่อประตูเปิดออกก็มีคนจำนวนมากนอนทับกันกรีดร้องอยู่บนพื้นด้านในแล้ว หลังจากชายที่เธอเรียกว่า ‘เทวดาผู้พิทักษ์’ ช่วยเธอออกมาได้สำเร็จ เขาก็กลับเข้าไปในไนต์คลับและไม่ออกมาอีกเลย หลังจากนั้นเธอพบว่าชายที่ช่วยเธอเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาจึงไปเยี่ยมศพของเขาที่ยังคงอยู่ในโรงเก็บศพชั่วคราว รวมถึงพบพ่อแม่ของเขาและขอโทษที่เธอไม่ได้หยุดเขาไว้ตอนที่จะกลับเข้าไปข้างใน กล่าวว่าไม่รู้สึกเห็นใจที่เจ้าของไนท์คลับและนักดนตรีถูกจับ เพราะพวกเขาเป็นสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้

'โอบามา'เปิดทาง'ต่างด้าว' ขอสิทธิพลเมืองอเมริกัน

'โอบามา' ประกาศแผนยกเครื่องปฏิรูปกม.ตรวจคนเข้าเมืองครั้งใหญ่ เปิดทางให้ผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกม.กว่า 11 ล้านคน มีโอกาสได้สัญชาติเป็นพลเมืองสหรัฐ

'โอบามา' ประกาศที่โรงเรียนมัธยมปลายเดล โซล ที่นครลาสเวกัส ในรัฐเนวาด้า เมื่อวานว่า ถึงเวลาแล้วที่ควรจะมีการปฏิรูประบบตรวจคนเข้าเมืองด้วยความเข้าใจ และอย่างมีสามัญสำนึก หลังจากระบบที่ใช้ปัจจุบันล้าสมัยและล้มเหลว เขาเลือกแถลงที่โรงเรียนแห่งนี้ เนื่องจากมีนักเรียนกลุ่มชาวฮิสแปนิก ซึ่งพูดภาษาสเปนมากถึง 54%

คำแถลงของเขามีขึ้นหลังจากวุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน รวม 8 คน จับมือกันเสนอแผนปฏิรูปกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองครั้งใหญ่ เพื่อเปิดทางให้ผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ราว 11 ล้านคน ได้รับสัญชาติสหรัฐรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยพวกเขาหวังว่า ร่างกฎหมายจะผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาได้ภายในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือฤดูร้อนปีนี้

โอบามา บอกว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นข่าวดี เพราะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ทั้งสองพรรคพร้อมทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหานี้ และกำชับด้วยว่า หากสภาคองเกรสไม่ดำเนินการ ทำเนียบขาวจะจัดทำร่างกฎหมายขึ้นเอง เพื่อให้สมาชิกสภาลงมติอนุมัติ

รายละเอียดของข้อเสนอของโอบามา จะเน้น 3 เสาหลัก คือ การบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองให้เข้มงวดมากขึ้น การเปิดโอกาสให้สัญชาติแก่ผู้ลักลอบเข้าเมืองกว่า 11 ล้านคน และการปฏิรูประบบกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง

ส่วนรายละเอียดของการให้สัญชาติคล้ายคลึงกับแผนของวุฒิสมาชิก คือ ผู้ลักลอบเข้าเมืองจะต้องผ่านการตรวจสอบประวัติ ขึ้นทะเบียนกับทางการ จ่ายค่าปรับและภาษี และจะได้รับการรับรองสถานะทางกฎหมายชั่วคราว เพื่อให้สามารถทำงานได้ในสหรัฐต่อไป หลังจากนั้นต้องยื่นขออนุญาตอยู่อาศัยเป็นการถาวร ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้ได้สัญชาติ

เหล่าวุฒิสมาชิกมองว่า ความพยายามผลักดันการปฏิรูประบบตรวจคนเข้าเมืองมีแนวโน้มสำเร็จมากกว่าในอดีต เพราะทั้งสองพรรคต่างตระหนักถึงอิทธิพลของกลุ่มฮิสแปนิกที่มีมากขึ้นต่อผลการเลือกตั้ง เห็นได้จากการเลือกตั้งเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่ชาวฮิสแปนิกลงคะแนนให้โอบามา และผู้สมัครพรรคเดโมแครตอย่างถล่มทลาย