ข่าว
คสช.ประกาศ เลิก ‘เคอร์ฟิว’

ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 64/2557 เรื่อง ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานทั่วราชอาณาจักร

ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานทั่วราชอาณาจักร ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 และได้มีการปรับลดห้วงระยะเวลาการห้ามออกนอกเคหสถาน และยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในบางพื้นที่ ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 42 /2557 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ฉบับที่ 52/2557 ลงวันที่ 3 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 ฉบับที่ 54/2557 ลงวันที่ 6 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 ฉบับที่ 56/2557 ลงวันที่ 8 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 และฉบับที่ 60/2557 ลงวันที่ 10 มิถุนายน พุทธศักราช 2557 แล้วนั้น เนื่องจากสถานการณ์โดยรวมในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศได้คลี่คลาย และไม่ปรากฏสิ่งบอกเหตุ อันจะนำไปสู่การเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง

ดังนั้นเพื่อเป็นมาตรการผ่อนคลาย และบรรเทาผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน รวมทั้งเพื่อเป็นมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้แก่ชาวไทย และชาวต่างประเทศ จึงให้ยกเลิกการประกาศห้ามออกนอกเคหสถาน ในพื้นที่ส่วนที่เหลือทั่วราชอาณาจักร

ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง

ประกาศ ณ วันที่ 13 มิถุนายน พุทธศักราช 2557

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

“บิ๊กตู่”ย้ำมีรัฐบาลได้เดือนกันยายนนี้

"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ชี้ ต่างชาติเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น แม้นถูกกกดัน พร้อมขอขอบคุณกำลังใจจากประชาชน ย้ำมีรัฐบาลได้เดือนกันยายนนี้

เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. เวลา 20.40 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ“คืนความสุขให้คนในชาติ”ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย รายงานความคืบการทำงานของ คสช.ในรอบสัปดาห์ว่า ด้านความมั่นคง ในเรื่องของการรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.57 เป็นต้นมา มีการประกาศกฎอัยการศึก มีการจับกุมอาวุธปืนสงคราม จำนวน 88 กระบอก ปืนเถื่อน ทั้งปืนพก ปืนลูกซอง ปืนผลิตเอง จำนวนทั้งสิ้น 1,268 กระบอก กระสุน 7,000 กว่านัด ลูกระเบิด วัตถุระเบิด 300 กว่าลูก การจับกุมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ จะยังคงเร่งดำเนินการต่อไป ส่วนการติดตามสืบสวนสอบสวน จับกุมเครือข่ายกองกำลังติดอาวุธ โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธสงครามมีความคืบหน้าไปมาก สืบทราบตรวจสอบพบเครือข่าย ทั้งผู้สนับสนุน ผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีอยู่หลายฝ่ายหลายกลุ่มด้วยกัน ทั้งในส่วนของกลุ่มการเมือง ธุรกิจผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ ซึ่งในสถานการณ์ปกติเราทำไม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าเวลานี้ ทั้งหมดจะนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก ที่ยกเลิกแล้วใน 30 พื้นที่ 25 จังหวัด เพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นการท่องเที่ยวผ่อนคลาย บรรเทาผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันประชาชน และขณะนี้กำลังพิจารณาว่าจะยกเลิกทุกพื้นที่ได้หรือไม่ ก็จะดำเนินการให้ได้โดยเร็ว ซึ่งการทำงานของเจ้าหน้าที่ จะมุ่งเน้นใช้กฎหมายปกติเป็นหลัก ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นการทำงานของเจ้าหน้าที่ และเคารพกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะทุกคนต้องเคารพกฎหมาย และกติกาของสังคม เราจะไม่ใช้กฎหมายมาสร้างความขัดแย้ง

