ข่าว
รายงานชี้ “จีน” ยังเป็น “เสาหลักอันดับ 1” ของอุตสาหกรรมรถยนต์โลก

25 ธันวาคม 2563 สำนักข่าวซินหัวรายงาน เอินส์ท แอนด์ ยัง หรือ อีวาย (EY) บริษัทที่ปรึกษาระดับโลกเผยแพร่รายงานซึ่งระบุว่าตลาดจีนได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้ง ถึงการเป็น “เสาหลักที่สำคัญที่สุด” ของอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลกโดยเฉพาะสำหรับผู้ผลิตสัญชาติเยอรมัน

อีวายระบุว่าในไตรมาสที่ 3 ของปี 2020 ส่วนแบ่งของจีนในยอดขายทั่วโลกของผู้ผลิตรถยนต์เยอรมัน เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 35.7 เป็นร้อยละ 39.2 เมื่อเทียบปีต่อปี ส่วนช่วงไตรมาสที่ 2 ซึ่งเกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ระลอกแรกนั้น ผู้ผลิตสัญชาติเยอรมันขายรถยนต์ใหม่ร้อยละ 51 ให้กับลูกค้าในประเทศจีน

ผู้ผลิตรถยนต์หลัก 3 รายของเยอรมนีได้แก่ โฟล์กสวาเกน บีเอ็มดับเบิลยู และเดมเลอร์ ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของตลาดในจีน “ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย” โดยช่วงไตรมาสที่ 3 ยอดขายรถยนต์ในจีนของบรรดาบริษัทข้างต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ยอดขายในตลาดยุโรปตะวันตกของพวกเขาลดลงร้อยละ 4 และยอดขายในสหรัฐฯ ตกลงร้อยละ 14

รายงานระบุว่ารายได้ทั่วโลกและยอดขายต่อหน่วยดิ่งต่ำในช่วงไตรมาสที่ 2 เนื่องจากเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยธุรกิจของบริษัทยานยนต์ 17 รายทั่วโลกที่อีวายทำการวิเคราะห์ “ฟื้นตัวขึ้นอย่างมาก” ในช่วงไตรมาสที่ 3 โดยรายได้ของกลุ่มบริษัทดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 53 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่วนจำนวนยานพาหนะคันใหม่ที่ขายได้นั้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 46

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกยังไม่ฟื้นตัวสู่ในระดับเดียวกับปีก่อน โดยรายได้และยอดขายยังอยู่ต่ำกว่าระดับก่อนหน้าวิกฤตที่ร้อยละ 5

ตูมสนั่นแนชวิลล์ ระเบิดรถ “เจตนา” เขย่าขวัญอเมริกัน เช้าวันคริสต์มาส

ตูมสนั่นแนชวิลล์ - เอพี รายงานเหตุเขย่าขวัญ จากแรงระเบิดกลางถนนช่วง 6 โมงเช้าของวันคริสต์มาส ที่เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา ทำลายอาคารใกล้เคียง และมีผู้บาดเจ็บ 3 คน เอฟบีไอตั้งทีมสอบสวนเหตุการณ์นี้แล้ว สันนิษฐานเป็นเหตุการณ์ที่มีบางคนเจตนาลงมือ

ดอน แอรอน โฆษกสำนักงานตำรวจแนชวิลล์ กล่าวว่า ตำรวจได้รับแจ้งว่า มีเสียงยิงกันช่วงก่อน 6 โมงเช้า แต่เมื่อไปถึงยังไม่พบร่องรอยการยิงกัน กลับเห็นรถยนต์ต้องสงสัยคันหนึ่ง จึงเรียกหน่วยพิเศษเข้ามาดู ระหว่างรอนั้น ก็เกิดระเบิดสนั่นขึ้น เขย่าพื้นที่จุดเกิดเหตุ

แรงระเบิดทำลายสิ่งปลูกสร้างใกล้เคียงโดยรอบ มีหน้าต่างกระจกแตกกระจาย ควันไฟพวยพุ่งตลบท้องฟ้าไปทั่วบริเวณ ที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และแหล่งท่องเที่ยวในใจกลางเมือง

