"2020 Census Kickoff Press Conference" เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2563 ณ Kenneth Hahn Hall of Administration มีตัวแทนจากองค์กรในลอสแอนเจลิสเคาน์ตี้เข้ามาร่วมมากมาย เพื่อแสดงพลังว่าต้องการให้รัฐบาลนับประชากรทุกคนไม่ว่าจะเชื้อชาติใดที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นรวมเข้าไปในการจัดสรรทรัพยากรของรัฐบาลด้วย(เครดิตภาพ/ข่าว:วลัยพรรณ เกษทอง)
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า วันเดียวกันนี้ได้รับรายงานจาก คณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ว่า นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) บริษัท การบินไทยฯ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง และในการประชุมบอร์ดการบินไทยวันนี้ จะไม่มีการยับยั้งการลาออก ทำให้การลาออกของนายสุเมธ มีผลภายใน 1 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.2563 เป็นต้นไป
ระหว่างนี้ การบินไทยต้องแต่งตั้งรักษาการตำแหน่ง DD โดยประเด็นที่ต้องเร่งทำงาน คือ เรื่องแผนฟื้นฟูองค์กร มาตรการช่วยเหลือในสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด ขณะเดียวกันขอให้การบินไทยชะลอการสั่งซื้อเครื่องบิน เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้อุตสาหกรรมการบินซบเซา และต้องพิจารณาสภาพคล่องของบริษัทด้วย
ขณะเดียวกันตนต้องการเห็นข้อมูลการเจรจากับคู่ค้า เพื่อลดค่าใช้จ่ายของการบินไทย รวมถึงต้องการทราบว่าการบินไทยพูดคุยทำความเข้าใจกับพนักงานแล้วหรือยัง มีการบริหารเส้นทางและตารางการบินในสถานการณ์โควิด-19 อย่างไร
ทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่ได้กระทบกับประเทศไทยเท่านั้น แต่กระทบกับธุรกิจสายการบินทั่วโลก รวมถึงสตาร์อัลไลแอนซ์ก็แจ้งว่าได้ผลกระทบเหมือนกัน เพราะสหรัฐอเมริกาไม่ให้ยุโรปเดินทางเข้าประเทศ 30 วัน กลุ่มประเทศยุโรปหนักกว่าเรา วันนี้เรื่องสำคัญคือหยุดการแพร่ระบาดโควิด-19
รายงานข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า กรณีการลาออกของนายสุเมธนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาการผลักดันแผนแก้ไขผลกระทบของโรคโควิด -19 ที่พยายามเสนอให้กระทรวงคมนาคมช่วยสนับสนุนการบินไทย แต่กลับถูกปฏิเสธให้แก้ไขแผนใหม่
ประกอบกับการผลักดันแผนฟื้นฟูองค์กรที่ไม่เป็นผล เพราะไม่ได้รับการสนับสนุนจากบอร์ดผู้กำกับดูแล ตลอดจนพนักงานฝ่ายบริหารต่างๆ ส่งผลให้ตลอดระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งดีดีการบินไทย ไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายของตนเองได้
ดีดีบินไทย / วันเดียวกันหลังการประชุมคณะกรรมการบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่มีพล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ประธานกรรมการการบินไทย เป็นประธาน ได้พิจารณาแผนการแก้ปัญหาและมาตรการรองรับเกี่ยวกับการจัดการแก้ปัญหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดและส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของการบินไทย
พร้อมพิจารณาการยื่นลาออกของนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) โดยที่ประชุมได้อนุมัติการลาออก พร้อมแต่งตั้งให้นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล เป็นรักษาการดีดีบินไทย แทนนายนายสุเมธทันที ส่วนการลาออกของนายสุเมธจะมีผลพ้นตำแหน่งดีดีการบินไทยในวันที่ 11 เม.ย.นี้