ส่วนกิจกรรมส่งเสริมการปรองดองของมวลชนดำเนินการไปแล้ว 56 จังหวัด 319 หมู่บ้าน มีคนเข้าร่วมหลายแสนคน ชั้นต้นมีการพบปะพูดคุยกันอิสระ ปราศจากแกนนำ การชี้นำ เพื่อให้รู้ข้อเท็จจริงที่ได้ครบถ้วน ซึ่งการดำเนินงานสร้างความปรองดองระยะที่ 1 ปัจจุบันเริ่มตั้งแต่ลดความขัดแย้ง จัดกิจกรรมให้ประชาชนมาพบปะกัน โดยให้ทุกคนมีโอกาสจะรับฟังความเห็นต่าง หรือรับฟังให้ครบถ้วนทุกแง่มุม เพื่อให้เกิดการไว้วางใจกัน ลดความหวาดระแวง ในเรื่องของการให้ความยุติธรรม การบังคับใช้กฎหมายแต่เพียงพอดี จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในระบบการยุติธรรม ซึ่งประกอบไปด้วยตำรวจ อัยการ ศาล ซึ่งทุกอย่าง ต้องใช้เวลา และขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ“คืนความสุขให้คนในชาติ”ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย รายงานความคืบการทำงานของ คสช.ในรอบสัปดาห์ว่าสถานการณ์ด้านต่างประเทศ ปัจจุบันมิตรประเทศต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อเรามาตลอดก็เริ่มมีท่าทีดีขึ้น เข้าใจสถานการณ์ไทยมากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐ ยังดำเนินการตามปกติ มีการแลกเปลี่ยนติดต่อราชการระหว่างประเทศแต่ละกระทรวง กลุ่มนักธุรกิจประเทศต่างๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น ที่เชิญมาพบแล้วมีความเข้าใจมากขึ้น และมีแผนจะเชิญผู้ประกอบการของสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และยุโรปมาเพิ่มเติมในระยะเวลาใกล้นี้ เพื่อให้ทุกคนเชื่อมั่น และยังลงทุนในไทยหรือขยายความร่วมมือมากยิ่งขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้เราจะดำเนินการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของไทยกับประเทศต่างๆ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในเวทีต่างประเทศทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นด้านการทูต ภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม ทั้งภาคราชการและเอกชนอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนการเดินหน้าเรื่องการปฏิรูป ปัจจุบันระยะที่หนึ่ง ช่วง 3 เดือนแรกคืบหน้ามาก คาดว่าในระยะที่สองจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ถ้าไม่มีปัญหาแทรกซ้อนใดๆ ทั้งระยะที่หนึ่งที่สองก็น่าจะเดินไปได้อย่างที่เราต้องการเตรียมการไว้ โดยระยะที่หนึ่งเรากำหนดไว้ชัดเจนว่า น่าจะมีรัฐบาลในเดือน ก.ย. เพื่อขับเคลื่อนประเทศต่อไป สำหรับงานสภานิติบัญญัติ คงต้องเกิดขึ้นก่อน พร้อมการประกาศใช้ธรรมนูญชั่วคราวในช่วงเดือน ต.ค.

“ผมขอยืนยันกับท่านว่าตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นไปคงจะเป็นการบริหารประเทศในลักษณะเป็นรัฐบาลที่มีครม.แล้วพยายามจะขับเคลื่อนไปในทางที่ใกล้เคียงกับการบริหารราชการแบบปกติที่ผ่านมาให้ได้มากที่สุด ปัจจุบันนี้แผนต่าง ๆ การดำเนินงานต่าง ๆ ยังคงเป็นไปตามที่วางแผนไว้ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 เป็นต้นมา ทั้งนี้เป็นเพราะประชาชน ให้ความร่วมมือกับพวกเราเป็นอย่างดียิ่ง เป็นกำลังใจให้เรา เสมอมา”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการจ่ายเงินเยียวยาให้กับชาวนาว่า ก้าวหน้าไปมาก จ่ายเงินไปจำนวนทั้งสิ้นหกแสนกว่าราย ประมาณ เกือบ 70,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 79 คาดว่า จะดำเนินการแล้วเสร็จให้ทันภายในวันที่ 22 มิ.ย. 2557 ตามที่กำหนดไว้เดิม ส่วนการกำหนดแนวทางการช่วยเหลือในฤดูกาลเพาะปลูกต่อไป เราได้จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว จะเร่งรัดจัดทำมาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งขณะนี้ คสช. ได้ประชาสัมพันธ์ให้กับพี่น้องเกษตรกรทราบมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในรายละเอียดของมาตรการต่าง ๆ นั้น วันนี้กำลังอยู่ในขั้นการพิจารณาเพื่อตกลงใจและสั่งการ ซึ่งคงจะต้องครอบคลุมไปถึงผลิตผลทางการเกษตรอื่น ๆ ด้วย