บัก แมกคอย ผู้อาศัยใกล้บริเวณจุดเกิดเหตุโพสต์วิดีโอ นาทีเสียงเตือนภัยดังสนั่น ผู้คนหวีดร้องด้วยความตกใจ และมีเปลวไฟโหมไหม้

“ผมได้ยินเสียงระเบิด มันเป็นระเบิดใหญ่ทีเดียว มีรถยนต์ประมาณ 4 คันไฟลุกไหม้ ผมไม่รู้ว่ามันร้อนมาจนไฟลุก หรืออย่างอื่น แต่ต้นไม้ตรงนั้นแหลกกระจาย"

สำหรับผู้บาดเจ็บ 3 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ละคนไม่มีใครมีอาการสาหัส ส่วนคนที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุบางคน เจ้าหน้าที่เชิญไปให้ข้อมูล

โจเอล ซิสโควิช โฆษกเอฟบีไอ แจ้งว่า ให้หน่วยสอบสวนเข้ามาดูว่าจะตั้งคดีเป็นเหตุอาชญากรรมระดับประเทศ เช่น ละเมิดกฎการใช้ระเบิด หรือมีการกระทำอันเป็นการก่อการร้ายหรือไม่

ด้าน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ได้รับทราบรายละเอียดของเหตุการณ์แล้ว ระหว่างใช้เวลาส่วนตัวอยู่ที่รัฐฟลอริดา


แม่หมอบาบา วางกา ทำนายปี 2564 หายนะใหญ่ผุดต่อเนื่อง-จีนผงาดครองโลก

วันที่ 25 ธ.ค. เดลีเมล์ เปิดคำทำนายประจำปี 2564 ของ บาบา วางกา หมอดูหญิงชราตาบอดชาวบัลแกเรีย ฉายา “นอสตราดามุสแห่งคาบสมุทรบอลข่าน” ว่า โลกจะเผชิญหน้ากับความทุกข์ทนจากหายนะหลายครั้งและภัยพิบัติยิ่งใหญ่ มหาอำนาจทั้ง 3 จะปรองดองกัน และมังกรแข็งกล้าจะผงาดยึดครองหมู่มวลมนุษยชาติ

จากคำทำนายซึ่งบาบา วางกา พยากรณ์ไว้ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อปี 2539 ระบุถึงเหตุการณ์สำคัญในปี 2564 ว่า “ช่วงเวลาแห่งความยากลำบากจะเกิดขึ้น เราจะได้เป็นพยานในสถานการณ์การทำลายล้างที่จะเปลี่ยนโชคชะตาและพรหมลิขิตของมนุษยชาติ”

ขณะที่หลายฝ่ายตีความมังกรว่าน่าจะหมายถึงความยิ่งใหญ่ของจีนและการมีอำนาจเหนือนานาประเทศ ในส่วนของข่าวน่ายินดีนั้นหมอดูหญิงชราทำนายไว้ว่าปีหน้าโลกจะค้นพบการรักษาโรคมะเร็ง

สำหรับความแม่นยำของแม่หมอบาบา วางกา นั้น คำนายปี 2522 ระบุว่ารัสเซียจะปกครองภายใต้ความยิ่งใหญ่ของวลาดิเมียร์และประเทศจะกลายเป็นมหาอำนาจของโลก ซึ่งผลลัพธ์จริงๆ คือ รัสเซียมี วลาดิเมียร์ ปูติน เป็นผู้นำ แต่สูญเสียสถานะชาติทรงอิทธิพลนับตั้งแต่ปี 2522

ขณะที่คำทำนายปี 2544 ทำให้บาบา วางกา มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก หลังระบุในปี 2532 ด้วยคำเตือนที่ว่าพี่น้องชาวอเมริกันจะร่วงหล่นจากฟากฟ้าหลังถูกโจมตีจากนกเหล็ก ซึ่งในปีที่ทำนายได้เกิดวินาศกรรม 9/11 หรือ 11 กันยาฯ จากการจี้เครื่องบิน 4 ลำของกองกำลังอัล-ไคด้า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 3,000 ราย

