28 สิงหาคม 2567 เฟซบุ๊กเพจ" Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย" โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีน ออกแถลงว่า สถานการณ์อุทกภัยในไทยพื้นที่หลายแห่งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยได้เกิดน้ำท่วม ฝ่ายจีนมีความกังวลอย่างมากในเรื่องนี้
เบื้องต้นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีน พบว่า สภาพน้ำของแม่น้ำในประเทศจีนได้อยู่ภาวะปกติในเมื่อเร็ว ๆ นี้ และอ่างเก็บน้ำที่เกี่ยวข้องของแม่น้ำล้านช้างได้อยู่ในสถานะกักเก็บน้ำ ตั้งแต่วันที่ 18 ถึง 25 สิงหาคม ปริมาณการไหลออกเฉลี่ยต่อวันของสถานีไฟฟ้าพลังน้ำจิ่งหง ได้ลดลง 60% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมของปีก่อนหน้า และไม่ได้มีการดำเนินการระบายน้ำ หกประเทศในลุ่มแม่น้ำล้านช้างเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยภูเขาและแม่น้ำ
ฝ่ายจีนเคารพและเอาใจใส่ผลประโยชน์ และข้อกังวลของประเทศในลุ่มแม่น้ำอย่างเต็มที่ จีนยินดีส่งเสริมการแบ่งปัน และความร่วมมือในด้านข้อมูลทรัพยากรน้ำ เสริมสร้างศักยภาพในการจัดการแบบบูรณาการในลุ่มแม่น้ำ และร่วมกันรับมือกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภัยพิบัติน้ำท่วม และความท้าทายอื่นๆ เป็นต้น
28 ส.ค.67 นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลว่า สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะเห็นก็ได้เห็น แปลกใจอยู่เหมือนกัน หากย้อนกลับไปเมื่อ 10-20 ปีก่อน ก็คงนึกภาพไม่ออกว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นก็แล้วแต่การตัดสินใจของแต่ละพรรคการเมือง ตนคงไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหมาะสมหรือไม่ เรื่องนี้ประชาชนสามารถตัดสินใจได้ ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีความยากลำบากในการตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตนคิดว่าเห็นถึงปัญหาหลายอย่าง สะท้อนให้เห็นว่าเวลาที่เสียไปว่าเป็นเวลาที่มีคุณค่าขนาดไหน ส่วนเรื่องการเมืองระหว่างกันนั้น สิ่งที่ควรตั้งคำถามทั้งหมดคือ ประชาชนอยู่ส่วนไหนของสมการ อะไรคือสิ่งที่ประชาชนได้ประโยชน์จากสิ่งนี้
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ย้ายไปอยู่ขั้วรัฐบาลจะส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ฝ่ายค้านมากแค่ไหน เรื่องนี้เดี๋ยวก็คงจะได้เห็น แต่สำหรับพรรคประชาชนก็พร้อมที่จะทำหน้าที่เหมือนเดิมอย่างดีที่สุด
ส่วนมองว่าเป็นการปิดสวิตช์ 3 ป.ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยพูดไว้หรือไม่ นายรังสิมันต์ ยิ้มและหัวเราะ ก่อนตอบว่า ตนคิดว่าทำได้ทันที ตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาล ในช่วงแรก ไม่แน่ใจว่าที่พึ่งมาปิดช่วงนี้ อาจอาจจะเกิดจากการชิงดีชิงเด่นกันหรือไม่ หรือมีการช่วงชิงทางการเมืองกันหรือเปล่า แน่นอนว่าเหยื่อจากสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือกรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตนมองว่าไม่ได้เป็นการปิดสวิตช์ 3 ป. เพราะยังเห็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ยังมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แม้จะไม่มีบทบาททางการเมืองที่ชัดเจน แต่รวมไทยสร้างชาติ ก็เป็นพรรคที่ได้รับมรดกจากพลเอกประยุทธ์มาโดยตรง
"เรื่องปิดสวิตช์ 3 ป.คงไม่ได้เป็นแบบนั้น และก็ไม่ได้เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชนที่คาดหวัง ภาพที่ประชาชนคาดหวังคือการสร้างระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง และทำให้ประชาชนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด นั่นคือการแก้มรดก คสช. ที่ทิ้งเอาไว้"นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าหากพรรคพลังประชารัฐ มาเป็นฝ่ายค้านจะทำงานร่วมกันอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังไม่มีการมองถึงการทำงานร่วมกัน หรือพูดคุยกัน และกรณีของพรรคพลังประชารัฐเกิดจากการไม่ได้อนุญาตให้เป็นรัฐบาล เลยกลายเป็นฝ่ายค้าน ไม่ใช่เพราะพรรคการเมืองฝ่ายค้านไปเรียกร้องให้มาเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งการทำงานหลังจากนี้คงต้องดูว่าจะเป็นรูปแบบไหน เพราะยังไม่แน่ใจว่า ตัวอยู่ฝ่ายค้าน แต่หัวใจอยู่ที่ไหน