“การบรรเทาความเดือดร้อนจากค่าครองชีพของประชาชน อันนี้เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก วันนี้ให้กระทรวงพาณิชย์เชิญผู้ประกอบการทั้งหมด เกี่ยวกับเรื่องสินค้าอุปโภค บริโภค ที่มีความจำเป็นพื้นฐานในการบริโภค จำนวน 205 รายการ มาร่วมประชุมโดยยืนยันว่าจะคงราคาสินค้าที่จำเป็นดังกล่าวไว้ที่ราคาเดิมต่อไปอีก 6 เดือนข้างหน้า ต้องขอบคุณอีกครั้ง ทุกส่วนช่วยกันแก้ปัญหาการผูกขาด การเอาเปรียบจากนายทุน การลดต้นทุนภาคขนส่ง การส่งเสริมการตลาด จะต้องช่วยกันในทุก ๆ ด้าน”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึง การปรับปรุงระบบบริหารราชการและแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นทั้งระบบนั้น ที่เป็นโครงสร้างใหญ่ ๆ และที่พูดกันมาประมาณ 8 – 9 เรื่องที่ต้องมีการปฏิรูป หลังจากที่มีรัฐบาลแล้ว ก็คือเดือนก.ย. คงจะไปปฏิรูปกันตั้งแต่ต.ค.เป็นต้นไป ถ้าสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ การจัดตั้ง การดำเนินการตามกฎหมายอะไรก็แล้วแต่ ก็ต้องใช้เวลาไม่ใช่ทำวันนี้พรุ่งนี้ได้ คงไม่ใช่ ก็ตามระยะเวลาที่กล่าวไว้

ตะลึงภาพคล้าย’น้ำเพชร’รองอันดับ 2หวิวว่อนเน็ต

ฮือฮาภาพอินสตาแกรม แชร์ภาพว่อนเน็ต สาวถ่ายหวิว หน้าคล้าย รองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์

จากกรณี กระแสวิพากษ์วิจารณ์ ของโซเชียลมีเดีย ที่ส่งผลโดยตรงต่อ "ฝ้าย เวฬุรีย์” ดิษยบุตร ที่แถลงประกาศสละตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 จนช็อกวงการเวทีขาอ่อน เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 9 มิ.ย. ตามที่ปรากฏเป็นข่าวมาแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 00.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ในโลกของสื่อสังคมออนไลน์ หรือ โซเชียลมีเดียเกี่ยวกับนางงามอย่างหนัก อีกครั้ง นั่นก็คือกรณีของ น.ส.สุณัณณิภาร์ กฤษณสุวรรณ หรือ น้ำเพชร ที่ได้รับตำแหน่ง รองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014

สืบเนื่องจาก ก่อนหน้านี้ ได้มี ผู้ใช้ชื่อ @amikan_amy นำรูปภาพการถ่ายแบบพริตตี้ หวาบหวาม ของสาวลักษณะคล้าย น้ำเพชร พร้อมกับตั้งข้อสังสัยต่าง ๆ โพสต์ผ่านอินสตาแกรม จนฝ่าย น้ำเพชร ออกมาชี้แจงว่า ไม่ใช่คนในรูปดังกล่าว และไม่เคยถ่ายแบบวาบหวิวแต่อย่างใด แค่เคยถ่ายพริตตี้หาเงินช่วยมารดาที่ป่วย ในระยะสั้น ๆ เท่านั้น

นอกจากนี้ ฝ่ายรองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 ยังได้โพสต์อินสตาแกรม โต้กลับผู้ใช้ชื่อ @amikan_amy และ คนที่คิดว่า ตัวเองไปถ่ายแบบหวิวนั้นจริง ๆ ว่า ...“ข่าวลือมักถูกสร้างโดยคนที่เกลียด ส่งต่อโดยคนที่ไม่คิด และถูกเชื่อโดยคนหูเบา”

แต่ ล่าสุด ช่วงบ่ายของวันที่ 12 มิ.ย. ฝ่าย @amikan_amy ได้โพสต์ภาพสาวหน้าคล้ายสาวน้ำเพชร ออกมาอีกหลายรูป

ซึ่งมีลักษณะ วาบหวาม มากกว่าครั้งก่อน บางรูปจำเป็นต้องปิดบัง หรือ เซ็นเซอร์ พร้อมโพสต์ ข้อความบางส่วน ที่คล้ายการประชดประชัน ว่า...“เรียนเชิญคณะกรรมการกองประกวด mut 2014 มาดูผลงานรองอันดับ 2 พวกคุณทำถูกแล้วเหมาะสมที่สุด ถ้าคิดว่าดีก็ทำต่อไป ขอปรบมือให้เกียรติกับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ รัว ๆ ”

โดยรูปภาพพร้อมข้อความดังกล่าว ได้ถูกนำไปแชร์กันอย่างแพร่หลาย จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา เกี่ยวกับ "น้ำเพชร" รวมทั้ง กองประกวด อีกครั้ง สร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้หลายฝ่ายว่า ทางรองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 และกองประกวดนั้น จะชี้แจ้งเรื่องดังกล่าวอย่างไร ความคืบหน้าจะได้แจ้งให้ทราบต่อไป