ข่าว
ทำเนียบขาวหนุนแบนติ๊กต๊อก แนะสภาคองเกรสเร่งผ่านร่างกฎหมายโดยเร็ว

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวออกมาให้การสนับสนุนร่างกฎหมายเพื่อให้อำนาจประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการแบนติ๊กต๊อก (TikTok) แอปโซเชียลมีเดียของบริษัทไบต์แดนซ์จากจีน เนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคง โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจผลักดันให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสในไม่ช้า

เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐลงมติด้วยคะแนนเสียง 24 ต่อ 16 ในการให้อำนาจปธน.ไบเดนในการแบนติ๊กต๊อก โดยหากมีการบังคับใช้ร่างกฎหมายดังกล่าว ก็จะเป็นมาตรการจำกัดแอปโซเชียลมีเดียมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา นอกจากนี้ ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังอนุญาตให้รัฐบาลสหรัฐแบนแอปอื่น ๆ ที่ถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงได้อีกด้วย

ล่าสุดนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า "เราหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันต่อไปเกี่ยวกับร่างกฎหมายนี้ และขอให้สภาคองเกรสดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อส่งร่างกฎหมายนี้ไปที่โต๊ะทำงานของท่านประธานาธิบดี"

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับเป็นครั้งแรกที่ฝ่ายบริหารของปธน.ไบเดน พิจารณากฎหมายเพื่อจัดการกับแอปซึ่งถูกระบุว่ามีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ติ๊กต๊อกตกเป็นเป้าวิจารณ์มากขึ้นว่าข้อมูลผู้ใช้แอปอาจตกไปอยู่ในมือของรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของชาติตะวันตก

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักงานการบริหารและงบประมาณ (OMB) ของทำเนียบขาวออกคำสั่งให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางดำเนินการลบติ๊กต๊อกออกจากอุปกรณ์ทุกชนิดของรัฐบาลภายใน 30 วัน นอกจากนี้ กว่า 30 รัฐในสหรัฐ, แคนาดา และสถาบันนโยบายของสหภาพยุโรปได้สั่งห้ามไม่ให้ดาวน์โหลดติ๊กต๊อกลงในอุปกรณ์ของรัฐบาลด้วยเช่นกัน

ป.ป.ช.พังงา รับลูกปมจัดซื้อ 'ทองอุไร' ต้นละ 6 พันบาท ขอเอกสารตรวจสอบ

8 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทาง สำนักงาน ปปช.ประจำจังหวัดพังงา เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบ หลังเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน โพสต์ข้อความและภาพ ต้นทองอุไร ราคาต้นละกว่า 6 พันบาท ทั้งหมด 37 ต้น รวมเป็นเงินกว่า 2 แสนบาท ขณะทางเจ้าหน้าที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา ชี้แจงว่า ต้นทองอุไรที่มีราคาต้นละ 6,059.50 บาท นั้น เนื่องจากมีขนาดลำต้นไม่ต่ำกว่า 3 นิ้ว มีประกันความเสียหาย 2 ปี โดยทำการสืบราคาจนได้ราคากลางตามที่เป็นข่าว ส่วนน้ำพุมีชีวิต ซึ่งมีห้องควบคุมใต้ดิน มีระบบพัดลมระบายอากาศและระบายความร้อน ซึ่งที่ไม่ได้ใช้งานขณะนี้เนื่องจาก น้ำในแอ่งมีปริมาณน้อย ระดับน้ำไม่ถึงมอเตอร์เครื่องทำระบบน้ำพุ ซึ่งหากสูบน้ำในละแวกใกล้เคียงยิ่งยากเนื่องจากในละแวกนั้นเป็นน้ำกร่อย อาจส่งผลทำความเสียหายต่อเครื่องได้ ก่อนหน้านี้ทางสำนักงานโยธาฯแจ้งหนังสือให้ผู้รับเหมาเข้ามาปรับปรุงซ่อมแซม ปลูกต้นไม้ทดแทนต้นไม้ที่ตาย รวมถึงพื้นหญ้า ไป 2 ครั้ง ในเดือน พฤศจิกายน และ ธันวาคม 2565 แต่ยังไม่เข้ามาดำเนินการ ซึ่งทางโยธาฯจะแจ้งครั้งสุดท้ายเพื่อให้ผู้รับเหมาเข้าดำเนินการอีกครั้งหากไม่เข้าดำนินการทางโยธาจำเป็นต้องยึดเงินประกันสัญญา จำนวน 1.5 ล้านบาท แล้วนำมาดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมหลังจากนี้