สำหรับนายจักรกฤศฏิ์ ปัจจุบันเป็นรองปลัดกระทรวงการคลัง กลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายเเละหนี้สิน ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการการบินไทยเมื่อวันที่ 16 ม.ค.2563 จากนั้นเมื่อวันที่ 5 ก.พ.2563 ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานกรรมการคนที่ 2 และเป็นกรรมการอยู่หลายบริษัทด้วย
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวานนี้ วันที่ 11 มี.ค. โดยตนได้รับหนังสือลาออกวันนี้ (12 มี.ค.) และได้ยับยั้งการลาออกแล้ว โดย น.ท.สุธีรวัฒน์ ได้ขอลาหยุดงานเป็นเวลา 7 วัน เพื่อกลับไปตัดสินใจเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าตนยื่นหนังสือลาออกจาก ทอท. ด้วยนั้น เป็นเพียงข่าวลือ ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด
รายงานข่าวจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ล่าสุดวันนี้ ฝ่ายกฎหมายของ ทอท. แจ้งไปยัง น.ท.สุธีรวัฒน์ ว่าไม่มีอำนาจในการยับยั้งการลาออก ดังนั้นการลาออกของ น.ท.สุธีรวัฒน์ จะมีผลบังคับในวันที่ 16 เม.ย.นี้ ส่วนสาเหตุที่ น.ท.สุธีรวัฒน์ ยื่นหนังสือลาออกนั้น เนื่องจากรู้สึกท้อแท้กับการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ไม่ได้รับความร่วมมือ โดยเฉพาะจากหน่วยงานภายนอก เช่น ตำรวจ ทหาร และ กอ.รมน. ทำให้หน่วยปฏิบัติอย่าง ทอท. กรมควบคุมโรค และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทำงานการคัดกรองผู้โดยสารโรคโควิด-19 ด้วยความยากลำบาก ไม่มีประสิทธิภาพ จนเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาแรงงานไทยกลับจากประเทศเกาหลี ไม่ผ่านการคัดกรอง
“ไม่มีการบูรณาการการทำงานตามที่ได้ประชุมตกลงกันไว้ เช่น เจ้าหน้าที่บางส่วนรู้สึกหวาดกลัว เกี่ยงกันปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลผีน้อย ผู้กลับจากประเทศเกาหลีใต้ เป็นต้น ส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงานคนอื่นๆ มีภาระเพิ่มขึ้น ทั้งที่มีภาระหนักอยู่แล้ว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังมีอุปกรณ์ป้องกันไม่เพียงพอและจัดส่งล่าช้า โดยเฉพาะหน้ากากอนามัย โดย ทอท. ถูกหน่วยงานราชการด้วยกันเองขอโควต้าตัดหน้าเอาไปใช้ก่อนทั้งๆที่ เจ้าหน้าที่สนามบินมีความต้องการใช้มากกว่า ทำให้การปฏิบัติงานคัดกรองภายในสนามบินเป็นไปด้วยความยากลำบากและยังขาดการสนับสนุนที่ชัดเจนและเด็ดขาดจากผู้ใหญ่ ทำให้น.ท.สุธีรวัฒน์ จึงรู้สึกท้อแท้จนต้องลาออก”
วันศุกร์ ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2563 30 สส.ประชาธิปัตย์ ประชุมร่วมผนึกกำลังหนุนร่วมรัฐบาลทำงานต่อ “ชินวรณ์” ปรามสส.เห็นต่างให้รอผลสอบอย่าด่วนวิจารณ์กระทบพรรคร่วม ชี้ถ้าพบผิดจริงพร้อมให้พรรคทบทวนมติ ส่งซิก“บิ๊กตู่”ยกยุค’อภิสิทธิ์’ให้รมต.ถูกข้อหาลาออกไม่รอใบเสร็จ‘พุทธิพงษ์’วอนหยุดการเมืองหันหน้าแก้โควิด-19ชี้ถ้าปชช.อยู่ไม่ได้ รัฐบาล ก็อยู่ไม่ได้ ‘วิรัช’ปธ.วิปรัฐบาล ปลุก’สส.พรรคร่วม’รวมเป็นหนึ่งร่วมฝ่าวิกฤตไวรัสวอนลดคำพูดทำให้หมองใจกัน ขณะที่’คารม’ชิ่งหนีไลน์กลุ่ม ขอทบทวนตัวเอง ส่อไม่ไปต่อ’พรรคก้าวไกล’
เมื่อวันที่ 12มีนาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรคจำนวน 30คน อาทิ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา นายนริศ ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ นายธารา ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นต้น ได้ร่วมประชุมที่อาคาร100 ปี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ถึงประเด็นที่มี สส.บางรายได้แสดงความเห็นส่วนตัวว่าควรถอนตัวจากการรวมรัฐบาลเนื่องจากมีคนสนิทของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวพันกับการกักตุนหน้ากากอนามัย