ต่อมาในปี 2547 บาบา วางกา ทำนายว่าจะมีคลื่นใหญ่ซัดสาดคลุมชายฝั่ง ผู้คน และเมืองหลายเมือง สรรพสิ่งจะอันตรธานจมอยู่ใต้น้ำ ทุกอย่างจะมลายหายไปเหมือนน้ำแข็ง

ผลลัพธ์คือเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2547 ประเทศที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือ อินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย และไทย กับจำนวนผู้เสียชีวิตราว 230,000-280,000 ราย

สำหรับคำนายปี 2559 แม่หมอกล่าวว่ายุโรปถึงปลายทางของการสิ้นสุด และปีนั้นสหราชอาณาจักรก็ทำประชามติสนับสนุนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือที่เรียกว่า เบร็กซิต

คำทำนายปี 2560 ระบุว่าเป็นจุดจบของสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีคนที่ 44 จะเป็นผู้นำคนสุดท้ายของประเทศ และว่าผู้นำคนนี้จะเป็นคนดำ ซึ่งตรงตามคำทำนายเมื่อนายบารัค โอบามา ชนะการเลือกตั้งได้นั่งเก้าอี้ผู้นำคนที่ 44 อย่างไรก็ตาม นายโอบามาไม่ใช่ประธานาธิบดีคนสุดท้าย เพราะนายโดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยในศึกเลือกตั้งได้เป็นผู้นำคนที่ 45

ปี 2561 มีคำทำนายว่าจีนจะกลายเป็นชาติมหาอำนาจยุคต่อไป และจะมีรูปแบบพลังงานใหม่ผุดขึ้นบนดาวศุกร์ แน่นอนว่าความยิ่งใหญ่ของจีนเป็นที่ประจักษ์และเข้าใกล้สถานะมหาอำนาจโลก แต่ไม่มีการค้นพบใหม่เกี่ยวดาวศุกร์

ถึงอย่างนั้นเมื่อเดือน ก.ย. ปีนี้ ทีมนักดาราศาสตร์ในอังกฤษ เปิดเผยว่าค้นพบโมเลกุลของ “แก๊สฟอสฟีน” ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ว่าเคยมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในชั้นบรรยากาศของดาวศุกร์

คำทำยสำหรับปี 2562 และ 2563 บาบา วางกา ระบุคล้ายๆ กับเกี่ยวกับชะตาชีวิตของนายทรัมป์และนายปูติน โดยกล่าวว่าในปี 2563 นายทรัมป์จะป่วยเป็นโรคประหลาด อาจรุนแรงจนหูหนวกและสมองได้รับการกระทบกระเทือน ส่วนนายปูตินจะถูกลอบสังหาร

ผลลัพธ์คือ ประธานาธิบดีทรัมป์ป่วยจริงหลังติดไวรัสโควิด-19 เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่นายปูตินสุขสบายดี แต่ก็มีเหตุลอบสังหารบนแผ่นดินรัสเซีย เมื่อนายอเล็กเซ นาวาลนี แกนนำฝ่ายค้าน คู่ปรับของนายปูติน ถูกลอบวางยาพิษโนวีช็อก เมื่อเดือน ส.ค.


เบร็กซิท สำเร็จ ! “อังกฤษ-อียู” บรรลุข้อตกลงการค้า

25 ธันวาคม 2563 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปบรรลุข้อตกลงการค้าได้แล้วเมื่อวันพฤหัสบดี เพียง 7 วันก่อนถึงเส้นตายสิ้นปีที่สหราชอาณาจักรจะออกจากระบบตลาดเดียวของอียูอย่างเป็นทางการ ช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะช็อกทางเศรษฐกิจหลังเบร็กซิทปีหน้า

รายงานเอเอฟพีและรอยเตอร์เมื่อวันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม กล่าวว่า ข้อตกลงนี้ ซึ่งใช้เวลาเจรจาต่อรองกันนานเกือบ 10 เดือน จะยังคงรักษาอัตราภาษีศุลกากรเป็นศูนย์และการปลอดโควตาของสหราชอาณาจักรในการเข้าถึงตลาดเดียวของยุโรปที่มีประชากรเกือบ 450 ล้านคนไว้ต่อไป แม้ทั้งสองฝ่ายจะยุติการเป็นหุ้นส่วนยาวนาน 47 ปีกันแล้วก็ตาม

นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ซึ่งลงภาพตนเองยกมือสองข้างชูนิ้วโป้งลงทวิตเตอร์พร้อมคำประกาศว่าบรรลุข้อตกลงแล้ว บอกว่า สหราชอาณาจักรได้กลับมาควบคุมกฎหมายและชะตากรรมของตนเองตามเดิมแล้ว

สหราชอาณาจักรออกจากอียูอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 แต่ยังคงใช้กฎข้อบังคับด้านการค้า, การเดินทาง และธุรกิจ ตามเดิมในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านที่จะครบกำหนดวันที่ 31 ธันวาคมนี้

จอห์นสันซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีฝ่ายสนับสนุนการลงประชามติถอนตัวจากอียูเมื่อปี 2559 เคยกล่าวไว้ว่า เนื่องจากผู้มีสิทธิ 52% ลงมติให้ออกจากอียู เขาจึงไม่ต้องการยอมรับกฎระเบียบของตลาดเดียวแห่งยุโรป หรือสหภาพศุลกากรของอียูอีกต่อไปภายหลังวันที่ 1 มกราคม 2564

ความที่อียูไม่ต้องการให้สิทธิพิเศษอย่างอิสรเสรีแก่เศรษฐกิจอิสรเสรีของอังกฤษภายนอกอียูที่ไม่อยู่ภายใต้กฎของพวกเขา ซึ่งอาจส่งเสริมให้ประเทศอื่นๆ ถอนตัวตาม จึงทำให้การเจรจาต่อรองวกไปวนมา

“มันเป็นหนทางที่ยาวนานและคดเคี้ยว” เออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าว “แต่เราก็ได้ข้อตกลงที่ดีที่แสดงให้เห็น ในที่สุดเราสามารถทิ้งเบร็กซิทไว้ข้างหลัง แล้วมองไปที่อนาคต ตอนนี้ยุโรปกำลังเดินหน้าต่อไป”

ข้อตกลงความยาว 2,000 หน้า ติดขัดที่ความขัดแย้งเกี่ยวกับสิทธิการทำประมง ที่ทั้งสองฝ่ายต่อรองกันจนถึงนาทีสุดท้าย เกี่ยวกับสิทธิของชาวประมงอียูในการเข้าถึงน่านน้ำของอังกฤษตั้งแต่ต้นปีหน้า

เจ้าหน้าที่อียูรายหนึ่งเผยว่า อังกฤษต้องการลดสัดส่วนการทำประมงจากอียูในน่านน้ำอังกฤษที่มี

ประมาณปีละ 650 ล้านยูโร ลงมากกว่า 1 ใน 3 และลดลงอีกในระยะ 3 ปี แต่อียูยืนกรานไว้ที่ 25% ในระยะอย่างน้อย 6 ปี แต่สุดท้ายแล้ว ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่ตัวเลข 25% โดยมีระยะเปลี่ยนผ่าน 5 ปีครึ่ง หลังจากนั้นการเข้าถึงแหล่งทำประมงของอังกฤษจะเป็นการเจรจากันปีต่อปี

หลังจากนี้ ฟอน แอร์ ไลเอิน จะส่งเนื้อหาความตกลงฉบับนี้แก่สมาชิกอียู 27 ชาติ โดยเอกอัครราชทูตของชาติสมาชิกมีกำหนดประชุมกันในวันศุกร์ที่เป็นวันคริสต์มาสทันที และคาดว่าจะใช้เวลา 2-3 วันในการวิเคราะห์ข้อตกลงและตัดสินว่าจะอนุมัติหรือไม่ รัฐสภาของสหราชอาณาจักรก็จะต้องร่นวันหยุดแล้วกลับมาประชุมเพื่อลงมติข้อตกลงฉบับนี้ในวันที่ 30 ธันวาคม และด้วยความที่พรรคฝ่ายค้านสนับสนุน ข้อตกลงฉบับนี้จึงน่าจะผ่านสภาได้โดยง่าย