สุดท้ายหากมีการโหวตและสนับสนุนรัฐบาลตนก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ เพราะฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล และตนก็ไม่แน่ใจว่าพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเข้ามาทำหน้าที่ในสภามากน้อยแค่ไหน ซึ่งยังต้องรอดูหลังจากนี้
"ผมไม่เคยลืมในสิ่งที่เคยอภิปรายพลเอกประวิตรไม่ว่าจะเรื่อง คสช. หรือการที่ไปเกี่ยวข้องกับตำรวจต่างๆ รวมถึงปัญหาเรื่องตั๋วช้างตั๋วตำรวจก็เกิดขึ้นในยุคที่พลเอกประวิตรนั้นคุมตำรวจอยู่ โดยเฉพาะมูลนิธิบ้านป่ารอยต่อที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองในมิติต่างๆ ดังนั้นทั้งหมดทั้งมวลผมไม่เคยลืม แต่การเป็นฝ่ายค้าน เป็นบทบาทที่พลเอกประวิตรต้องยอมรับว่า เกิดจากพรรคเพื่อไทยเลือกพลเอกประวิตรมาอยู่ตรงนี้ เข้าใจว่าไม่ได้เต็มใจแต่ขอให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดให้คุ้มค่ากับภาษีของประชาชน"นายรังสิมันต์ กล่าวย้ำ
28 สิงหาคม 2567 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) โพสต์เฟซบุ๊ก “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan” ระบุว่า...
เมื่อสักครู่ มีเพื่อนส่งข่าวนี้ให้ดิฉันดู ตามข่าวมีความปรากฏว่า “นายสรวงศ์(เลขาธิการพรรคเพื่อไทย) เดินหน้าหาพันธมิตรแบบ ยกพรรคและยกก๊วน ทั้ง ปชป. -ทสท.-ธรรมนัส-พรรคเล็ก หวังมีเสียง 319 หรือมากกว่าตอนโหวต อุ๊งอิ๊ง”
ดิฉันและกรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย
ขอยืนยันว่า พรรคไทยสร้างไทยขอทำหน้าที่เป็น #ฝ่ายค้าน เพื่อตรวจสอบรัฐบาลชุดนี้
ดังนั้นในการให้ข่าวจากฝั่งใดก็ตาม อย่ามาอ้างชื่อ #พรรคไทยสร้างไทย ไปสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ อย่างเด็ดขาด!!!
ในการโหวตเลือกคุณ #อุ๊งอิ๊ง เป็น #นายก
มีสส.ของพรรคไปโหวตให้ 6 คน ซึ่งพรรคได้ ให้ “กรรมการจริยธรรม” ของพรรคดำเนินการเรียกทั้ง 6 คนมาสอบข้อเท็จจริง โดยเรียกทีละคน เพราะพรรคต้องอำนวยความยุติธรรม ให้ทุกคนอย่างเต็มที่ จะให้ทุกคนได้มีโอกาสชี้แจงและรับฟังเหตุผลของแต่ละคนอย่างเที่ยงตรง
ซึ่งคณะกรรมการจริยธรรม ได้พิจารณาลงโทษ คนแรกไปแล้ว โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย เพราะกระทำการ“ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง”
และผู้บริหารพรรคกำลังพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย ต่อผู้กระทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงต่อไป
การเป็นนักการเมืองที่ดี “เก่ง” อย่างเดียวไม่พอ ต้องมี“คุณธรรม”ด้วย ดิฉันจึงวางหลักคิดในการทำงานให้คนในพรรคยึด “ธรรม เป็นอำนาจ” และต้องใช้อำนาจที่ประชาชนมอบให้มา ทำงานรับใช้ประชาชนด้วยความสุจริต ไม่ทรยศหักหลังประชาชน
การเมืองที่คิดแต่การแย่งอำนาจ เพื่อให้ได้เป็น #นายก เป็น #รัฐบาล ทั้งการ #ตระบัดสัตย์ ละทิ้งอุดมการณ์ การใช้“เงิน”และ“ตำแหน่ง” มาหลอกล่อคนจากพรรคอื่น
โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง และจริยธรรมอันดี ทั้งที่นักการเมืองควรเป็นตัวอย่างให้กับสังคม และยังไม่ละอายใจ กล้าพูดออกมาว่า พร้อมที่จะดึงคนของพรรคการเมืองอื่นออกมาแบบเป็น“ก๊วน” ก็ได้ เพื่ออำนาจของตนเอง ทั้งที่พรรคการเมืองนั้นเขาไม่ได้เห็นชอบ
“ถือเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าข่ายการกระทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง”
การเมืองยุค #เลอะเทอะ ไร้จริยธรรม เริ่มต้นด้วยความไม่ตรงไปตรงมา แล้วต่อไปจะทำงานให้ประชาชนอย่างซื่อสัตย์ได้จริงหรือ ?