ยันปชป.หนุนรัฐบาลทำงานต่อ
แถลงภายหลังประชุมร่วมนานกว่า 1 ชั่วโมง สส.ได้มาร่วมแถลงโดยนายชินวรณ์แถลงว่าสาเหตุที่รวมตัวกันในวันนี้ เพราะพวกเราเห็นว่ามีเรื่องที่ควรจะปรึกษาหารือจึงได้นัดหมาย ส.ส.บางส่วน มาพูดคุยกันในช่วงปิดสมัยประชุมสภาทั้งในเรื่องสถานการณ์ระบาดไวรัสโควิด-19พิษเศรษฐกิจและภัยแล้ง ประกอบกับเพื่อน ส.ส.กลุ่มหนึ่งเห็นว่าควรปรึกษาหารือในประเด็นทางการเมือง ประเด็นที่เกิดขึ้นเสมือนหนึ่งทำให้พรรคขาดเอกภาพ ในฐานะที่เป็นประธานวิปของพรรค จึงได้ให้ทุกคนหารือกันอย่างกว้างขวาง และมีความคิดเห็นร่วมกันว่าควรเสนอให้ผู้บริหารพรรคต่อไป โดยเฉพาะในประเด็นของการร่วมรัฐบาล เป็นประเด็นที่เป็นมติของพรรค พวกเราทุกคนจึงเห็นว่าขอให้เพื่อนสมาชิกแสดงความคิดเห็นภายใต้กรอบมติของพรรคเพราะไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาในการประสานงานกับพรรครัฐบาลได้ จึงเห็นว่าในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลควรผนึกกำลังกันทำหน้าที่ ส.ส.เพื่อให้วิกฤตเหล่านี้ผ่านพ้นไป
ปรามสส.ต้องมีวินัยอยู่ร่วมกัน
ส่วนข้อเสนอกรณีการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)และการเมืองต่างๆแม้พรรคจะมีประชาธิปไตยสูง ถ้ามีส่วนเรื่องที่ยังไม่ชัดเจน ขอให้สมาชิกระมัดระวังการแสดงความคิดเห็น แต่ไม่ใช่จำกัดสิทธิ์แสดงความคิดเห็น เพราะทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ ในฐานะ ส.ส.อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการทำความเข้าใจกับกลุ่มที่ต้องการให้พรรคถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไรนายชินวรณ์ กล่าวว่าต้องทำความเข้าใจกับสมาชิกทั้งหมดในการแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่จะกระทบกับพรรค แต่เราเชื่อมั่นว่าทุกคนมีวินัยในการอยู่ร่วมกัน จึงอยากให้ทุกคนร่วมมือ ตลอดระยะเวลาที่พรรคผ่านร้อนผ่านหนาว ทุกคนก็มีความรับผิดชอบ และยึดอุดมการณ์พรรค
ย้ำชัดยังไม่ทบทวนมติพรรค
เมื่อถามต่อว่าสามารถทบทวนมติเดิมของพรรคได้หรือไม่เพราะส.ส.อีกกลุ่มคิดว่าการบริหารราชการของรัฐบาลติดเงื่อนไข 3 ข้อของพรรคในการร่วมรัฐบาลแล้วนายชินวรณ์กล่าวว่าขณะนี้พรรคยังไม่มีการประชุมจึงยังทบทวนมติพรรคไม่ได้ ในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญและเรื่องการปราบปรามการทุจริตนั้น เราต้องรอให้ผลการตรวจสอบและผลการปฏิบัติงานออกมาอย่างแท้จริงโดยเฉพาะเรื่องรัฐธรรมนูญ ในฐานะที่เป็นรองประธาน กมธ.วิสามัญศึกษาพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันว่าพรรคได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่และเสนอประเด็นที่เป็นปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดิน ขณะนี้ทางคณะกมธ.อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น
รอผลสอบ-ต้องเคารพมติพรรค