ถึงกระนั้น เมื่ออังกฤษออกจากระบบตลาดเดียวและสหภาพศุลกากรของอียูแล้ว การค้าข้ามช่องแคบอังกฤษจะต้องเผชิญกับกฎข้อบังคับใหม่ๆ อีกมากมาย และความล่าช้า โดยนักวิเคราะห์หลายคนคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งสองฝ่าย


“ทรัมป์” อภัยโทษชุดใหญ่ 26 คนเน้นอดีตพันธมิตรการเมือง

วันศุกร์ ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2563, 11.32 น.วอชิงตัน (รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์/ซีเอ็นเอ็น) - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ อภัยโทษให้แก่บุคคล 26 คนในสัปดาห์นี้ ส่วนใหญ่เป็นคนสนิททางการเมือง รวมถึงบิดาของนายจาเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขยของเขาด้วย

ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์เรื่องประธานาธิบดีทรัมป์อภัยโทษให้แก่บุคคล 26 คนในสัปดาห์นี้ รวมถึงยังพักโทษและลดโทษให้กับบุคคลอีก 3 คน โดยรายชื่อบุคคลที่ได้รับการอภัยโทษที่น่าสนใจ คือกลุ่มบุคคลที่อัยการพิเศษของสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ หรือเอฟบีไอ ดำเนินคดีฐานเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาสมคบคิดกับรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐในปี 2016 ประกอบไปด้วยนายพอล มานาฟอร์ต วัย 71 ปี อดีตที่ปรึกษาทางการเมือง ทำหน้าที่ประธานแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ นายจอร์จ ปาปาโดปูลอส วัย 33 ปี อดีตผู้ช่วยแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ และนายโรเจอร์สโตน วัย 68 ปี ล็อบบี้ยิสต์คนดังซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรทางการเมืองคนสำคัญของทรัมป์ โดยหลังได้รับการอภัยโทษ นายปาปาโดปูลอสได้ทวีตข้อความขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์ และบอกว่าการอภัยโทษครั้งนี้มีความหมายอย่างมากต่อเขาและครอบครัว

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีคำสั่งอภัยโทษนายชาร์ลส์ คุชเนอร์ บิดาของนายจาเร็ด คุชเนอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสของทำเนียบขาว ซึ่งเป็นบุตรเขยของทรัมป์และสามีของนางอิวังกา ทรัมป์ บุตรสาวของเขา โดยนายชาร์ลส์ คุชเนอร์ มีความผิดฐานหนีภาษี ข่มขู่ยุ่งเกี่ยวกับพยานในการสอบสวนตั้งแต่ปี 2547 รวมถึงทรัมป์ยังใช้อำนาจอภัยโทษไมเคิล ฟลินน์ นายพลวัยเกษียณ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงของทำเนียบขาว ซึ่งถูกดำเนินคดีฐานให้การเท็จต่อเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เรื่องการติดต่อกับรัสเซียในช่วงก่อนที่ทรัมป์จะสาบานตนเป็นประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 ด้วย

ขณะที่ผู้ได้รับการอภัยโทษคนอื่นๆ มีทั้งอดีตสมาชิกสภาคองเกรสของพรรครีพับลิกันสองคน คือนายดันแคน ฮันเตอร์ที่ถูกจำคุก 11 เดือน จากความผิดในการใช้เงินหาเสียงในทางที่ผิด และนายคริส คอลลินส์ ที่อยู่ระหว่างรับโทษจำคุก 26 เดือนในคดีใช้ข้อมูลภายในเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ รวมถึงอดีตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 4 นายของแบล็ควอเตอร์ บริษัทรักษาความปลอดภัยเอกชน ที่ถูกตัดสินจำคุก 6 ปี จากความผิดในการกราดยิงชาวอิรักเสียชีวิต 14 คน บาดเจ็บอีก 17 คน ที่จัตุรัสในกรุงแบกแดดเมื่อปี 2550