ทาง น.ส.ศุภาลักษณ์ จิรักษา ผอ.ปปช.ประจำจังหวัดพังงา เผยว่ารับทราบจากสื่อออนไลน์ ตามที่เป็นข่าว เบื้องต้นได้ประสานทางหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อขอดูเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งโครงการ สัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ตลอดถึงเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกรณีนี้ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งไม่ทราบว่ามีการจัดซื้อจัดจ้างแบบใด มีการสืบราคาเช่นใด กรณีนี้เป็นร้องเรียนในสื่อออนไลน์ยังไม่เข้าในระบบการร้องเรียนตามกระบวนการ จึงต้องดำเนินการตาม มาตรา 35 ตามระเบียบกฎหมายของ ปปช. โดยสามารถรวบรวมข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อเสนอคณะกรรมการ ปปช.พิจารณารับคดีตามอำนาจหน้าที่หรือไม่อีกครั้ง

นายชูโชติ โกยกุล นายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองพังงา กล่าวว่า เรื่องนี้ประชาชนให้ความสนใจมาก ซึ่งทางเทศบาลเมืองพังงา มีการจัดซื้อจัดจ้างต้นทองอุไรมาก่อนหน้านี้ แต่เป็นต้นกล้าขนาดความสูงไม่เกิน 1.20 เมตร ราคาต้นละ 200 บาท ซึ่งเมื่อดูรายละเอียดของโครงการพบว่าจัดซื้อต้นทองอุไรระบุขนาดรอบลำต้นไม่ต่ำกว่า 3 นิ้ว เรียกว่าเป็นไม้ล้อม และขนาดใหญ่ ราคาจึงสูงอีกทั้งมีการประกันต้นละ 2 ปี ยิ่งเกิดความคุ้มค่าต่อภาครัฐ ส่วนตัวตนเองได้ซื้อไม้ล้อมมาจัดสวนที่บ้านในราคาต้นละ 6,000-7,000 บาท จึงต้องการให้ประชาชนเปิดใจกว้างมองมุมอื่นๆเข้ามาพิจารณาด้วย


บุรีรัมย์แห่ยืนยันตัวตน'บัตรคนจน'แน่นขนัด แต่หลายคนต้องผิดหวัง

8 มี.ค.66 บรรยากาศที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าทวีกิจซุปเปอร์เซ็นเตอร์ ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นจุดที่ทางธนาคารออมสิน สาขาทวีกิจ เปิดให้บริการรับลงทะเบียนยืนยันตัวตน โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน นอกสถานที่เพื่อลดความแออัดและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนก็ได้มีประชาชน ผู้สูงอายุและผู้พิการจากหลายอำเภอ ต่างพากันนำบัตรประจำตัวประชาชนมาเข้าคิวเพื่อยืนยันตัวตนกับเจ้าหน้าที่ที่มาคอยให้บริการยาวเหยียด เฉลี่ยวันละ 300– 400 ราย แต่เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการและเครื่องสำหรับสแกนยืนยันตัวตนเพียงจุดละ 1 เครื่อง จึงจำเป็นต้องจำกัดให้บริการวันละ 300 คิวหรือ 300 คนเท่านั้น ทำให้หลายคนที่ตั้งใจเดินทางมายืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จุดบริการดังกล่าวต่างก็ต้องเดินทางกลับด้วยความผิดหวัง

นางบุญธรรม เชือกรัมย์ อายุ 69 ปี ชาวบ้าน ต.แสลงพัน อ.ลำปลายมาศ บอกว่า ที่ผ่านมาเคยสมัครเข้าเพื่อรับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหลายครั้งแต่ไม่เคยผ่าน เพราะเขาบอกว่ามีที่ดินเกิน 10 ไร่ แต่ที่จริงตนโอนให้ลูกไปแล้วเหลือทำกินไม่ถึง 7 ไร่ ครั้งนี้พอสมัครผ่านแล้ว จึงได้รีบมายืนยันตัวตนเพื่อรักษาสิทธิตามโครงการ ก่อนหน้านี้มีเพียงสามีที่ได้รับสิทธิก็ได้ซื้อของเดือนละ 300 บาทเมื่อก่อนก็อาจจะพอ แต่ทุกวันนี้ราคาสินค้าแพงขึ้นก็ไม่เพียงพอค่าครองชีพ แต่หากตนได้รับสิทธิด้วยก็จะสามารถแบ่งเบาภาระได้ แต่หากเป็นไปได้ก็อยากให้เพิ่มวงเงินเป็นเดือนละ 500 – 600 บาท เพื่อให้สมดุลกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น