เมื่อถามย้ำว่ารัฐบาลยังสุจริตอยู่ใช่หรือไม่นายชินวรณ์ กล่าวว่าพรรคได้มีมติไปแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีข้อยุติ จะไปตัดสินใจเอาแต่ความรู้สึกและข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน ก็ไม่ได้ ทุกคน ก็ต้องเคารพมติพรรค และกรณีที่ผู้ติดตาม ร.อ.ธรรมนัส เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัยก็ต้องขอให้ตรวจสอบ ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัสประกาศชัดเจนแล้วว่าต้องตรวจสอบ และเราถือว่าการกักตุนเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก ขณะนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค เป็นรมว.พาณิชย์ที่รับผิดชอบกรมการค้าภายใน ก็ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ไปแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลที่อยู่กระบวนการแล้วเมื่อถามว่าคิดอย่างไรกับคำว่า“พายเรือให้โจรนั่ง”นายชินวรณ์ปฎิเสธที่จะตอบอ้างว่าเป็นเพียงแค่วาทะกรรม
ผลสอบชัดพร้อมทบทวนท่าที
เมื่อถามถึงขอบเขตคำว่าทุจริตของพรรค นายชินวรณ์ ชี้แจงว่า ในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังไม่มีใบเสร็จก็ให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลาออกออกไป แม้ตอนหลังจะไม่ผิด เราเชื่อมั่นว่านายกมีหน้าที่หลักในการพิจารณาคุณสมบัติรัฐมนตรี ท่านก็ต้องรับผิดชอบและเมื่อถึงจุดหนึ่งที่มีความชัดเจนออกมา เราพร้อมให้พรรคพิจารณาทบทวนมติร่วมรัฐบาล
เมื่อถามต่อว่าการพูดเช่นนี้ต้องการฝากสารไปถึงนายกรัฐมนตรีให้พิจารณาหรือไม่ นายชินวรณ์ กล่าวว่า ไม่ต้องการฝากใคร เพราะทุกคนต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว
เลื่อนประชุมใหญ่ไม่มีกำหนด
สำหรับการนัดประชุมใหญ่เพื่อหารือเพื่อหาข้อยุติในประเด็นนี้ นายชินวรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ ยังเลื่อนการประชุมออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากยังติดปัญหาเรื่องของการระบาดของไวรัสโควิด-19ที่ขณะนี้กำลังกังวลว่า จะเข้าสู่ระยะที่ 3ส่วนกรณีที่ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานีพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าจะมีกรรมการบริหารพรรคลาออกอีกหลายคน ว่า ไม่ทราบและขออย่าเพิ่งคาดเดาล่วงหน้า
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับในการประชุมวันนี้ไม่มี ส.ส.ที่ออกมาแสดงความเห็นเสนอให้ถอนตัวจากการรวมรัฐบาล และส.ส.ที่ลงมติไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัสทั้ง 17 คน มาร่วมประชุมด้วย
“พุทธิพงษ์”วอนหยุดการเมือง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองทั้งในพรรค พปชร.และพรรคร่วมรัฐบาล ว่าปัญหาในพรรค พปชร.เป็นเรื่องความคิดเห็นของ ส.ส.แต่ละกลุ่ม แต่ละฝ่ายที่อาจทะเลาะกันเองบ้าง แต่เชื่อว่าไม่มีอะไร และผู้ใหญ่คงจะเคลียร์ได้ ขอให้ใจเย็นๆ อยากให้พักเรื่องการเมืองไว้ก่อน ตอนนี้ทุกคนต้องเร่งแก้ปัญหาทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19ที่เราต้องรวมพลังเพื่อให้ผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ก่อนรวมถึงเรื่องเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
ชี้ถ้าปชช.อยู่ไม่ได้-รบ.ก็อยู่ไม่ได้
“หากมัวแต่มานั่งทะเลาะกัน เชื่อว่าครั้งหน้าไม่ว่าใครก็ตามที่กลับไปเลือกตั้งจะเหนื่อยทุกคน ผมอยากเตือนสติ และอยากให้เข้าใจกันว่า หากประชาชนอยู่ไม่ได้ รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้น เราต้องแก้ปัญหาให้ประชาชนก่อน ถ้าประชาชนอยู่ไม่ได้ ต่อให้รัฐบาลเก่งแค่ไหนก็อยู่ไม่ได้ สำหรับผมขอทำงานแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดให้ได้ก่อน เรื่องการเมืองค่อยว่ากัน”นายพุทธิพงษ์ กล่าวย้ำ
‘วิรัช’ปลุกสส.ร่วมให้กำลังใจรบ.
