4ก.ย.2558 ที่รัฐสภา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้เดินทางมายังรัฐสภา พร้อมกับมีการนำซออู้มาสีต่อหน้าสื่อมวลชน จากนั้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนเล่นซออู้ไม่เป็น ไปเล่นให้ประชาชนฟังก็ไม่รู้เรื่อง แต่แม้ว่าตนเล่นไม่เป็น ถ้าคนข้างบนบอกว่าเล่นดีก็ดี มาครั้งนี้ตนแค่อยากบอกความรู้สึกเท่านั้น เพราะเชื่อฟังคำสั่งคสช. ที่ห้ามไม่ให้เคลื่อนไหวเพราะตนยังเป็นหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ตนสีซอให้ประชาชนฟังทั้งๆที่รู้ว่าเล่นไม่เป็น
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า วันนี้ตนมาแค่แสดงสัญลักษณ์ ส่วนเรื่องร่างรัฐธรรมนูญที่จะโหวตในวันที่ 6 ก.ย. นี้ จะโหวตอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านไปจนถึงประชามติ ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเสี่ยงเอง เพราะการทำประชามติเป็นช่องทางของประชาชนในการแสดงความเห็น หากไม่ผ่านถือเป็นความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวง เพราะอาจส่งผลลบ สร้างความเสียหาย ดังนั้นรัฐบาลต้องรับผิดชอบเอง หรือแม้ว่าวันที่ 6 ก.ย.นี้จะโหวตไม่ผ่านก็ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ร่าง เหมือนเดินหน้าติดกึกถอยหลังติดกัก และจะมาอ้างประชาชนไม่ได้เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
จากเหตุการณ์ระเบิดบริเวณลานบวงสรวงท่านท้าวมหาพรหม ใกล้สี่แยกราชประสงค์ เมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมาจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 22 ราย และบาดเจ็บกว่า 100 ราย กระทั่งวันถัดมา (18 ส.ค.) ได้เกิดเหตุระเบิดซ้ำรอยอีกครั้ง บริเวณท่าน้ำสาทร แต่ครั้งนี้โชคดีไม่มีใครได้รับอันตราย และจากการตรวจสอบภายหลังพบว่า เป็นระเบิดชนิดเดียวกับลูกแรกที่แยกราชประสงค์
อย่างไรก็ตาม การติดตามสืบสวนคดีมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของตำรวจอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องสงสัยที่ควบคุมตัวไว้จำนวน 3 ราย คือ 1.นายอาเดม คาราดัก ถูกจับได้ที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์เขตหนองจอก เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2558 2.นายยูซุฟู มีไรลีซ ถูกจับได้ที่อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา และ 3.นายกามารุเด็ง สาเหาะ อายุ 38 ปี ชาวจ.นราธิวาส โดยเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้ที่บ้านพัก ใน อ.สุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา
อาเดม - ยูซุฟู - กามารุเด็ง
ขณะเดียวกัน จากผลการสอบปากคำผู้ต้องสงสัย และพยานบุคคลต่างๆ ประกอบกับภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิด ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถออกหมายจับผู้ต้องสงสัยได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 9 หมาย (ณ วันที่ 3 ก.ย.) ประกอบด้วย
วันที่ 19 ส.ค. ศาลอาญากทม.ใต้ ออกหมายจับ "ชายเสื้อเหลืองต่างชาติ" ไม่ทราบชื่อตามภาพสเก็ตช์ข้อหาประกอบด้วย ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธ (วัตถุระเบิด)ไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ จากกรณีเหตุระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์
วันที่ 28 ส.ค. ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้มีการอนุมัติหมายจับ "ชายสวมเสื้อฟ้า" ต้องสงสัยก่อเหตุระเบิดบริเวณท่าเรือสาทร ลักษณะเป็นชายรูปร่างสันทัด อายุประมาณ 25-30 ปี สูงประมาณ 170 เซนติเมตร ในข้อหา ครอบครองวัตถุระเบิด ทำให้เกิดระเบิด และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยเป็นการออกหมายจับตามภาพจากกล้องวงจรปิด
