ข่าว
จีน แย้มผ่อนกฎคุมเข้มบิ๊กเทค หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

จีน อาจเปลี่ยนแนวทางเปิดกว้างบริษัทเทคโนโลยีมากขึ้น หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว

29 เมษายน 2565: เซาท์ไชนามอร์นิ่งโพสต์ สื่อท้องถิ่นฮ่อง รายงานอ้างแหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลปักกิ่งว่า รัฐบาลจีนอาจกำลังปรับเปลี่ยนแนวทางการคุมเข้มบริษัทด้านเทคโนโลยี ซึ่งจะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของรัฐบาลปักกิ่ง จากก่อนหน้านี้ที่ทางการจีนมีท่าทีคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยีในหลายด้าน

แหล่งข่าว 2 คน ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อต่อเซาท์ไชนามอร์นิ่งโพสต์ ระบุตรงกันว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการกรมการเมือง (Politburo Committee) ในวันศุกร์นี้ รัฐบาลปักกิ่งมีกำหนดเรียกบรรดาบริษัทเทคโนโลยีร่วมหารือช่วงหลังวันหยุดวันแรงงาน เพื่อรับรองว่าต่อบรรดาผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีว่า หน่วยงานกำกับของจีนจะไม่ออกมาตราการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้มากขึ้นเหมือนที่จีนเคยกระทำต่อบริษัทเทคโนโลยีในก่อนหน้านี้

รายงานระบุว่า บรรดาบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่มีกำหนดหารือดังกล่าว รวมถึง แพลตฟอร์ม

อีคอมเมิร์ซ Alibaba Group Holding, โซเชียลมีเดียและวิดีโอเกมยักษ์ใหญ่ Tencent Holdings ตลอดจนแพลตฟอร์ม TikTok ของบริษัท ByteDance ขณะเดียวกันการประชุมร่วมกันระหว่างรัฐบาลปักกิ่งกับบรรดาบิ๊กเทคเหล่านี้ เพื่อให้หน่วยงานกำกับดูแลของจีนเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับแนวทางรูปแบบใหม่ของปักกิ่ง

สื่อฮ่องกงระบุว่า เหตุที่ปักกิ่งมีแนวทางปรับเปลี่ยนนโยบายเนื่องจากภาครัฐต้องการให้บริษัทเทคโนโลยีจีนเติบโตมากขึ้น ทั้งสามารถแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติมากขึ้น ขณะเดียวกันยังมีส่วนในการสนับสนุนเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการควบคุมของ Covid-19 เช่น ผ่านการแจกจ่ายบัตรกำนัลเพื่อการบริโภคผ่านธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่หลายเมืองของจีนได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อคุมโรคระบาด

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าที่สุดในรอบ 20 ปี สวนทางเงินเยนญี่ปุ่น

29 เม.ย 65 : สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 20 ปี อยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 130 เยน โดยค่าเงินเยนของญี่ปุ่นได้อ่อนค่าลงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี พ.ศ 2545 ส่วนค่าเงินยูโรแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี

อัตราการแลกเปลี่ยนที่ผันผวนเกิดขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นยืนกรานที่จะคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำต่อไป และจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลจากสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นอย่างไม่จำกัด เพื่อรักษาผลตอบแทน

ระยะยาว และหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งสวนทางกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

ด้านนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้แสดงความกังวลต่อค่าเงินที่ผันผวน โดยระบุว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าพอใจสำหรับหลายฝ่าย ซึ่งถึงแม้ว่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง จะทำให้ผู้ส่งออกมีกำไรเพิ่มขึ้น แต่ในทางกลับกันก็มีแนวโน้มที่จะกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าพลังงาน อาหาร และการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่น

