ข่าว
เดลต้าแอร์ไลน์ เสนอจ่ายชดเชยผู้โดยสารคนละ 1 ล้าน เหตุเครื่องบินพลิกหงายท้อง

สายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ เสนอเงินชดเชยผู้โดยสารคนละ 1 ล้านบาท จากเหตุเที่ยวบิน 4819 พลิกหงายท้องขณะลงจอดที่สนามบินนานาชาติโตรอนโตเพียร์สัน ส่งผลให้ผู้โดยสาร 76 คน ต้องนั่งห้อยศีรษะ

สายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ เสนอเงินชดเชยผู้โดยสารคนละ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,008,400 บาท จากเหตุเที่ยวบิน 4819 พลิกหงายท้องขณะลงจอดที่สนามบินนานาชาติโตรอนโตเพียร์สัน ส่งผลให้ผู้โดยสาร 76 คน ต้องนั่งห้อยศีรษะ ซึ่งหากผู้โดยสารทุกคนยอมรับข้อเสนอ สายการบินจะจ่ายเงินทั้งหมดประมาณ 2.3 ล้านดอลลาร์ หรือราว 77.31 ล้านบาท

ตัวแทนฝ่ายดูแลผู้โดยสารของเดลต้าแอร์ไลน์ แจ้งกับลูกค้าว่าการเสนอเงินชดเชยดังกล่าวไม่มีเงื่อนไขผูกมัดใดๆ และไม่ส่งผลกระทบต่อสิทธิ์ของพวกเขา

เครื่องบิน CRJ900 แบบเครื่องยนต์สองสูบ ได้รับอนุญาตให้ลงจอดได้เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 14.15 น.ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนตกกระแทกและเกิดไฟลุกไหม้และพลิกหงายท้อง คลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่แสดงให้เห็นล้อลงจอดด้านท้ายของเครื่องบินบิดตัว และปีกขวาหลุดออกจนเห็นเป็นลูกไฟ หลังจากเครื่องบินลงจอดอย่างแรงบนรันเวย์ มีรายงานว่ามีลมแรงมากในเมืองโตรอนโตตลอดวันที่เกิดเหตุ

ผู้โดยสารและลูกเรือ 4 คน รอดชีวิตทั้งหมด 80 คน โดยผู้โดยสาร 21 รายถูกนำส่งโรงพยาบาล แต่ขณะนี้สามารถกลับบ้านได้แล้วตามรายงานของสายการบิน ยังไม่ชัดเจนว่าผู้โดยสารจะได้รับค่าชดเชยสำหรับเที่ยวบินที่เดินทางมาจากเมืองมินนิอาโปลิส ซึ่งดำเนินการโดยบริษัทเอนเดเวอร์ แอร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดลต้าเมื่อใดและอย่างไร

ทั้งนี้ สนธิสัญญาระหว่างประเทศ ที่เรียกว่าอนุสัญญามอนทรีออล ครอบคลุมกรณีที่เกิดขึ้นในเส้นทางการเดินทางระหว่างประเทศ ภายใต้อนุสัญญาดังกล่าวผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บบนเที่ยวบินระหว่างประเทศสามารถรับค่าชดเชยได้สูงถึง 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตราบเท่าที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้น แม้ว่าสายการบินจะไม่ได้ประมาทก็ตาม

หากผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บและมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องเกินกว่าจำนวนเงินดังกล่าว พวกเขาจะได้รับสิทธิในการชดเชยโดยไม่มีข้อโต้แย้ง อย่างไรก็ตาม หากพบว่าสายการบินประมาท วงเงินค่าเสียหายอาจสูงเกิน 200,000 ดอลลาร์ และภายใต้อนุสัญญามอนทรีออล ผู้โดยสารมีเวลาสองปีในการยื่นฟ้อง.

ที่มา CNN

สว.สหรัฐฯ คอนเฟิร์ม “แคช พาเทล” เป็น ผอ.เอฟบีไอคนใหม่ ยืนยันไม่มีล้างแค้น

สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติรับรองให้นาย แคช พาเทล ผู้ภักดีของโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนกลาง หรือ เอฟบีไอ คนใหม่แล้ว ยืนยันจะไม่มีการล้างแค้น

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 ก.พ. 2568 สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติเห็นชอบ 51 ต่อ 49 เสียง ยืนยันให้นาย แคช พาเทล ผู้สนับสนุนฝ่ายอนุรักษ์นิยมและผู้ภักดีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนกลาง หรือ เอฟบีไอ (FBI) คนใหม่แล้ว

