ข่าว
เศร้า! ว่าที่ลูกสะใภ้นายกฯแอลเบเนีย ดับยกครัวในเหตุแผ่นดินไหว

29 พ.ย.62 จากกรณีเมื่อเช้าวันอังคารที่ผ่านมา (26 พ.ย.) เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 6.4 เขย่าเมืองดูร์เรส เมืองท่าท่องเที่ยว ห่างจากกรุงติรานา เมืองหลวงของแอลเบเนีย ประมาณ 36 กิโลเมตร นับเป็นเหตุแผ่นดินไหวเลวร้ายที่สุดในรอบ 40 ปี ของแอลเบเนีย ขณะที่ทางการระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 41 คนแล้ว โดยส่วนใหญ่เสียชีวิตจากอาคารพังถล่มทับลงมา

ขณะเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หนึ่งในครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้คือ คริสตี เรซี คู่หมั้นของ นายเกรกอร์ รามา ลูกชายนายกรัฐมนตรีเอดิ รามา แห่งแอลเบเนีย ซึ่งสำนักงานของนายกรัฐมนตรี ออกมายืนยันว่า คริสตี เรซี เสียชีวิตพร้อมกับพ่อแม่และน้องชายของเธอ

ก่อนหน้านี้ นายเกรกอร์ รามา ได้โพสต์เรื่องราวลงในอินสตาแกรม “ในกลุ่มผู้เสียชีวิตมากมายในโศกนาฏกรรมครั้งนี้ มีบุคคลที่ใกล้ชิดที่สุดของผม รวมไปถึงพี่ชาย, แม่ และพ่อ ของเธออยู่ด้วย พวกเขาถูกพบอยู่ใต้ซากปรักหักพัง”

ล่าสุด วานนี้ (28 พ.ย.) เมื่อช่วงบ่ายมีรายงานแผ่นดินไหวขนาด 5.0 ใกล้กับเมืองธูเมน ทำให้ผู้คนที่อยู่ในเมืองที่อยู่ใกล้เคียง พยายามหลบหนีออกจากเมือง รวมถึงคนไข้ในโรงพยาบาลก็วิ่งหนีออกมา เพราะพบรอยแตกที่ผนังอาคารของโรงพยาบาล

ชักจะยุ่ง! 'อนุทิน'แนะตีความประเด็นยืดแบนสารเคมีให้ชัด หลังคลุมเครือปมไร้มติ

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2562 ที่ให้เลื่อนการแบนสารเคมีทางการเกษตรว่า ทราบว่ารศ.ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการวัตถุอันตรายประกาศลาออก โดยบอกว่า ที่ประชุมไม่ได้มีการลงมติ แต่ขณะนี้อย่าเพิ่งไปโทษใคร เพราะตนก็เจอนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ก็บอกว่า เข้าใจว่าการที่พูดแล้วไม่มีคนโต้แย้ง น่าจะเป็นมติได้ โดยนายสุริยะได้พูดในสิ่งที่อยากให้เป็น แต่ตนมองว่าสมัยก่อนอาจจะได้ ยุคนี้มันไม่ได้

