18 ต.ค.60 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานนายกรัฐมนตรีโปรตุเกสออกแถลงการณ์ว่า น.ส.คอนสตานกา เออร์บาโน เดอ ซูซา วัย 50 ปี ได้ลาออกจากรัฐมนตรีมหาดไทยโปรตุเกสแล้ว หลังถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อความสามารถรัฐบาลโปรตุเกส ในการจัดการไฟป่าครั้งร้ายแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 106 ราย
จดหมายลาออกของ น.ส.เออร์บาโน เดอ ซูซา อ้างว่า เธอต้องการลาออกตั้งแต่มีจำนวนผู้เสียชีวิต 64 ราย ในเหตุไฟป่าเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่นายกรัฐมนตรีได้ห้ามไว้ และเมื่อเกิดเหตุไฟป่าครั้งใหม่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 42 รายราย และบาดเจ็บอีก 71 ราย ทำให้มาถึงจุดที่ไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ในทั้งเหตุผลทางการเมืองและส่วนตัว
ทั้งนี้ เมื่อตัวเลขผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเพิ่มขึ้น จึงมีกระแสจากพรรคการเมืองฝ่ายขวาขนาดเล็ก เรียกร้องให้เธอลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งตอนแรกเธอก็ปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว จนกระทั่งวันพุธเธอจึงยอมกลับคำปฏิเสธและลาออกจากตำแหน่งในที่สุด
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาเกิดไฟป่าร้ายแรงแบบเดียวกันนี้ คร่าชีวิตผู้คนไป 64 ศพและบาดเจ็บ 250 คนทางตอนกลางของประเทศ
พลเรือโทรัตนะ วงษาโรจน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ได้นำกำลังพลข้าราชการพลทหารในสังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ จำนวน 1,289 นาย สวมชุด ข้าราชการสีขาวและชุดกะลาสีขาว พร้อมต้นดาวเรือน นับพันต้น ร่วมถวายอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลดุลยเดช แปรขบวนเป็นรูปหัวใจ ล้อมรอบท่ามกลางดอกดาวเรือง ที่วางเป็นรูป เลข ๙ ไทย พร้อมอักษรไทยคำว่า สถิตในดวงใจตราบนิรันดร์ นาวิกโยธิน กองทัพเรือ ณ ลานสนามหญ้า หน้ากองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมีพลเรือตรี รณรงค์ สิทธินันทน์ ผู้บัญชาการศูนย์การฝึก หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นผู้อำนวยการการปฏิบัติแปรขบวน
พลเรือโทรัตนะ วงษาโรจน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ กล่าวว่า ซึ่งตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติ พระองค์ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจในด้านต่างๆ อันเป็นประโยชน์แก่ประชาชนชาวไทย ดังปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” เหล่า ทหารหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ จึงพร้อมใจกันแปรขบวน แสดงความอาลัย แสดงออกถึงความจงรักภักดี
15 ต.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว Jessada Denduangboripant ระบุข้อความเกี่ยวกับ “บั้งไฟพญานาค” ดังนี้
“อ๊ะ! มีประเด็นใหม่น่าสนใจเกี่ยวกับ "บั้งไฟพญานาค" ครับ คือ นอกจากหลายปีที่ผ่านมานี้ ที่จะถ่ายรูปทีไร ก็มีแต่ภาพลูกไฟ (กระสุนส่องวิถี) ยิงขึ้นจากฝั่งลาวทุกที ปีนี้ทีมงานของเพจ พิสูจน์บั้งไฟพญานาค ยังสามารถถ่ายภาพกระสุนลูกไฟขึ้นจากฝั่งไทยได้ด้วย เยอะหลายนัดทีเดียว โดยถ่ายจากบริเวณลานพญานาค อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ และได้ลูกไฟที่ขึ้นมาจากทางด้านหลังหมู่บ้าน (ที่เห็นเป็นไฟแนวยาวสว่าง) อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย... ซึ่งอยู่คนละจุดกับอีกภาพซึ่งลูกไฟน่าจะขึ้นจากเมืองท่าพระบาท ฝั่งประเทศลาว
ดังนั้น สรุปได้ว่า มีการยิงกระสุนบั้งไฟกันทั่วไปหมดเลย ไม่ว่าจะฝั่งลาวฝั่งไทย สงสัยว่าคงเป็นเหตุผลให้หลายคนบอกว่าเห็นขึ้นตามหนองบึงฝั่งไทยด้วย ... แต่ที่แน่ๆ ไม่เคยมีซักภาพเลย ที่มันขึ้นจากกลางลำน้ำโขง อย่างที่อ้างกัน
ภาพยังมีให้ดูอีกเพียบ ที่เพจ @พิสูจน์บั้งไฟพญานาค
18 ต.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วิชิรเมธี นำพระสงฆ์จากโครงการ อุปสมบทหมู่ถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินมหาภูมิพลอดุลเดช บรมนาถบพิตร รวม 89 รูป และพระสงฆ์ในพื้นที่ตำบลห้วยสัก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย อีก 10 รูป รวม 99 รูป ออกรับบิณฑบาตจากชาวบ้าน บนสะพานไม้ไผ่กลางทุ่งนาข้าว ระยะทางรวม 800 เมตร ซึ่งมีชาวบ้านนำข้าวสารอาหารแห้ง ร่วมใส่บาตรเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินมหาภูมิพลอดุลเดช บรมนาถบพิตร