การเลือกนายพาเทลเป็นหัวหน้าเอฟบีไอคนต่อไป เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายเดโมแครต ที่ออกมาเตือนว่า ชายคนนี้อาจใช้อำนาจหน้าที่ของตัวเอง ในการตอบโต้เอาคืนผู้ที่นายทรัมป์มองว่าเป็นศัตรูทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการพิจารณายืนยันตำแหน่ง นายพาเทลยืนยันว่า จะไม่มีการเลือกขั้วทางการเมืองในเอฟบีไอ และจะไม่มีการเคลื่อนไหวเพื่อแก้แค้นใดๆ พร้อมกล่าวหาฝ่ายเดโมแครตว่า เลือกตัดทอนคำพูดเก่าๆ เพียงบางส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ซึ่งการตัดทอนข้อมูลแบบนี้มักนำไปสู่การชี้นำผิดๆ

อนึ่ง ตำแหน่งผู้อำนวยการเอฟบีไอ 1 สมัยมีระยะเวลาดำรงตำแหน่งนาน 10 ปี และไม่ควรได้รับอิทธิพลทางการเมือง แต่หลังจากชนะเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 นายทรัมป์แสดงความชัดเจนว่า เขาต้องการให้นาย คริส เวรย์ ผอ.เอฟบีไอคนก่อนออกไป ทำให้นายเวรย์ตัดสินใจลาออกทั้งที่ยังไม่ครบวาระ เปิดทางให้นายพาเทลเข้ารับตำแหน่ง

ทั้งนี้ นายพาเทลถูกฝ่ายเดโมแครตโจมตีอย่างหนัก จากคำพูดที่เขาเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อโทรทัศน์, พ็อดแคสต์, ในหนังสือของตัวเขาเอง และตามโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยเขาเรียกร้องให้มีการลงโทษผู้ที่เขาเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ “ดีปสเตต” (deep state) ที่พยายามจะบ่อนทำลายโดนัลด์ ทรัมป์

เดโมแครตยังแสดงความกังวลเรื่อง “รายชื่อศัตรู” ที่นายพาเทลใส่ไว้ในหนังสือเรื่อง “Government Gangsters” ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2566

ที่มา : cnn


เตรียมยุบพรรคฝ่ายประชาธิปไตยฮ่องกง หลังโดนจีนปราบปรามหนัก

ผู้นำพรรคประชาธิปไตยของฮ่องกงได้ประกาศแผนการยุบพรรคฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุด หลังถูกทางการจีนปราบปรามอย่างหนัก

ผู้นำพรรคประชาธิปไตยของฮ่องกงได้ประกาศแผนการยุบพรรคฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุด หลังถูกทางการจีนปราบปรามอย่างหนัก นายโล คิน-เฮย ประธานพรรคกล่าวว่า ในเร็วๆ นี้ สมาชิกพรรคจะลงคะแนนเสียงในการตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะยุบพรรคที่มีอายุ 31 ปีหรือไม่

พรรคประชาธิปไตยพยายามต่อสู้เพื่อความอยู่รอด หลังจากที่จีนเคลื่อนไหวเพื่อปราบปรามผู้เห็นต่างฮ่องกงหลังจากเหตุประท้วงในปี 2019 ขณะที่รัฐบาลจีนและฮ่องกงโต้แย้งว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวมีความจำเป็นต่อความมั่นคงของชาติ โดยทางการจีนได้ยกเครื่องระบบการเลือกตั้งของฮ่องกงอดีตอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปราบปราม

กฎหมาย "ผู้รักชาติ" ผ่านความเห็นชอบจากรัฐบาลฮ่องกงในปี 2021 ซึ่งรับรองว่าเฉพาะคนที่ถือว่าภักดีต่อระบอบคอมมิวนิสต์ในจีนเท่านั้นที่สามารถดำรงตำแหน่งสมาชิกรัฐสภาหรือสมาชิกสภาท้องถิ่นได้ กฎหมายนี้สั่งห้ามพรรคประชาธิปไตยเข้าร่วมในการเลือกตั้ง

ในงานแถลงข่าวช่วงดึกของวันอังคาร (18 ก.พ.) หลังการประชุมพรรค นายโลกล่าวว่าผู้นำพรรคได้เรียกร้องให้ยุติการดำเนินการตามสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "การพัฒนาประชาธิปไตยในฮ่องกงเป็นเรื่องยากเสมอมา และเป็นเรื่องยากเป็นพิเศษในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา" และเมื่อถูกถามว่าผู้นำพรรคตัดสินใจภายใต้แรงกดดันทางการเมืองหรือไม่ เขาไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ

พรรคฯ ได้จัดตั้งคณะทำงานสำหรับกระบวนการปิดการทำงานของพรรค โดยสมาชิกอย่างน้อย 75% ที่เข้าร่วมการประชุมใหญ่ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ จะต้องเห็นชอบกับการดำเนินการดังกล่าวเสียก่อน จึงจะลงมติได้ ส่วนวันประชุมดังกล่าวยังไม่ได้กำหนด