ขณะที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่า ในภาวะที่รัฐบาลกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และพยายามทุ่มทุกสรรพกำลังเพื่อแก้ปัญหาอยู่ อยากเรียกร้องให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลทุกคนรวมกันเป็นหนึ่ง เพื่อเป็นกำลังใจให้คณะรัฐมนตรีโดยรัฐมนตรีที่มีจากแต่ละพรรค รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลต่างก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ในการรับมือวิกฤติครั้งนี้
วอนอย่าพูดอะไรให้หมองใจกัน
“ดังนั้นแม้ส.ส.จะมีเอกสิทธิในการที่จะคิดและแสดงความเห็นต่างๆก็ตาม แต่ในสถานการณ์แบบนี้ คำพูดหรือการแสดงออกอะไรก็แล้ว แต่ที่จะทำให้ขุ่นข้องหมองใจกัน ก็ต้องขอกันไว้เพราะความเป็นพรรคร่วมรัฐบาลถึงอย่างไรก็พูดคุยกันได้อยู่แล้ว ผมยังมั่นใจในการทำงานร่วมกันของวิปรัฐบาลว่ายังไปได้ดีจำนวนเสียงของส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็เพิ่มขึ้นจากที่เคยปริ่มน้ำ อยู่ที่ประมาณ 270 เสียง”ประธานวิปรัฐบาล ย้ำ
ตอกย้ำสยบปม”สิระ-ไผ่”ไร้ปัญหา
นายวิรัช กล่าวถึงความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ ระหว่างนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร และนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.ว่า คงไม่มีปัญหา อยู่พรรคเดียวกันยังไงก็คุยกันได้ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยความเข้าใจกับทั้งคู่แล้วและได้ระบุด้วยว่า ให้หาโอกาสไปพบปะพูดคุยทำความเข้าใจเพื่อกระชับความสัมพันธ์กันอีกด้วย
ขอฝ่ายค้านอย่านำไวรัสปลุกขัดแย้ง
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านมีการกล่าวหาว่า รัฐบาลจัดการ Covid-19 ล้มเหลว โดยไม่พิจารณาถึงข้อเท็จจริงและความทุ่มเทตั้งใจของทุกภาคส่วนที่จะร่วมกันฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปให้ได้นั้น โดยยืนยันว่าขณะนี้รัฐบาลได้ดำเนินการควบคุมโรคอย่างเต็มที่ จากสภาวการณ์ในปัจจุบัน รัฐบาลถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีมาตรฐานในการควบคุมภาวะโรคระบาดอุบัติใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยในประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 33 ของโลก และสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคเป็นประเทศอันดับ1ของเอเชีย ตอนนี้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 ราย จากจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันทั้งหมด 59 ราย
ในส่วนของการจัดการ การคัดกรอง ได้มีการคัดกรองอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา มีการปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์มาตามลำดับ ปัจจุบัน นายกฯได้ตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า (โควิด-19)ล่าสุดได้ยกระดับการกำหนดมาตรการคัดกรองที่เข้มข้นถึง 3 ขั้นตอนคือ1.คัดกรองที่สถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุล ในการดำเนินการเพื่อขอตรวจลงตราเดินทางเข้ามายังประเทศไทย 2. การแสดงใบรับรองแพทย์เมื่อมีการเดินทางจากพื้นที่เสี่ยงก่อนการเดินทางขึ้นเครื่องบิน และ 3. มาตรการในประเทศที่คัดกรองที่สนามบิน และเฝ้าระวังผู้โดยสารขาเข้า 14 วัน