ที่มา: CNA, Kyodo


ระเบิดปริศนาที่ทรานส์นิสเตรีย สงครามยูเครนอาจลามไปมอลโดวา

ในขณะที่สงครามในยูเครนกำลังเข้าสู่เดือนที่ 3 ผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพรัสเซียก็ออกมาพูดเรื่องที่สร้างความกังวลยิ่งขึ้นว่า มอสโกมีเป้าหมายจะสร้างเส้นทางผ่านภาคใต้ของยูเครน ไปยังแคว้นทรานส์นิสเตรีย ดินแดนแยกตัวทางตะวันออกของประเทศมอลโดวา ซึ่งถูกปกครองโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนฝักฝ่ายรัสเซีย

คำพูดของผู้บัญชาการรายนี้เกิดขึ้นท่ามกลางรายงานเหตุระเบิดซึ่งไม่อาจอธิบายสาเหตุได้หลายครั้งในทรานส์นิสเตรีย ซึ่งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกล่าวหาว่า เป็นผู้แทรกซึมจากยูเครน ขณะที่รัฐบาลเคียฟกล่าวโทษว่าเป็นแผนการยั่วยุของรัสเซีย เพื่อสร้างข้ออ้างในการส่งทหารเข้าไป

รัสเซียยังอ้างว่า ประชากรผู้พูดภาษารัสเซียในทรานส์นิสเตรียกำลังถูกกดขี่ เป็นข้ออ้างเดียวกับที่พวกเขาใช้เพื่อยกทัพบุกดอนบาส ของยูเครน ทำให้ทางการมอลโดวาต้องรีบออกมาปฏิเสธทันที

จริงอยู่ที่มอลโดวามีเหตุผลให้กังวลว่า ความขัดแย้งภายในประเทศของพวกเขากำลังจะถูกดึงเข้าสู่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนไปด้วย แต่คำถามสำคัญคือ มอสโกจะสามารถยกทัพเข้าสู่ทรานส์นิสเตรียได้จริงหรือไม่ นักวิเคราะห์หลายคนไม่เชื่อว่าจะทำได้ หรือต่อให้มันเกิดขึ้นจริง กองทัพรัสเซียก็อาจไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีนักจากชาวเมือง

ทรานส์นิสเตรีย ดินแดนแยกตัวในมอลโดวา

การล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 2534 ทำให้เกิดดินแดนพิพาทขึ้นมากมายในทวีปยุโรป รวมถึงดินแดนแคบๆ แต่ยาวกว่า 1,300 ไมล์ ตามแนวชายแดนมอลโดวาเชื่อมกับยูเครน ซึ่งรู้จักกันในชื่อ ทรานส์นิสเตรีย

ดินแดนบนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำนีสเตอร์แห่งนี้ เป็นที่ตั้งค่ายทหารของกองทัพรัสเซียในช่วงปีสุด

ท้ายของสงครามเย็น พวกเขาประกาศแยกตัวจากมอลโดวา และตั้งตัวเองเป็นสาธารณรัฐโซเวียตในปี 2533 เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับโซเวียตเอาไว้ สวนทางกับมอลโดวาที่ต้องการเป็นรัฐอิสระหรือรวมเข้ากับโรมาเนีย

หลังมอลโดวาแยกตัวเป็นอิสระในปีต่อมา รัสเซียก็รีบส่งทหารภายใต้ชื่อกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาในทรานส์นิสเตรียทันที เพื่อสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่นั่น ทำให้เกิดสงครามภายในขึ้นและจบลงในปี 2535 โดยที่ไม่มีฝ่ายใดชนะ ทรานส์นิสเตรียไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ รวมถึงรัสเซีย ว่าเป็นประเทศ ส่วนมอลโดวาก็ถือว่าทรานส์นิสเตรีย เป็นดินแดนแยกตัวโดยพฤตินัย แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา

นับแต่นั้นเป็นต้นมา ทรานส์นิสเตรียมีบทบาทเป็นที่ประจำการของทหารรัสเซียหลายพันนาย โดยปัจจุบันมีทหารรัสเซียอยู่ราว 1,500 นาย พวกเขามีธง, รัฐธรรมนูญ, ธนาคารกลาง รวมทั้งมีวันฉลองอิสรภาพของตัวเอง มีเมืองหลวงชื่อ ติราสปอล อันประกอบด้วยถนนใหญ่หลายสาย และรูปปั้นขนาดใหญ่ของ วลาดิเมียร์ เลนิน อดีตผู้นำโซเวียตที่จัตุรัสกลางเมือง

ทรานส์นิสเตรียมีประชากรราว 500,000 คน เป็นชนพื้นเมืองชาวมอลโดวา, รัสเซีย และยูเครนอาศัยอยู่รวมกัน มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีและเลือกตั้งส่วนภูมิภาคเป็นของตัวเอง ในขณะที่เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยผลผลิตทางอุตสาหกรรมเป็นหลัก และพึ่งพาการอุดหนุนจากรัสเซียอย่างมาก กลุ่มบริษัทที่เรียกกันว่า เชริฟฟ์ (Sheriff) มีอำนาจแทบล้นฟ้า เป็นเจ้าของโรงงาน, ห้างสรรพสินค้า, และปั๊มแก๊สมากมาย

ระเบิดปริศนาที่ทรานส์นิสเตรีย

เมื่อวันจันทร์ที่ 25 เม.ย. เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้งในกรุงติราสปอล เมืองหลวงของทรานส์ นิสเตรีย ใกล้กับอาคารกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ สร้างความเสียหายแก่อาคารบ้านเรือนโดยรอบ แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ จากนั้นช่วงเช้าวันต่อมา ก็เกิดระเบิดขึ้นที่ศูนย์วิทยุและโทรทัศน์ทรานส์นิสเตรีย ทำให้หอกระจายคลื่นวิทยุ 2 ต้นได้รับความเสียหายM

ฝ่ายยูเครนออกมากล่าวหารัสเซียทันทีว่านี่เป็นความพยายามของรัสเซียเพื่อสร้างสถานการณ์ ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้ปฏิบัติการทางทหาร พวกเขายังโทษรัสเซียว่ายิงขีปนาวุธร่อน ทำลายสะพานข้ามแม่น้ำนีสเตอร์ ซึ่งเชื่อมเมืองโอเดสซา ทางตะวันตกเฉียงใต้เข้ากับชายแดนมอลโดวา เพื่อตัดขาดภูมิภาคทั้งสองแห่ง

ด้าน นางไมอา ซานดู ประธานาธิบดีมอลโดวา ออกมาประณามการโจมตีภายในทรานส์นิสเตรีย ระบุว่าเป็นการยั่วยุเพื่อดึงประเทศให้เข้าสู่การกระทำที่เป็นภัยต่อความสงบสุข ตามหลังเหตุความไม่สงบมากมายก่อนจะมาถึงสัปดาห์นี้ รวมถึงเหตุขู่วางระเบิดหลายครั้งที่โรงเรียนและศูนย์การแพทย์ต่างๆ ซึ่งนางซานดูกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของกลุ่มกระหายสงครามที่ต้องการเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาค

ไฟสงครามอาจลามเข้ามอลโดวา

ความคิดที่ว่ารัสเซียกำลังหาทางสร้างทางเชื่อมทางภูมิศาสตร์ไปยังทรานส์นิสเตรียเกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 90 แล้ว เพื่อขยายอิทธิพลในยุโรปตะวันตก ความกังวลปะทุรุนแรงขึ้นหลังจากมอสโกผนวกรวมไครเมียเมื่อปี 2557 ซึ่งเปิดทางให้พวกเขาโจมตียูเครนได้จากทั้งตอนใต้และทางตะวันออกจากภูมิภาคดอนบาส ที่กลุ่มกบฏฝักฝ่ายรัสเซียยึดครองอยู่