ด้านนางยาน มะลิวัน อายุ 68 ปี ต.ลุมปุ๊ก อ.เมือง บอกว่า วันนี้ตนกับตาซึ่งพิการทางการเคลื่อนไหวตั้งใจมายืนยันตัวตนรับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่พอมาถึงเจ้าหน้าที่บอกว่าคิวเต็มแล้วเพราะรับดำเนินการได้วันละ 300 คน แต่เจ้าหน้าที่เห็นใจเห็นว่ายายอายุมากและตาก็พิการ จึงได้ดำเนินการให้ก็ขอบคุณที่เจ้าหน้าที่ทำให้ไม่งั้นก็ต้องลำบากเดินทางมาวันหลังอีก ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ เพราะตนกับตาไม่มีรายได้อะไรมีเพียงเบี้ยผู้สูงอายุและกับเบี้ยผู้พิการเท่านั้น ก็อยากให้มีโครงการต่อเนื่องเป็นไปได้ก็อยากให้เพิ่มวงจรเงิน

ขณะที่นายประจักษ์ ภักดี อายุ 36 ปี ชาว ต.หนองตาด อ.เมือง บอกว่า วันนี้ตนได้คิวที่ 290 จากจำนวนคิวที่เจ้าหน้าที่จะให้บริการ 300 คน มานั่งรอตั้งแต่ 5 โมงเช้า เพื่อยืนยันตัวตนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนยังไม่เคยได้สิทธิเลยเพราะสมัครไม่ผ่าน แต่พอรอบนี้สมัครผ่านจึงรีบมายืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิจะได้นำไปซื้อของใช้ เช่น ผงซักผ้า ยาสระผม สบู่ ยาสีฟัน จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะในช่วงภาวะข้าวของแพงแบบนี้


ยึดโคเคนหนัก 2.41 กก. มูลค่า 12 ล้าน ซุกกล่อง Play Station ส่งพัสดุจากโปรตุเกส

วันที่ 8 มีนาคม 2566 นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายเดินหน้าปราบปรามยาเสพติด ทั้งการผลิต การนำเข้า การนำผ่าน และการลักลอบจำหน่าย โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวด ด้านกระทรวงการคลังโดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จึงสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง เพิ่มความเข้มงวดและเดินหน้าปราบปรามการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักรทุกเส้นทาง กรมศุลกากรจึงเพิ่มการเฝ้าระวังการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร โดยเฉพาะทางพัสดุไปรษณีย์ที่สามารถซุกซ่อนยาเสพติดเข้ามาในประเทศได้สะดวก

โดยวันนี้ กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรกรุงเทพ พบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ประเภทพัสดุไปรษณีย์ทางอากาศ ต้นทางจากประเทศโปรตุเกส จำนวน 1 หีบห่อ มีลักษณะที่น่าสงสัย จึงร่วมกับ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย (ศรภ.) เปิดตรวจพัสดุดังกล่าวร่วมกับพนักงาน บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ภายในพบกล่องเครื่องเล่น Play Station เจ้าหน้าที่ได้ทำการแกะเคสของเครื่อง Play Station ออก พบห่อพันด้วยเทปสีดำ จำนวน 5 ห่อ ภายในพบห่อด้วยกระดาษคาร์บอนสีดำ หลังจากแกะกระดาษคาร์บอนสีดำพบถุงพลาสติกใสบรรจุผงสีขาว จึงนำผงสีขาวดังกล่าวไปทดสอบด้วยน้ำยา COBALT THIOCYANATE REAGENT พบว่าทำปฏิกิริยากับน้ำยาทดสอบเปลี่ยนจากใสเป็นสีน้ำเงิน-ฟ้า จึงสันนิษฐานได้ว่าผงสีขาวดังกล่าว เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน หรือโคเคน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 2.41 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 12 ล้านบาท