วันที่ 31 ส.ค. ศาลจังหวัดมีนบุรีประกอบด้วย น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเลาะ ชาวพังงาอายุ 26 ปี ซึ่งเป็นผู้เช่าห้องพักในอาคารไมมูณา การ์เด้นโฮม ซอยราษฎร์อุทิศ 25/8 ย่านมีนบุรี และชายต่างชาติไม่ทราบชื่อและสัญชาติ ฐานร่วมกันครอบครองยุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาต
วันที่ 1 ก.ย. ศาลจังหวัดมีนบุรี ออกหมายจับ นายอาลิ โจลัน สัญชาติตุรกี ตามภาพสเก็ตช์คนร้ายที่ 0357/58 นายอาฮ์เม็ท โบซองแลน และชายชาวตุรกีไม่ทราบชื่อตามภาพสเก็ตซ์คนร้ายที่ 0367/58 ในข้อหา ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง โดยผิดกฎหมาย
และออกหมายจับผู้ต้องหาต่อศาลจังหวัดมีนบุรีเพิ่มอีก 1 คนคือ นายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู สัญชาติตุรกี เลขที่ จ.806/2558 ลงวันที่ 1 ก.ย.2558 ข้อหาร่วมกันมีซึ่งยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งผู้ต้องหารายนี้เป็นสามีของ น.ส.วรรณา สวนสัน อยู่ในกลุ่มจัดที่พักให้กลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด
วันที่ 3 ก.ย. ศาลจังหวัดมีนบุรี ได้ออกหมายจับ นายยูซุฟู มีไรลี สัญชาติจีน เชื้อชาติจีน ผู้ต้องหาที่จับกุมตัวได้ที่ชายแดนไทยกัมพูชา บริเวณจังหวัดสระแก้ว ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานเป็นผลการตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ต้องหาไปตรงกับลายนิ้วมือแฝงบนขวดบรรจุสารระเบิดที่พบในห้องพักย่านหนองจอก
จากกรณีตำรวจรวบมือปืนยิง "สมยศ สุธางค์กูร" อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่เมืองหลวง เสียชีวิต บริเวณลานจอดรถเฮงหูฉลาม ย่านพัฒนาการ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา สารภาพ "อาจารย์" ผู้มีบุญคุณว่าจ้างสังหาร 3 หมื่น มีเพื่อนร่วมทีมอีก 3 คน ตร.เร่งขยายผลตามจับทีมฆ่าที่เหลือและผู้บงการ โดยชนวนเหตุมาจากเรื่องทวงหนี้นั้น
เวลา 10.00 น. วันที่ 3 ก.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร แถลงการจับกุม นายภานุพงษ์ หรือ แจ้ รัสนา อายุ 32 ปี มือปืน ผู้ต้องหายิงนายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าพ่อคาเฟ่
โดยพล.ต.อ.สมยศ ระบุว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 29 มิ.ย. ขณะที่นายสมยศ จะขึ้นรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทะเบียน รร 3636 กรุงเทพมหานคร เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถหลังร้านเฮง หูฉลาม ถนนพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง คนร้าย คือ นายภานุพงษ์ ได้ยิงนายสมยศจนเสียชีวิต และหลบหนีไป เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวได้ เนื่องจากมีการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดแกะรอยพบช่องทางการหลบหนี ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าผู้มีพระคุณมาติดต่อให้ไปยิงนายสมยศ ส่วนตัวก็ไม่รู้จักนายสมยศมาก่อน ได้รับการว่าจ้างในราคา 3 แสนบาท รับเงินไปก่อน 3 หมื่นบาท และเมื่อทำงานสำเร็จได้รับไปอีก 2 แสน 7 หมื่นบาท มีผู้ร่วมขบวนการอีกประมาณ 4 คน
ด้านนายภาณุพงศ์ ผู้ต้องหา รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือยิงนายสมยศ จริง โดยได้รับค่าจ้างครั้งแรก 3 หมื่นบาท และภายหลังได้ค่าจ้างเพิ่มอีก 2 แสน 7 หมื่นบาท และยืนยันไม่รู้จักนายสมยศมาก่อน และไม่รู้สาเหตุความขัดแย้ง แต่ผู้ว่าจ้างเคยเลี้ยงดูตัวเอง จึงยอมทำงานให้เพื่อทดแทนบุญคุณ และก่อนเกิดเหตุมีบุคคลพาไปดูลาดเลา ก่อน 1 ครั้ง พร้อมจัดหาปืนให้ และนายหนู คนขี่รถจักรยานยนต์เป็นผู้ชี้เป้า และหลังก่อเหตุได้นำปืนไปทิ้งที่แม่น้ำเจ้าพระยา