พันตรี รุสตัม มินเนคาเยฟ รักษาการผู้บัญชาการเขตทหารกลางของรัสเซียก็ออกมายืนยันความคิดนี้เมื่อ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า ประเทศของเขามีเป้าหมายสร้างเส้นทางบกเชื่อมระหว่างภูมิภาค ดอนบาสทางตะวันออกของยูเครนกับไครเมีย และการยึดครองภาคใต้ของยูเครน จะทำให้กองทัพรัสเซียสามารถเข้าถึงทรานส์นิสเตรีย ที่ซึ่งประชากรผู้พูดภาษารัสเซียกำลังถูกกดขี่

แม้ว่ารัสเซียจะเพิ่งออกมายอมรับเอาตอนนี้ว่าหมายตาดินแดนทรานส์นิสเตรียด้วย แต่ในความเป็นจริงพวกเขาอาจจะวางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว โดยในช่วงสัปดาห์แรกของการรุกรานยูเครน มีคลิปวิดีโอถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ แสดงให้เห็นปูตินกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ผู้นำเบลารุส ยืนอยู่ใกล้กับแผนที่ขนาดใหญ่ซึ่งระบุว่า ทรานส์นิสเตรียเป็นหนึ่งในจุดที่อาจตกเป็นเป้าหมายด้วย ก่อนที่ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ของ เบลารุสจะออกมาแก้ตัวว่า แผนที่ดังกล่าวไม่ถูกต้อง

นอกจากนั้นคำกล่าวที่ว่า ผู้พูดภาษารัสเซียกำลังถูกละเมิด เป็นประโยคเดียวกับที่วลาดิเมียร์ ปูติน ใช้สร้างความชอบธรรมในการบุกเข้าสู่แคว้นลูฮานสก์และโดเนตสก์ทางตะวันออกของยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงต่างประเทศของมอลโดวาต้องออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาของมอสโก และเรียกตัวเอกอัครราชทูตรัสเซียเข้าพบเพื่อแสดงความกังวลทันที

มีโอกาสแค่ไหนที่รัสเซียจะยกทัพเข้าทรานส์นิสเตรีย ?

ตอนนี้กองทัพรัสเซียกำลังมุ่งความพยายามเพื่อยึดการควบคุมภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครนให้ได้โดยสมบูรณ์ หลังประสบความล้มเหลวในการบุกยึดกรุงเคียฟจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก

สภาพดังกล่าวทำให้นายไมเคิล คอฟแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านรัสเซียจากองค์กรวิจัยไม่แสวงกำไร CNA ในเมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย ไม่เชื่อว่ากองทัพรัสเซียจะมีขีดความสามารถเพียงพอในการบุกยึดภาคใต้ของยูเครนยาวไปจนถึงฝั่งตะวันตกได้อีกแล้ว เพราะพวกเขาน่าจะใช้กำลังทั้งหมดในการบุกยึดดอนบาส

นายมิไฮ ป๊อปซอย สมาชิกรัฐสภามอลโดวาก็มีความเห็นไปในทางเดียวกัน และว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลข่าวกรองที่บ่งชี้ว่า กองทัพรัสเซียจะเคลื่อนไปยังทิศทางมุ่งสู่ทรานส์นิสเตรียเลย

แต่ต่อให้กองทัพรัสเซียเดินทางเข้าสู่ทรานส์นิสเตรียได้จริง พวกเขาก็อาจไม่ได้รับการตอบรับที่ดีเนื่องจากจุดยืนของทรานส์นิสเตรียเรื่องการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ดูจะเอนเอียงไปทางสนับสนุนสันติภาพ พวกเขาไม่ออกมาประณามหรือสนับสนุนรัสเซียอย่างโจ่งแจ้ง และรับชาวยูเครนที่ต้องพลัดถิ่นเพราะสงครามเข้ามาอยู่ด้วยมากกว่า 27,000 คน