ดิฉันขอฝาก #นายกอุ๊งอิ๊ง ในฐานะเป็นคนรุ่นใหม่ ให้ช่วยมาแก้ไขความเลอะเทอะทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ให้ด้วย
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.พลสัณห์ เทิดสงวน ผู้อำนวยการกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่กองคดีทรัพย์สินทางปัญญา และเจ้าหน้าที่กองปฏิบัติการพิเศษร่วมกันนำหมายค้นของศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ จำนวน 11 หมายค้น เข้าทำการตรวจค้นสถานที่เป้าหมายต้องสงสัยศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร หลังจากสืบทราบว่า้านค้าบนศูนย์การค้าบางแห่งอาจมีการลักลอบจำหน่ายและเก็บสินค้าประเภท กระเป๋า แว่นตา น้ำหอม นาฬิกา หมวก และสินค้าอื่น ๆ ที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าของบริษัทชั้นนำจำนวนมาก โดยมีตัวแทนของผู้เสียหายเข้าร่วมสังเกตการณ์และตรวจสอบสินค้าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้า
กรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 91/2567 ของกองคดีทรัพย์สินทางปัญญาผลการตรวจค้นร้านค้าและโกดังเก็บสินค้าทั้ง 11 แห่ง พบสินค้าประเภทกระเป๋า แว่นตา นาฬิกา หมวก และสินค้าอื่น ๆ ที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าของบริษัทชั้นนำต่างๆ เช่น หลุยส์ วีตตอง (LOUIS VUITTON) ชาแนล (CHANEL) กุชชี่ (GUCCI) ดิออร์ (DIOR) และเครื่องหมายการค้าอื่น ๆ อีก
เบื้องต้นประมาณกว่า 20,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 20 ล้านบาท อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ยึดสินค้าดังกล่าว เพื่อมาตรวจสอบและเป็นพยานหลักฐานในการดำเนินการสอบสวนเป็นคดีพิเศษตาม พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป
การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบาย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้กองคดีทรัพย์สินทางปัญญาดำเนินการป้องกันปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง เพื่อเป็นการส่งเสริมระบบเศรษฐกิจ ตลอดจนเป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทยมีสถานะการจัดอันดับการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในระดับที่ดีขึ้น โดยการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญานอกจากจะเป็นการละเมิดสิทธิของเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว ยังเป็นการทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย
28 สิงหาคม 2567 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นางมาเนตต์ เบลลี คุณยายทวดวัย 102 ปี ฉลองวันคล้ายวันเกิดครบ 102 ปี ทำกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมด้วยการขึ้นเครื่องบินเล็กไปโดดร่มดิ่งพสุธา เนื่องจากที่คุณยายทวดแต่งงานกับทหารพลร่ม และเคยรับใช้ชาติเป็นทหารสังกัดราชนาวีอังกฤษช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้กลายเป็นนักดิ่งพสุธาที่อายุมากที่สุดของอังกฤษ
หลังจากเสร็จสิ้นการโดดร่มพร้อมครูฝึกจากเครื่องบินเล็ก ที่ระดับความสูงเหนือพื้นดิน 7,000 ฟุต หรือ 2,133 เมตร ลงถึงพื้นดินในเทศมณฑลซัฟโฟล์คอย่างปลอดภัย เป็นการฉลองวันเกิดครบรอบ 102 ปี เพื่อระดมทุนเข้าองค์กรการกุศล
โดยทันทีที่คุณทวดมาเนตต์ เบลลี เท้าแตะพื้นคุณทวดเปิดเผยว่า วิเศษมากและไม่รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีรายงานว่า ยายทวดเคยขับรถแข่งด้วยความเร็วเกือบทะลุมิติที่ 209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อฉลองวันคล้ายวันเกิดครบ 100 ปีมาแล้ว
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012