โดยพล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการปราบปราม ได้ควบคุมตัวนายชม ไชยณรงค์ หรือ อาจารย์ อายุ 52 ปี ที่นายภาณุพงศ์ระบุว่าเป็นคนให้มาก่อเหตุดังกล่าว มาแถลงข่าวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจับกุมนายชมได้ที่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอุฉกรรจ์หลายคดี และมีประวัติเกี่ยวข้องกับคดี อุ้มฆ่า 2 แม่ลูกตระกูลศรีธนขัณฑ์
และจากการสอบสวนนายชม ได้สารภาพว่าได้รับงานให้จัดหามือปืนยิง นายสมยศ ซึ่งได้ค่าจ้าง 1 ล้านบาท โดยตัวเองได้เงินส่วนแบ่ง 1 แสนบาท ก่อนจะไปว่าจ้างนายภาณุพงศ์ มือปืน ไปก่อเหตุ โดยสอบสวนทราบว่าสาเหตุการจ้างวานฆ่าในครั้งนี้ เบื้องต้นมีมูลเหตุมาจากการหักหลังเรื่องเงินมูลค่าหลายล้านบาท เกี่ยวกับการวิ่งเต้นคดียาเสพติด
ทั้งนี้ จากการสอบสวน นายภานุพงษ์ ให้การรับสารภาพด้วยว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 วัน นายกฤษฎา หรือนก ใจเอม ได้ติดต่อมาเพื่อขอให้ไปช่วยทวงหนี้กับนายสมยศ แต่ไม่ทราบว่าเป็นหนี้อะไร หลังจากนั้นไม่นานก็ได้เดินทางไปพบนายชม หรืออาจารย์ ซึ่งทราบว่าเป็นอดีตผู้คุมของเรือนจำแห่งหนึ่ง ที่โรงแรมคอนเทรนเนอร์รีสอร์ท ถ.เลียบคลองสอง ปทุมธานี เมื่อไปถึงนายชมกลับบอกว่าไม่ต้องไปทวงหนี้แล้ว ถึงทวงเขาก็ไม่ให้ แต่ขอให้ไปยิงแทน โดยให้ค่าจ้าง 3 แสนบาท คืนต่อมาได้เข้าไปพักที่โรงแรมบ้านสวนรีสอร์ท เพื่อร่วมวางแผนในการสังหาร
นายภาณุพงษ์ ให้การต่อว่า วันเกิดเหตุ ได้นั่งรถแท็กซี่มาลงที่สนามกีฬาหัวหมาก เพื่อมาพบนายชม ที่ได้มอบปืนลูกโม่ ขนาด .38 พร้อมรูปถ่ายนายสมยศ และเงินค่าจ้างก้อนแรก 3 หมื่นบาท ก่อนที่จะพบกับนายหนู ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ซึ่งจะเข้ามารับหน้าที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อพาหลบหนี
หลังจากนั้นวางแผนเสร็จแล้ว นายหนูได้ขี่รถจักรยานยนต์พาไปที่ร้านเฮงหูฉลาม ถ.พัฒนาการ เมื่อเห็นนายสมยศเดินออกมาจากร้านไปที่รถ นายภานุพงษ์ก็เข้าไปใช้อาวุธปืนยิงนายสมยศที่ด้านหลัง 2 นัด เมื่อนายสมยศกลับมามอง จึงยิงไปที่บริเวณใบหน้า 1 นัดจนล้มลง และยังยิงซ้ำที่หัวอีก 1 นัด รวม 4 นัด หลังเกิดเหตุนายหนูได้ขับรถพาหลบหนี และนำรถจักรยานยนต์ไปจอดทิ้งไว้ที่บริเวณซอยรามคำแหง 24 แยก 2 ก่อนหลบไปบ้านพักย่านหนองแขม เพื่อเผากระเป๋าสะพาย เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันเกตุเหตุ แล้วนำปืนที่ใช้ก่อเหตุ ไปโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่บริเวณกลางสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ก่อนถูกจับกุมดังกล่าว
ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัตินายภาณุพงษ์ ยังทราบด้วยว่าเคยถูกดำเนินคดีในคดีลักทรัพย์ และข้อหา เสพยาเสพติด ของท้องที่ สน.บางขุนนนท์ อีกด้วย
สำหรับคนร้ายกลุ่มนี้มีผู้ร่วมขบวนการ 5 คนประกอบไปด้วย นายภาณุพงษ์ มือปืนก่อเหตุ นายชม ไชยณรงค์ ผู้ใช้จ้างวาน นายกฤษฎา หรือนก ใจเอม ผู้รับงาน นายหนู ผู้ขี่รถจยย.ในวันก่อเหตุ นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 1 คน ซึ่งเป็นคนใกล้ชิด และเป็นคนชี้เป้า ที่อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลจับกุมต่อไป
โดยวันนี้เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และขยายผลติดตามจับกุมคนร้ายที่เหลือ โดยนำตัวมาทำแผน จุดแรก จุดทิ้งปืน กลางสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า มุ่งหน้า ฝั่งพระนคร
25 สิงหาคม ซานตา แอนนา สำนักงานออเร้นจ์เค้าน์ตี้บอร์ดออฟซุปเปอร์ไวเซอร์ (คณะกรรมการบริหารออเร้นจ์ เค้าน์ตี้) ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมการบริหารที่มาจากการเลือกตั้งทั้ง 5 เขต 5 คน ในออเร้นจ์ เค้าน์ตี้ ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ จากการเสนอของซุปเปอร์ไวเซอร์ มิเชล สตีล แต่งตั้งให้