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงที่พระสงฆ์ออกรับบิณฑบาต นายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ดคาราบาว นักร้องชื่อดัง ได้ขออาสาเป็นผู้เด็กวัดติดตามพระ ว.วชิรเมธี เพื่อนำสิ่งของออกจากบาตร
ทั้งนี้สะพานไม้ไผ่กลางทุ่งนา ชาวบ้านตั้งชื่อว่าสะพานบุญ ตั้งอยู่กลางทุ่งนาบ้านสันป่าเหียง ตำบลห้วยสัก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ทางเข้าไปยังไร่เชิญตะวัน ซึ่งเป็นการสร้างขึ้นจากแรงศรัทธาของชาวบ้าน ในตำบลห้วยสัก เป็นสะพานไม้ไผ่ที่สร้างลัดเลาะไปในทุ่งนา ที่ตลอดสองฝั่งประดับตกแต่งด้วยตุงและโคมหลากสี ตามแบบของชาวล้านนา ท่ามกลางต้นข้าว มีความยาว800 เมตร เพื่อถวายความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช บรมนาถบพิตร
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ยังทำพิธีเปิดป้ายและเปิดพื้นที่โครงการตลาดนัดพุทธเกษตรอินทรีย์เฉลิมพระบารมีรัชกาลที่ 9 เพื่อเป็นการสานต่อตามแนวในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ต้องการให้เกษตรกรอยู่ดีกินดี และลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้โดยมี นายกิตติ ทิศสกุล ผู้จัดการโครงการเกษตรสีเขียว อาหารปลอดภัยเชียงรายเป็นสุข นำเครือข่ายเกษตรในโครงการปลูกผักปลอดสารพิษ และตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งนักเรียนโรงเรียนชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์ ไร่เชิญตะวัน ร่วมในพิธีเปิดพื้นที่การนำผักปลอดสารพิษทุกชนิดมาขาย ที่บ้านสันป่าเหียง ตำบลห้วยสัก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ได้กล่าวถึงแนวพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 ทั้งเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่ต้องการให้เกษตรกร รวมทั้งชาวบ้านได้อยู่ดีกินดี ที่ทำการเกษตรแล้ว ให้พอกับการกิน แต่เมื่ออิ่มแล้วเหลือ ก็นำออกขายสร้างรายได้ให้กับครอบครัว และที่สำคัญของต้องไม่ใช้สารเคมี กับพืชผักที่ปลูก
ในช่วงท้าย นายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ดคาราบาว ได้ร้องเพลงเพื่อในหลวงรัชกาลที่ 9 รวม 4 เพลง ซึ่ง พระ ว.วชิรเมธี ได้เขียนเนื้อร้องให้ แอ็ดคาราบาว ได้ร้อง ซึ่งเนื้อหาเพลงจะกล่าวถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทำเพื่อชาวไทยในทุกด้าน.
18 ต.ค.60 พล.ต.ต.บุญทวี โตรักษา ผบก.ภ.จว.พังงา พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุวัจน์ แก้วพรหม ผกก.สภ.เมืองพังงา พ.ต.ท.พงศ์นรินทร์ สุทิน รองผกก.ป.สภ.เมืองพังงา นายนันอินทร์ ศิริรัตน์ ปลัดอำเภอเมืองพังงาฝ่ายความมั่นคง ชุดสืบสวน ภ.จว.พังงา ทหาร อส. ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 9 หมู่ 1 ต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมือง จ.พังงา พบนายปิยวัฒน์ ขันธ์ภักดี อายุ 35 ปี เจ้าของโต๊ะสนุกเกอร์ พร้อมด้วยอาวุธปืนยางจำนวน 4 กระบอก อาวุธปืนพกสั้นจำนวน 8 กระบอก เครื่องกระสุนปืนขนาดต่างอีกจำนวน 374 นัด อยู่ภายในบ้านที่เปิดเป็นโต๊ะสนุกเกอร์ดังกล่าว
ทางเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง ให้สินเชื่อหรือเงินกู้เกินอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนด (เงินกู้นอกระบบ) เบื้องต้นทางนายปิยวัฒน์ สารภาพว่าอาวุธปืนจำนวน 5 กระบอกเป็นของตนเองซึ่งมีทะเบียนปืนและใบอนุญาตครอบครองไว้ตามกฎหมายเพื่อใช้สำหรับการกีฬา ส่วนอีก 3 กระบอกตนเองได้รับจำนำจากเจ้าของอาวุธปืน
ขณะที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองพังงา พร้อมยึดอาวุธปืนดังกล่าวเพื่อตรวจสอบและพร้อมถอดถอนใบอนุญาตหากพบว่ามีเจตนาครอบครองเพื่อทำผิดกฎหมาย จากนั้นนำส่ง ร.ต.ท.ดุสิต ผ่องพันธ์ รองสว.สอบสวน สภ.เมืองพังงา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากกรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า นายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดัง จะมาเยือนไทยปลายเดือนต.ค.นี้ และมีกำหนดจะเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ในวันที่ 30 ต.ค.60 นั้น