“ผมได้เรียนท่านสุริยะไปว่า อยากให้โหวตเลย อย่าเกรงใจ เพราะคณะกรรมการที่เห็นต่างอาจมองว่า คนระดับรัฐมนตรีมาเป็นประธานเลยไม่กล้าพูดอะไร ต่างคนต่างเข้าใจผิด อีกทั้งเลขานุการคณะกรรมการวัตถุอันตรายควรทำบันทึกถึงประธาน เนื่องจากมีความสุ่มเสี่ยง เพราะถ้าตีความว่า ไม่มีการลงมติ แปลว่ามติวันที่ 22 ต.ค.62 ยังอยู่หรือไม่ ก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย” นายอนุทิน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการพูดคุยกับนายสุริยะ มีท่าทีจะทบทวนมติหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องดูในการประชุมครั้งต่อไป คณะกรรมการวัตถุอันตรายจะมีการยกประเด็นนี้ขึ้นมาคุยไหม เอารายงานการประชุมครั้งก่อนมาดู ถ้ารายงานระบุว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ คนที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องโต้แย้ง เพราะคนเป็นคณะกรรมการต้องรักษาสิทธิตัวเอง เราไม่ก้าวก่ายกัน แต่ถ้ามันเป็นประเด็นขึ้นมา ก็คงต้องไปหารือ และวันที่ 1 ธ.ค.นี้ เกิดไม่ประกาศขึ้นมา โดยอ้างมติที่ประชุม เดี๋ยวมีคนไปร้อง เดี๋ยวก็ยุ่งอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะคืนกรมวิชาการเกษตรที่อยู่ภายได้การกำกับดูแลของน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก่อนคืนต้องจัดการปัญหาก่อน การทำงานร่วมกันต้องมุ่งสัมฤทธิผล เป้าหมายต้องเหมือนกัน

“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาระหว่างรัฐมนตรี แต่เป็นปัญหาของน.ส.มนัญญา กับกรมวิชาการเกษตร ที่ท่านบอกว่ามอบนโยบายอะไรไปก็ไม่ทำ ก็ต้องไปดูว่าทำไมไม่ทำ เราต้องฟังเหตุผลทั้งสองฝ่าย” นายอนุทิน กล่าว


'ไทย-ฮ่องกง'ร่วมยกระดับพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรม

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ นางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมเป็นประธานการประชุมระดับสูงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างไทย - เขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ครั้งที่ 1 โดยมีคณะรัฐมนตรีประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง , นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วมด้วย สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายสมคิด แสดงความยินดีต่อการเยือนไทยครั้งนี้ของผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นและความสัมพันธ์ที่มีพลวัตระหว่างกัน ทั้งนี้ ไทยให้กำลังใจและหวังว่ารัฐบาลฮ่องกงจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ในฮ่องกงด้วยดี รวมถึงเชื่อมั่นว่าด้วยพื้นฐานที่มั่นคงทางเศรษฐกิจและศักยภาพของฮ่องกง จะทำให้ฮ่องกงแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่าการประชุมฯ ครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการกำหนดแนวทางและเป้าหมายของความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งนับเป็นมิติใหม่ในความสัมพันธ์ ไทย - ฮ่องกง เนื่องจากจะเป็นกลไกเชิงนโยบายที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมหารือกัน โดยที่ประชุมฯ เห็นพ้องส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ ดังนี้

p<>1.ด้านการค้าและการลงทุน ทั้งสองฝ่ายยืนยันว่าจะร่วมมือกันผลักดันให้มูลค่าการค้าไทยและฮ่องกงบรรลุเป้าหมาย 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2563 ตามที่ทั้งสองฝ่ายได้ตั้งเป้าไว้ เมื่อปี 2560 พร้อมทั้งเริ่มหารือในเบื้องต้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย - ฮ่องกง และการปรับปรุงความตกลงว่าด้วยการคุ้มครองการลงทุนของภาคเอกชนให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน

2.ด้านการลงทุนและการโยกย้ายฐานการผลิต ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนในการสร้างเครือข่าย การแลกเปลี่ยนการเยือน และการร่วมกิจกรรมระหว่างกัน โดยมุ่งยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการทั้งสองฝ่าย

3.ด้านการเงิน ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันขับเคลื่อนการเชื่อมโยงตลาดหลักทรัพย์และตลาดทุนของกันและกัน ผ่านผลิตภัณฑ์การลงทุนชนิดใหม่ๆ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลการตลาด โดยเฉพาะการทำ regulatory mapping ซึ่งจะปูทางไปสู่ผลิตภัณฑ์ด้านการเงินใหม่ๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์การลงทุนสีเขียว (ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม)