นายนิคู โปเปสคู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศมอลโดวา บอกกับสื่อเมื่อวันอังคารว่า จากการประเมินสถานการณ์ในทรานส์นิสเตรียของพวกเขา มีคนน้อยมากที่จะยอมแลกสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขากับการกลายเป็นส่วนหนึ่งในเขตสงคราม แต่เขาก็ไม่อาจทำนายได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต และมอลโดวาจะเฝ้าระวังภัยคุกคามทั้งหมดต่อไป

ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี

ที่มา : BBC, CNN, washingtonpost


'ไบเดน' เมินคำขู่รัสเซีย ขอรัฐสภาอนุมัติเงินกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ช่วยยูเครน

29 เม.ย.65 “โจ ไบเดน” เมินคำขู่รัสเซีย ขอให้สภาคองเกรส อนุมัติเงิน 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 1.1 ล้านล้านบาท เพื่อช่วยเหลือยูเครนในด้านการทหาร เศรษฐกิจ และความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวว่า การลงมติอนุมัติวงเงินดังกล่าวของสมาชิกรัฐสภาสหรัฐถือว่ามีความสำคัญ เพราะจะทำให้ยูเครนสามารถป้องกันตนเองได้ เงินจำนวนนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เงินช่วยเหลือด้านการทหาร 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (688,000 ล้านบาท) เงินช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ 8,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (292,000 ล้านบาท) และเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (103,000 ล้านบาท) เงินจำนวนนี้มีมูลค่าค่อนข้างมาก แต่ถ้าสหรัฐฯ ไม่ช่วยยูเครนในตอนนี้และปล่อยให้ยูเครนถูกโจมตีต่อไป ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็จะมีมูลค่ามหาศาลมากกว่านี้เช่นกัน

ประธานาธิบดีไบเดน ยังระบุว่า กองทัพสหรัฐฯ ได้สนับสนุนยูเครนด้วยการส่งปืนต่อสู้รถถัง (anti-tank weapon) 10 กระบอกต่อรถถัง 1 คันของรัสเซีย พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า สหรัฐไม่ได้ตั้งจงใจโจมตีรัสเซีย แต่จำ เป็นต้องช่วยเหลือยูเครนให้ป้องกันตนเองจากการรุกรานของรัสเซีย อย่างไรก็ดี โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียเผยว่า การสนับสนุนทางทหารของกองทัพชาติตะวันตกในยูเครนจัดเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของทวีปแห่งนี้ โดยเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เตือนว่า ประเทศใดที่พยายามแทรกแซงสงครามยูเครน จะต้องเผชิญกับการตอบโต้กลับอย่างทันทีทันควันจากรัสเซีย

ประธานาธิบดีปูติน กล่าวกับบรรดา ส.ส.รัสเซีย ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อวันพุธ ว่า หากประเทศใดพยายามแทรกแซงสงครามในยูเครน และสร้างภัยคุกคามเชิงยุทธศาสตร์ต่อรัสเซีย รัสเซียก็จะโต้กลับอย่างทันทีทันควัน เพราะรัสเซียมีเครื่องมือที่ใช้ตอบโต้ชนิดที่ไม่มีชาติไหนสามารถทำได้ รัสเซียจะไม่พูดจาโอ้อวดประสิทธิภาพของเครื่องมือเหล่านี้ แต่จะนำมาใช้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น ทั้งยังระบุว่า รัสเซียได้ตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้มาตรการตอบโต้ทั้งหมดแล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม

ทั้งนี้ คำกล่าวของประธานาธิบดีปูติน มีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังกลุ่มชาติตะวันตกจัดการประชุมสุดยอดที่เยอรมนี เมื่อวันอังคาร มีรัฐมนตรีกลาโหมจากกว่า 40 ชาติ เข้าร่วมการประชุม

ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารของสหภาพยุโรป หรืออียู กล่าวหาว่า รัสเซียตั้งใจแบล็คเมลอียู หลังจากที่รัสเซียตัดสินใจระงับส่งก๊าซให้โปแลนด์ และบัลแกเรีย เมื่อวันพุธ

นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า การกระทำดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่ารัสเซียขาดความน่าเชื่อถือในฐานะผู้จัดหาก๊าซ ก่อนหน้านี้ ก๊าซพรอม บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย ได้ระงับส่งก๊าซไปยังโปแลนด์ และบัลแกเรีย เนื่องจากทั้งสองประเทศปฏิเสธที่จะจ่ายค่านำเข้าก๊าซเป็นสกุลเงิน รูเบิลของรัสเซีย ตามนโยบายใหม่ของประธานาธิบดีปูติน เมื่อเดือนมีนาคม เพื่อตอบโต้ที่ชาติตะวันตกใช้มาตรการคว่ำบาตรรุนแรงต่อรัสเซีย จนทำให้สกุลเงินรูเบิลสั่นคลอน ก๊าซพรอม เผยว่า มีอย่างน้อย 4 ประเทศในทวีปยุโรป ซึ่งจัดการชำระค่าก๊าซธรรมชาติเป็นเงินรูเบิลให้แก่รัสเซีย ตามเงื่อนไขใหม่ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีประเทศใดบ้าง

อย่างไรก็ดี สื่อท้องถิ่นหลายแห่งของรัสเซีย รายงานโดยอ้างเป็นคำกล่าวของ นายกรัฐมนตรีคาร์ล เนฮัมเมอร์ ผู้นำออสเตรีย ว่ารัฐบาลออสเตรียเห็นชอบในหลักการของการชำระค่าก๊าซให้แก่รัสเซียเป็นเงินรูเบิล เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดกรณีเดียวกับโปแลนด์ และบัลแกเรีย

ด้าน ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เผยว่า ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย ได้เชิญเขาเข้าร่วมในงานประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หรือจี 20 ที่อินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพในเดือนพฤศจิกายนนี้ ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีอินโดนีเซีย และสำนักเลขาธิการของอินโดนีเซีย ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนโฆษกกระทรวงต่างประเทศของอินโดนีเซียไม่ได้ยืนยันเกี่ยวกับคำพูดของประธานาธิบดีเซเลนสกี แต่ระบุว่า นางเร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอินโดนีเซีย กำลังปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเพื่อรายงานผลต่อประธานาธิบดีวิโดโด


Elon Musk ขายหุ้น Tesla มูลค่าเกือบ 4 พันล้านดอลลาร์ หาเงินจ่าย Twitter ส่วนที่ค้างอยู่

29 เม.ย. 2565: Elon Musk ผู้บริหารระดับสูงของ Tesla ขายหุ้นมูลค่าเกือบ 4.4 ล้านหุ้น คิดเป็นเงินกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรืออัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยประมาณ 1.4 แสนล้านบาท เพียงไม่กี่วันหลังจากที่เขาตกลงซื้อ Twitter

จากการเปิดเผยของสำนักข่าว BBC ระบุว่าการขายหุ้นดังกล่าวนั้นได้นำไปสู่การเก็งกำไรว่าจะช่วยในการจัดหาเงินทุนที่วางแผนไว้ 44 พันล้านดอลลาร์จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

คณะที่คณะกรรมการของ Twitter ตกลงเมื่อวันจันทร์ที่จะยอมรับข้อเสนอซื้อกิจการจาก Elon Musk

ขณะที่ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นเทสลาปรับตัวร่วงลงอย่างรวดเร็วเมื่อต้นสัปดาห์นี้จากความกังวลว่า Elon Musk จะขายหุ้นบางส่วนของเขาในบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เพื่อเป็นทุนในการทำข้อตกลง