18 ต.ค.60 ล่าสุดทางเฟซบุ๊ก สำนักงานที่สิงคโปร์ ได้ส่งข้อความสั้นๆ มายังสื่อมวลชนในไทย โดยอ้างโฆษกของเฟซบุ๊ก ระบุว่า “There are no plans currently for any of our senior leaders to visit Thailand .” Facebook spokesperson หรือ แปลเป็นไทยว่า ผู้บริหารระดับสูงของเฟซบุ๊กยังไม่มีกำหนดการจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยในช่วงนี้
เมื่อวานนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีเตรียมหารือกับ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้บริหารเฟสบุค ในวันที่ 30 ต.ค. นี้ ว่า เป็นการขอพบเพื่อพูดคุยหารือร่วมกัน เพื่อแสวงหาความร่วมมือ ในการป้องกันและลดผลกระทบจากอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเชื่อว่าไม่น่าจะมีอะไรทำให้เกิดปัญหา จึงขออย่านำเรื่องนี้ไปยึดโยงกับเรื่องอื่นๆ ซึ่งการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันถือว่าดีกว่าไม่พบกัน
ขณะที่ก่อนหน้านั้นนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวเมื่อวันที่ 16 ต.ค.) นายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก จะเดินทางมาไทย ปลายเดือนตุลาคมนี้
โดยนายสมคิด อ้างว่า วันที่ 30 ตุลาคมนี้ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก จะเข้าพบนายกฯ ซึ่งการพบครั้งนี้ จะเป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศไทย เพราะเฟซบุ๊กเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ (ศูนย์ข้อมูล) และมีการเชื่อมโยงไปทั่วโลก สะท้อนถึงความสนใจของเฟซบุ๊ก ที่มีต่อประเทศไทย และ การพบกันครั้งนี้จะได้หารือถึงทิศทางการขายเฟซบุ๊กในภูมิภาคอาเซียนด้วย
นายสมคิด ยังมองว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่เจ้าของธุรกิจออนไลน์ระดับโลกมาเยือน หลังจากก่อนหน้านี้ เจ้าของกลุ่มธุรกิจด้านออนไลน์ต่างๆ ทั้งในสหรัฐ และ จีน ต่างให้ความสำคัญต่อยอดทางธุรกิจและสร้างความร่วมมือต่างๆ ในอาเซียนมากขึ้น จนหลายธุรกิจเปิดสาขาในสิงค์โปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งไทยถือว่า เป็นประเทศหนึ่งที่ถูกจับตามอง และเห็นโอกาสการมาลงทุน หรือ เป็นพันธมิตรทางใดทางหนึ่งในสายตาระดับโลก
18 ต.ค.60 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวเปิดประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์ (ซีพีซี) สมัยที่ 19 ณ มหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งถือเป็นการประชุมทางการเมืองครั้งสำคัญที่สุดของจีน เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียง 2 ครั้ง ในรอบ 1 ทศวรรษเท่านั้น
โดยผู้นำจีน ได้กล่าวยกย่องอุดมการณ์สังคมนิยมว่ากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ และยกระดับจีนเข้าสู่เวทีโลก โดยยุทธศาสตร์สังคมนิยมสมัยใหม่ จะเป็นรูปเป็นร่างภายในปี 2593 และกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า นโยบายการเมืองและต่างประเทศของจีนไม่เลียนแบบใคร
นอกจากนี้ สียังกล่าวอีกว่า จีนและโลกอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงและซับซ้อน จีนยังคงอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของโอกาสเชิงยุทธศาสตร์ในการพัฒนา อนาคตสดใสแต่ความท้าทายก็หนักหนา
ขณะเดียวกัน ผู้นำจีนกล่าวย้ำหลักการจีนเดียว ว่ารัฐบาลปักกิ่งไม่เห็นด้วยโดยประการทั้งปวงกับความพยายามเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดน พร้อมทั้งย้ำอีกว่าเขตปกครองตนเองทิเบต เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และเขตบริหารพิเศษมาเก๊า เป็นส่วนหนึ่งของจีน เช่นเดียวกันกับไต้หวันที่ถือเป็นมณฑลโพ้นทะเลของแผ่นดินใหญ่ และกล่าวเป็นนัยว่า รัฐบาลปักกิ่งจะเป็นฝ่ายชนะต่อการต่อต้านครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า กิซโมโด เว็บไซต์การออกแบบเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ของสหรัฐ เผยว่า ทางการจีนได้บล็อค "วีแชท" แอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยมของจีนก่อนการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 เพื่อบล็อคการสนทนาเรื่องที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012