4.ด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยที่คนไทยและฮ่องกงต่างมี "พลังแห่งความสร้างสรรค์" (creative power) อยู่มาก อาทิ ในด้านภาพยนตร์ ละคร โฆษณา การออกแบบ สองฝ่ายจึงจะร่วมกันพัฒนาและเสริมสร้างให้มีการใช้พลังนั้นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะมีการจัดทำแผนงานร่วมกันต่อไป

5.ด้านการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (Start-up) ด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างระบบนิเวศของการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม และได้รับทราบถึงพัฒนาการที่เป็นรูปธรรมระหว่าง Hong Kong Cyberport และ Innospace Thailand และแสดงความพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือในลักษณะดังกล่าวให้มีมากยิ่งขึ้น โดยจะร่วมกันสนับสนุนการดำเนินการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ การทำวิจัยร่วม เพื่อส่งเสริมให้ Start-up เข้าสู่ตลาดโลกได้ง่ายขึ้น

ในตอนท้าย ทั้งสองฝ่ายยืนยันความพร้อมในการร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเชื่อมั่นว่าการประชุมฯ ในวันนี้จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันในทุกมิติแก่ทั้งไทยและฮ่องกง รวมทั้งภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม

โดยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมฯ รองนายกรัฐมนตรีและผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลไทย กับรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน และร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงต่างๆ อีก 5 ฉบับ ได้แก่

1.บันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์กับศูนย์การออกแบบฮ่องกง

2.บันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์กับสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง

3.บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับสหพันธ์อุตสาหกรรมฮ่องกง

4.บันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทยกับสหพันธ์อุตสาหกรรมฮ่องกง

5.บันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติกับอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฮ่องกง

จากนั้น นายสมคิด และผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ได้ร่วมกันแถลงข่าว ณ โถงกลางตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล


สายกัญชงเฮ! 'อนุทิน'ลงนามประกาศกระทรวงให้เกษตรกรปลูกได้มากขึ้น

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเปิดการประชุมเสวนาผ่าทางตัน การใช้กัญชาเสรีทางการแพทย์ ว่า ตนได้ลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกัญชง เพิ่มเติมและแก้ไขกฎหมายกัญชา ซึ่งจะมีผลให้ เกษตรกรที่ลงทะเบียนไว้สามารถปลูกกัญชงได้มากขึ้น เพื่อปลูกใช้ประโยชน์จากสาร CBD

"ส่วนเรื่องการปลูกกัญชา 6 ต้นยังอยู่ในสภาฯ โดยยืนยันทั้งหมด เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ส่วนรายละเอียดคงต้องถามเลขาธิการอย. สำหรับความต้องการน้ำมันกัญชาในขณะนี้ เนื่องจากมีคลินิกกัญชา แต่น้ำมันกัญชาในสูตรอ.เดชา ยังไม่เพียงพอ ต้องมีการผลิตเพิ่ม"นายอนุทิน กล่าว

จีนโวยสหรัฐชั่วร้าย หลังทรัมป์ลงนามร่างกม.ฮ่องกง

ปักกิ่ง/วอชิงตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - กระทรวงต่างประเทศจีนระบุว่า สหรัฐมีเจตนาชั่วร้ายและแผนการของสหรัฐจะต้องล้มเหลว หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ลงนามร่างกฎหมายประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนฮ่องกงและร่างกฎหมายห้ามจำหน่ายอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนให้แก่ฮ่องกง