หันร่วมมือร่วมใจฝ่าฟันไปด้วยกัน
นอกจากนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)ได้เพิ่มรายการโรคติดเชื้อโควิด-19 ให้อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ซึ่งครอบคลุมดูแลทั้งการป้องกันโรค สร้างเสริมสุขภาพ ตรวจวินิจฉัยโรค รักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ แม้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในประเทศไทยยังคงอยู่ในระยะที่ 2 คือ ไม่พบการแพร่ระบาดในประเทศ แต่รัฐบาลได้เตรียมมาตรการรองรับไว้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและสนับสนุนการบริการของหน่วยบริการในการดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มที่ จึงขอวิงวอนทุกฝ่ายหยุดใช้สถานการณ์สร้างความขัดแย้งทางการเมือง และหันมาร่วมมือร่วมใจ ฝ่าฟันสถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้ไปด้วยกัน
ก้าวใหม่ระส่ำ!’คารม’ชิ่งไลน์กลุ่ม
รายงานข่าวจาก ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เปิดเผยว่านายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ได้ออกจากไลน์กลุ่มของ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารการทำงานของกลุ่ม ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ไป ซึ่ง ส.ส.ที่เหลืออยู่ตั้งข้อสังเกตว่า นายคารม จะไม่ไปร่วมงานกับพรรคก้าวไกลซึ่งเดิมส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 55 คน นัดรวมตัวจะสมัครข้าเป็นสมาชิกในวันที่ 14 มี.ค.นี้ที่ศูนย์ประสานงาน ฝั่งธนบุรีอดีตพรรคอนาคตใหม่
‘คารม’ถอยตั้งหลักตัดสินอนาคต
ด้านนายคารม ให้สัมภาษณ์ว่า การออกจากกลุ่มไลน์เพราะอยากคิดอะไรโล่งๆ ทบทวนสิ่งที่ผ่านมา หลังประชุมอดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ทำให้เห็นทิศทางโครงสร้างการทำงานของพรรคใหม่ มีเรื่องของภาคอีสานน้อยมากทั้งที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ และมีประชากรเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ตนไปอยู่พรรคไหน ก็ชูประเด็นเรื่องนี้ หากครั้งนี้ตัดสินใจไปที่ไหน จะมาว่า เป็นงูเห่าไม่ได้ เพราะเวลานี้ไม่ได้สังกัดพรรคไหน การเมืองในวันข้างหน้า ตอบโจทย์เราหรือไม่ เวลานี้ขอกลับต่างจังหวัดใช้เวลามองความแห้งแล้งของภาคอีสาน แล้วพิจารณาก่อนว่าจะเดินไปอย่างไร และยังไม่ทราบว่าใน 55 อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ มีคนคิดแบบตนอีกหรือไม่
“ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจจะไปพรรคไหน หรืออาจไปร่วมกับพรรคฝ่ายค้านก็ได้ ผมอยู่มาทั้ง นปช.และพรรคเพื่อไทย ไม่เคยทำอะไรขัดความรู้สึกตัวเอง ยังเหลือเวลาอีก1เดือนกว่าในการไปสังกัดพรรคใหม่และตอบไม่ได้วันที่ 14มี.ค.จะไปปรากฏตัวสมัครเข้าพรรคก้าวไกลหรือไม่ หากตัดสินใจอย่างไร เชื่อว่าจะมีคนวิจารณ์เรามาก ยืนยันว่า สามารถตอบคำถาม อธิบายให้ประชาชนได้”นายคารม ย้ำ