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เรจินา อิป ที่ปรึกษารัฐบาลฮ่องกง กล่าวหาพรรคประชาธิปไตยว่า ดำเนินการตามวาระที่ต่อต้านจีน และสร้างปัญหาทั้งภายในและภายนอกรัฐสภาอย่างต่อเนื่อง "ดังนั้นฉันจึงไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาสูญเสียผู้สนับสนุนไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปไตยได้มาถึงทางตันแล้ว"

พรรคประชาธิปไตยมีจุดเด่นในเรื่องการเจรจาโดยตรงกับสำนักงานการประสานงาน ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนในฮ่องกง ในปี 2010 เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการเลือกตั้งแบบเสรีนิยมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สมาชิกที่เป็นกลุ่มคนหนุ่มสาวของพรรค มองว่าการเจรจาดังกล่าวเป็นการทรยศ การเคลื่อนไหวดังกล่าวจุดชนวนให้เกิดความแตกแยกในขณะที่พรรคสูญเสียการสนับสนุน

ต่อมา พรรคได้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งและกลายเป็นพลังทางการเมืองฝ่ายค้านที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของฮ่องกง หลังจากได้ที่นั่งมากที่สุดในการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นในปี 2019 ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการประท้วงต่อต้านรัฐบาลอย่างรุนแรง

สมาชิกพรรคประชาธิปไตยหลายคน รวมถึงบุคคลสำคัญที่สนับสนุนประชาธิปไตยอย่างเฮเลน่า หว่อง, ลัม เฉิงติง, หวู่ จี้ไหว และอัลเบิร์ต โฮ อยู่ในกลุ่มนักเคลื่อนไหว ที่มีชื่อว่า "ฮ่องกง 47" ที่ถูกจำคุกภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ

สมาชิกอีกคนคือ นายเท็ด ฮุย อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติ ปัจจุบันอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย และถูกทางการฮ่องกงตามล่าตัวในข้อหาละเมิดความมั่นคงของชาติ เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ศาลได้ออกคำสั่งยึดทรัพย์สินและเงินของเขาในฮ่องกง ซึ่งครอบครัวของเขาและบริษัทกฎหมายถือครองอยู่

ในเดือนธันวาคม ฮ่องกงได้ปลดตำแหน่งผู้พิพากษากิตติมศักดิ์จากนายมาร์ติน ลี เคซี ผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปไตยคนสำคัญ หลังจากที่ทนายความผู้มากประสบการณ์คนนี้ แพ้คดีอุทธรณ์คดีการจัดชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต.

ที่มา BBC

วาติกันเผย พระอาการโดยรวมของโป๊ปฟรานซิสดีขึ้นเล็กน้อย

สำนักวาติกันเผยพระอาการโดยรวมของโป๊ปฟรานซิสดีขึ้นเล็กน้อย ขณะที่คริสตศาสนิกชนพากันสวดมนต์อวยพรขอให้ทรงหายจากประชวรในเร็ววัน

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 สาธุคุณแมตเตโอ บรูนี โฆษกสำนักวาติกัน แถลงเกี่ยวกับความคืบหน้าพระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส องค์ประมุขแห่งคริสตจักร นิกายโรมันคาทอลิก ที่เสด็จเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยระบุว่าอาการโดยรวมของพระสันตะปาปาฟรานซิส ดีขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่พระองค์กำลังต่อสู้กับโรคปอดบวม

แถลงการณ์ระบุว่า พระสันตะปาปาฟรานซิสไม่มีไข้ และอาการอยู่ในเกณฑ์ดีขึ้นเล็กน้อย ทรงตื่นนอน ลุกจากเตียง ทรงรับประทานอาหารเช้าในเก้าอี้ และยังคงทรงงานจากห้องพักในโรงพยาบาล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระองค์ยังมีสุขภาพดีพอที่จะปฏิบัติภารกิจได้

ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระชนม์ 88 พรรษา เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หลังจากอาการหลอดลมอักเสบแย่ลง แพทย์วินิจฉัยในเวลาต่อมาว่าพระองค์กำลังทรงเป็นโรคปอดบวมในปอดทั้งสองข้าง ร่วมกับโรคหลอดลมอักเสบจากโรคหอบหืด และทรงสั่งให้ผู้ป่วยพักผ่อนให้เพียงพอ

ทั้งนี้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้เคยยืนยันว่า หลังจากได้รับตำแหน่งไม่นานท่านได้เขียนจดหมายลาออกล่วงหน้าไว้ในกรณีที่มีปัญหาสุขภาพร้ายแรงจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ อย่างไรก็ตาม กฎหมายพระศาสนจักร (canon law) ยังไม่มีข้อกำหนดว่าควรทำอย่างไรหากสมเด็จพระสันตะปาปาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เนื่องจากเจ็บป่วยหรือไร้ความสามารถ.