กระทรวงต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวมีแต่จะทำให้ชาวจีนรวมทั้งเพื่อนร่วมชาติในฮ่องกงเข้าใจเจตนาชั่วร้ายและนิสัยชอบครอบงำของสหรัฐได้ดียิ่งขึ้น และมีแต่จะทำให้ชาวจีนร่วมใจกันมากขึ้นและทำให้แผนการของสหรัฐล้มเหลว ฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของจีนตามนโยบายหนึ่งประเทศสองระบบ เรื่องราวของเขตบริหารพิเศษนี้จึงเป็นเรื่องภายในของจีน และชาวฮ่องกงมีประชาธิปไตยมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน สหรัฐกำลังสร้างความจริงลวง นำความถูกผิดมาผสมปนเป ประกาศตัวสนับสนุนอาชญากรใช้ความรุนแรงบ้าคลั่งให้ทำลายทรัพย์สิน ใช้ความรุนแรงกับพลเมืองผู้บริสุทธิ์ และก่อกวนความสงบสุขของฮ่องกง ขอแนะนำสหรัฐว่าอย่าดำเนินการตามอำเภอใจ ไม่เช่นนั้นจีนจะตอบโต้อย่างหนักและสหรัฐจะต้องรับผลที่เกิดขึ้นทั้งหมด

ด้านแถลงการณ์ของสำนักงานประสานงานฮ่องกงของจีนเผยแพร่ทางออนไลน์ว่า ขอแจ้งให้สหรัฐและนักการเมืองฝ่ายค้านเพียงหยิบมือในฮ่องกงที่เดินตามการนำของสหรัฐทราบอย่างเป็นทางการว่า อย่ามองข้ามความมุ่งมั่นของจีนในการปกป้องความมั่งคั่งและมั่นคงของฮ่องกง อย่ามองข้ามความศรัทธาของจีนที่จะปกป้องนโยบายหนึ่งประเทศสองระบบ และอย่ามองข้ามศักยภาพและยุทธศาสตร์ของจีนในการปกป้องอธิปไตย ความปลอดภัย การเติบโตและสิทธิของประเทศจีน ส่วนแถลงการณ์ของรัฐบาลฮ่องกง ซีเอ็นบีซีแปลว่า รัฐบาลฮ่องกงขอคัดค้านอย่างแข็งขันต่อการทำให้ร่างกฎหมายสองฉบับนี้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายและเสียใจอย่างยิ่งที่สหรัฐยังคงเพิกเฉยต่อความกังวลของฮ่องกง ร่างกฎหมายทั้งสองฉบับนี้เป็นการแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกงอย่างชัดเจน ไร้ความจำเป็นและไร้เหตุผล อีกทั้งจะทำลายความสัมพันธ์และผลประโยชน์ระหว่างฮ่องกงกับสหรัฐด้วย

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในกฎหมายสนับสนุนสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในฮ่องกง หลังวุฒิสมาชิกและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐต่างเห็นชอบกับกฎหมายฉบับนี้ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุด้วยว่า เขาลงนามในกฎหมายฉบับนี้ด้วยความเคารพต่อประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน และประชาชนชาวฮ่องกง และหวังว่าจีนและฮ่องกงจะสามารถยุติความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้อย่างสันติ เพื่อนำไปสู่สันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสอง

ขณะเดียวกัน ตำรวจฮ่องกงนำกำลังเข้าเคลียร์พื้นที่มหาวิทยาลัยโปลีเทคนิคฮ่องกง หรือโปลียูในฝั่งเกาลูนแล้วเมื่อวันที่ 28 พ.ย. เพื่อตรวจหาระเบิดเพลิง และวัตถุอันตรายอื่นๆ ที่ผู้ประท้วงทิ้งไว้ หลังถูกผู้ประท้วงยึดมาตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. และเป็นสังเวียนการปะทะระหว่างตำรวจที่ปิดล้อมอยู่ภายนอกกับผู้ประท้วงที่ยึดมหาวิทยาลัยเอาไว้ ส่วนสภาพในมหาวิทยาลัยหลังจากผู้ประท้วงได้ทิ้งไปแล้ว ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นเน่าเหม็น ทั้งจากอาหารที่บูดเน่าในโรงอาหารและจากขยะที่ล้นถัง อีกทั้งเต็มไปด้วยอาวุธทั้งธนู ระเบิดขวด และอาวุธประดิษฐ์ อื่นๆ เป็นอาวุธ ขณะที่ผู้ประท้วงบางส่วนก็ถูกจับ บางส่วนก็มอบตัว และบางส่วนหนีรอดไป