กรณีนี้เป็นการนำของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร อันเป็นความผิดตามมาตรา 244 และมาตรา 252 ประกอบมาตรา 60 และมาตรา 61 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ในข้อหา “นำยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ร่วมกันตรวจยึดพัสดุดังกล่าวเพื่อส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ใครว่ามีแต่ไทย? สถิติปี’65 เผยคนจน‘เกาหลีใต้’จ่ายเงินลุ้นหวยเพิ่มขึ้น

“คนจนเล่นหวย-คนรวยเล่นหุ้น” เป็นคำพูดที่คนไทนคุ้นชินเป็นอย่างดี เพราะ “วันหวยออก” ทุกๆ วันที่ 1 และ 16 ของเดือนคือ “วันแห่งความหวัง” หากสลากกินแบ่งรัฐบาลในมือเกิดถูกรางวัลใหญ่ขึ้นมา จากยาจกก็อาจกลายเป็นเศรษฐีได้ในชั่วข้ามคืน แถมสลากใบหนึ่งราคาก็ไม่กี่บาท (แม้จะขายเกินใบละ 80 บาท อันเป็นราคาที่กฎหมายกำหนดก็ตาม) จึงสะดวกและง่ายในมุมมองของประชาชนคนฐานราก เมื่อเทียบกับการเล่นหุ้นหรือการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องใช้เงินมากกว่าและมีขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่าการลุ้นล็อตเตอรี่เดือนละ 2 งวด

และเรื่องคนจน (นิยม) ฝากความหวังไว้กับหวยก็ไมได้มีแต่เมืองไทย ล่าสุด เว็บไซต์ นสพ.Korea JoongAng Daily ของเกาหลีใต้ เสนอข่าว Low-income families in Korea buy more lottery tickets in 2022: Statistics อ้างอิงรายงานจากฐานข้อมูลสถิติแห่งชาติ (KOSIS) ที่เพิ่งเปิดเผยเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2566 ระบุว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา ครัวเรือนเกาหลีใต้ใช้จ่ายเงิน 703 วอน หรือ 21 บาทต่อเดือน เพื่อซื้อล็อตเตอรี่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 จากปี 2564

แม้ว่าการเพิ่มขึ้นโดยรวมจะค่อนข้างปานกลาง เนื่องจากข้อมูลยังเฉลี่ยในทุกครัวเรือนที่มีคนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปที่ไม่ได้ซื้อล็อตเตอรี่ แต่ก็เป็นการเพิ่มขึ้นที่แบบ “กราฟสูงชัน” สำหรับครัวเรือนที่มีรายได้น้อย โดยครัวเรือนกลุ่มรายได้ในระดับล่างสุดใช้เงินซื้อล็อตเตอรี่มากกว่าปีที่แล้วถึงร้อยละ 27.4 ในขณะที่ครัวเรือนกลุ่มรายได้ระดับบนสุดใช้จ่ายเรื่องนี้เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 7 ความแตกต่างระหว่างการใช้จ่ายของทั้ง 2 กลุ่มในลอตเตอรี่กว้างขึ้นเมื่อคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อ ค่าใช้จ่ายที่แท้จริงของกลุ่มคนระดับล่างเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.2 เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่กลุ่มคนระดับบนสุดเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8

ทั้งนี้ ยอดขายลอตเตอรี่ทั้งหมดเพิ่มขึ้นอีกครั้งในปี 2565 และทะลุ 6 ล้านล้านวอนเป็นครั้งแรก โดยไปแตะที่ 6.43 ล้านล้านวอน หรือเกือบ 2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับจากปี 2562 มียอดขายล็อตเตอรี่อยู่ที่ 4.8 ล้านล้านวอน ปี 2563 อยู่ที่ 5.4 ล้านล้านวอน และปี 2564 อยู่ที่ 5.98 ล้านล้านวอน นอกจากนั้น ในบรรดาผู้ที่มีอายุมากกว่า 19 ปีที่ทำแบบสำรวจ ร้อยละ 56.5 กล่าวว่า พวกเขาซื้อลอตเตอรีในช่วง 12 เดือนล่าสุดที่ผ่านมา