ทั้งนี้ หลายฝ่ายคาดว่า การใช้อำนาจให้อภัยโทษผู้ต้องคดีของทรัมป์จะเกิดขึ้นอีกหลายครั้งก่อนที่เขาจะออกจากตำแหน่งในเดือนหน้า ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะใช้อำนาจตามสิทธิในการดำรงตำแหน่งอภัยโทษแก่บุคคลต่างๆ ตามที่เห็นสมควร เป็นการแสดงว่าผู้นำประเทศให้อภัยบุคคลเหล่านั้น ทำให้พวกเขาได้รับโทษคุมขังในเรือนจำน้อยลง และอาจได้รับสิทธิบางอย่างกลับคืน เช่น สิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้บริสุทธิ์หรือลบล้างความผิดที่ถูกกล่าวหา ขณะที่สื่อสหรัฐรายงานว่า ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่ใช้อำนาจอภัยโทษให้แก่บุคคลน้อยที่สุดคนหนึ่งในขณะดำรงตำแหน่ง เทียบได้กับอดีตประธานาธิบดีจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช

โควิด-19พ่นพิษร้านสาขาแบรนด์ดังใน “นิวยอร์ก” เลิกกิจการระนาว !

25 ธันวาคม 2563 สำนักข่าวซินหัวเผย รายงาน “สเตท ออฟ เดอะ เชนส์” (State of the Chains) ประจำปี 2020 ของศูนย์เพื่ออนาคตเมือง (Center for an Urban Future) ในสหรัฐฯ ชี้ว่าร้านสาขาชื่อดังระดับประเทศเกือบ 1 ใน 7 ในนครนิวยอร์กประกาศปิดกิจการในปี 2020 หลังจากการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้บริโภค

รายงานระบุว่าร้านสาขาในนครนิวยอร์กประกาศยุติกิจการสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1,057 แห่ง ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงร้านดูเอน รีด (Duane Reades) 70 แห่ง ร้านสตาร์บัคส์ (Starbucks) 49 แห่ง และร้านปาปีรัส (Papyruses) 22 แห่ง โดยทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 13.3 นับตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลเมื่อ 13 ปีก่อน ส่วนสถิติปี 2019 อยู่ที่ร้อยละ 3.7 และปี 2018 อยู่ที่ร้อยละ 0.3

“ถ้าร้านสาขาระดับประเทศมีจำนวนลดลงเช่นนี้ ผมเชื่อว่าบรรดาร้านโชห่วยคงได้รับผลกระทบมากกว่านี้เป็น 2 เท่า เนื่องจากพวกเขาไม่มีความสามารถในการรับมือวิกฤตหรือเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้” โจนาธาน โบว์ลส์ กรรมการบริหารของศูนย์ฯ เผย

แมนฮัตตันเป็นย่านที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดในบรรดา 5 ย่านของนครนิวยอร์ก โดยมีร้านสาขาปิดตัวลง 520 แห่ง ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของร้านสาขาทั้งหมดในเมือง เนื่องจากเศรษฐกิจของแมนฮัตตันขึ้นอยู่กับพนักงานออฟฟิศ นักท่องเที่ยว และผู้อาศัยฐานะร่ำรวยที่ขณะนี้ได้ย้ายออกไปอยู่นอกเมืองแล้ว

รายงานชี้ว่าร้านขายแซนด์วิชที่กลุ่มลูกค้าหลักเป็นพนักงานออฟฟิศ ซึ่งหลายคนทำงานจากที่บ้านตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นหนึ่งในร้านสาขาที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะเดียวกันกลับมีร้านค้า 40 แห่ง ที่ประกาศเปิดร้านสาขาเพิ่ม อาทิ ร้านไก่ทอดป็อบอายส์ (Popeyes) ที่เปิดร้านสาขาเพิ่มอีก 11 แห่ง

อย่างไรก็ดี โบว์ลส์ เชื่อว่าภาวะตกต่ำของอุตสาหกรรมอาหารจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น พร้อมมคาดการณ์ว่าเมื่อการระบาดใหญ่คลี่คลาย คนงานจำนวนมากจะกลับไปทำงานเหมือนเดิม