Tanya Kiatkulpiboon ทันย่า เกียรติกูลไพบูลย์ ว่าที่ประธานสมาคมทนายความไท อเมริกัน (Thai American Bar Association,TABA) เป็นกรรมาธิการ Community Action Partnership of Orange County
กรรมาธิการชุดนี้มีหน้าที่ปรับปรุง พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ที่มีรายได้น้อย โดยมีเงินอุดหนุนของรัฐ และของรัฐบาลกลาง ตลอดจนส่งเสริมให้ครอบครัวของผู้มีรายได้น้อยได้มีโอกาสส่งบุตรหลานได้เข้าศึกษา เพื่อพัฒนาเพิ่มพูนความรู้ความสามารถเพื่อสามารถดำรงชีวิตได้โดยการพึ่งตัวเอง
นอกเหนือจากนี้ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2558 คณะกรรมการบริหารของออเร้นจ์ เค้าน์ตี้ ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ จากการเสนอของซุปเปอร์ไวเซอร์ มิเชล สตีล แต่งตั้งให้
Alisa Chatprapachai อลิสา ฉัตรประภาชัย) Doctorate, Occupational Therapy (USC) )
เป็นกรรมาธิการ Orange County Mental Health Board
กรรมาธิการชุดนี้มีหน้าที่หลักในการเสนอ แนะนำ ตลอดจนพัฒนาปรับปรุงคุณภาพในการรักษาประชาชนที่มีปัญหาทางจิตในเค้าน์ตี้ ให้กับคณะกรรมการบริหารของออเร้นจ์ เค้าน์ตี้ บอร์ดออฟซุปเปอร์ไวเซอร์ และผู้อำนวยการกรมสุขภาพจิตของเมืองต่างๆ ในเค้าน์ตี้อีกด้วย
มิเชลมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ไทยได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่น และเป็นตัวแทนประชาชนในเค้าน์ตี้ ตลอดจนมีโอกาสเข้าเรียนรู้ เข้าใจถึงระบบการเมืองของรัฐบาลอีกด้วย
ศาลพิพากษาประหารชีวิต 4 ชายฉกรรจ์ ยิงเอ็ม 79 ถล่ม กปปส.ที่บิ๊กซี ราชดำริ จนมีผู้เสียชีวิต 3 ราย รวมทั้งเด็ก 2 พี่น้องที่ตายคารถตุ๊กตุ๊ก แต่จำเลยสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต...
เมื่อวันที่ 4 ก.ย.58 ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้นัดฟังคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทวีชัย วิชาคำ อายุ 39 ปี นายสุนทร ผิผ่วนนอก อายุ 49 ปี นายสมศรี มาฤทธิ์ อายุ 40 ปี และนายชัชวาล ปราบบำรุง อายุ 45 ปี จำเลย ในความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ใช้วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่ได้ออกให้พกพาอาวุธในที่ทางสาธารณะ และข้อหาอื่นๆ รวม 8 ข้อหา
จากกรณี เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2557 ที่ผ่านมาจำเลยร่วมกัน ใช้อาวุธเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ใส่บริเวณหน้าห้างบิ๊กซี สาขาราชดำริ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน ซึ่งมี ด.ญ.พัชราภรณ์ ยศอุบล หรือน้องเค้ก และด.ช.กรวิชช์ น้องชายอายุ 5 ขวบ ที่เสียชีวิตขณะนั่งในรถสามล้อเครื่องรวมอยู่ด้วย มีผู้บาดเจ็บอีก 21 ราย
คดีนี้ พนักงานสอบสวนโดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร.ในขณะนั้นสืบสวนจนเชื่อว่าเป็นกลุ่มจำเลย จึงจับกุมตัวมาสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธในชั้นจับกุม แต่รับสารภาพในชั้นสอบสวน ในวันนี้จำเลยถูกคุมตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อฟังคำพิพากษา
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า คำให้การและหลักฐานที่จำเลยได้นำมาอ้าง ไม่สามารถหักล้างกับหลักฐานที่โจทก์นำมายื่นฟ้องได้ และตามกฎหมายความผิดดังกล่าว คือต้องประหารชีวิตสถานเดียว แต่จำเลยได้ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุกตลอดชีวิต พร้อมออกหมายขัง
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 245 ถ้าจำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ส่งให้ศาลอุทธรณ์พิพากษา และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถือเป็นที่สุด.