อย่างไรก็ตาม เขาทวีตว่าเขาไม่มีแผนที่จะขายหุ้นของเขาในผู้ผลิตรถยนต์อีกต่อไป

การแจ้งต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า Elon Musk ขายหุ้นเทสลาจำนวน 4.4 ล้านหุ้นในวันอังคารและวันพุธ ซึ่งทำให้ราคาหุ้นของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า TESLA ลดลง 2.6% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ ซึ่งนี่ถือเป็นการขายหุ้นเทสลาครั้งแรกของเขานับตั้งแต่เขาขายหุ้นมูลค่า 16.4 พันล้านดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมปีที่แล้ว ขณะเดียวกันหุ้นของเทสลาก็ปรับตัวลดลงประมาณ 20% นับตั้งแต่ Elon Musk เปิดเผยเมื่อต้นเดือนนี้ว่าเขาได้ซื้อหุ้น 9.2% ในทวิตเตอร์

โดยในวันอังคารเพียงวันเดียวราคาหุ้น TESLA หายไปกว่า 125 พันล้านดอลลาร์จากมูลค่าตลาดหุ้นของผู้ผลิตรถยนต์ หลังจากที่คณะกรรมการของ บริษัท โซเชียลมีเดียยอมรับข้อเสนอการเข้าซื้อกิจการของเขา โดย Elon Musk กล่าวว่าเขาจะจ่ายส่วนที่เหลืออยู่มูลค่า 21 พันล้านดอลลาร์เพื่อบรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการมูลค่า 44 พันล้านดอลลาร์

นักลงทุนกังวลว่าเขาอาจต้องขายหุ้นของเทสลาเพื่อช่วยในการซื้อกิจการ

นายมัสก์เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าสุทธิเกือบ 250,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่มาจากการถือหุ้นในเทสลาของเขา นอกจากนี้ เขายังถือหุ้นมากกว่า 40% ในบริษัทจรวด SpaceX ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์

ป.ป.ส.สหรัฐฯ รวบผู้นำ “หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน” ค้าโคเคน-ฟอกเงิน !

29 เม.ย.65 : บีบีซี รายงานว่า สำนักงานปราบปรามยาเสพติด (ดีอีเอ) สหรัฐอเมริกา จับกุม นายแอนดรูว์ ฟาฮี มุขมนตรีหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ดินแดนอาณานิคมอังกฤษ พร้อม นางโอลีนวิน เมย์นาร์ด กรรมการผู้จัดการท่าเรือหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน และ นายคาดีม ลูกชายนางเมย์นาร์ด เมื่อวันที่ 28 เม.ย.

ในข้อหาลักลอบขนโคเคนมากกว่า 5 กิโลกรัมเข้าสหรัฐฯ และฟอกเงิน ที่สนามบินในไมอามี รัฐฟลอริดา หลังนายฟาฮียอมรับเงิน 700,000 ดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 24 ล้านบาท) จากเจ้าหน้าที่ดีอีเอที่ปลอมตัวเป็นนักค้ายาเม็กซิกันแก๊งซีนาโอลา ซึ่งเป็นผู้จัดหายาเสพติดรายใหญ่สุดแก่ตลาดสหรัฐฯ และเคยมีเจ้าพ่อยาอย่าง

โฆอากิน “เอล ชาโป” กุซมัน ซึ่งตอนนี้ถูกจองจำแลกกับการส่งโคเคนจากท่าเรือหมู่เกาะบริติชเวอร์จินไปเปอร์โตริโก ดินแดนสหรัฐฯ ในทะเลแคริบเบียน และจะส่งต่อไปไมอามีและนิวยอร์ก

ตามคำฟ้องทางอาญาที่ยื่นในศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ดีอีเอดำเนินการสอบสวนตั้งแต่เดือนต.ค. 64 ตามข้อมูลจากผู้แจ้งเบาะแส ซึ่งอ้างการนัดพบกับนายฟาฮี

ขณะที่ ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ตกใจกับข้อกล่าวหาดังกล่าวต่อผู้นำ และจัดการพูดคุยกับนายจอห์น แรนคิน ผู้สำเร็จราชการหมู่เกาะบริติชเวอร์จินที่รัฐบาลอังกฤษแต่งตั้ง เพื่อจัดการประชุมฉุกเฉินของคณะรัฐมนตรีของเย็นวันเดียวกันนั้น