ข่าว
สื่อเกาหลีใต้เผย สหรัฐฝึกหน่วยซีลปฏิบัติการลอบสังหาร “คิม จอง อึน”

จุงอัง เดลี รายงานว่า หน่วยซีล ทีม 6 ซึ่งเป็นหน่วยเดียวกับที่ปฏิบัติการสังหารนายโอซามา บิน ลาเดน ผู้ก่อตั้งกลุ่มก่อการร้ายอัลเคด้า เมื่อเดือนพฤษภาคม 2554 ได้เดินทางไปยังประเทศเกาหลีใต้ เพื่อร่วมการซ้อมรบประจำปี โฟลอีเกิล และ คีย์รีโซลฟ์

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐจะไม่ได้ยืนยันรายงานดังกล่าว แต่ระบุว่า ปฏิบัติการภาคพื้นดิน อากาศ ทางทะเล และปฏิบัติการพิเศษ มีขึ้นระหว่างการร่วมซ้อมรบครั้งนี้ พร้อมกับปฏิบัติการฝึกภาคสนาม ที่มีทหารร่วมในการซ้อมราว 17,000 นาย

จุงอัง เดลี รายงานด้วยว่า หน่วยซีล ทีม6 ได้ทำการฝึกซ้อมจำลองการจัดการกับผู้นำเกาหลีเหนือ รวมทั้งการปลดอาวุธทำลายล้างสูง แต่แกรี รอสส์ ผู้บัญชาการกองทัพเรือสหรัฐ ออกมาปฏิเสธรายงานดังกล่าว และว่าการซ้อมรบร่วมกันมีกองกำลังปฏิบัติการพิเศษที่หลากหลายในการซ้อมรบโฟลอีเกิล ซึ่งเป็นการซ้อมรบประจำปี ที่มีการวางแผนกันเป็นเวลาหลายเดือน ไม่ได้มีขึ้นเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ปัจจุบันบนคาบสมุทรแต่อย่างใด

ยิ่งลักษณ์ร่วมสรงน้ำขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ เล่นสงกรานต์กับ ปชช.ที่เชียงใหม่

วันนี้ (13 เมษายน) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ระบุว่าได้ร่วมสรงน้ำขบวนแห่พระพุทธสิหิงค์ และพระสำคัญประจำวัดต่างๆ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทยที่ จ.เชียงใหม่

ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขอให้ทุกท่านเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพทั้งไปและกลับ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ร่วมกันสืบสานประเพณีไทยของแต่ละภาคเอาไว้ และอากาศปีนี้ค่อนข้างร้อน ยังไงก็อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วย ส่วนตนและครอบครัวก็กลับไปทำบุญและไหว้บรรพบุรุษตามประเพณีที่ จ.เชียงใหม่เช่นเคย


มาร์ค แนะหลังสงกรานต์ คิดใหม่สั่งห้ามนั่งกระบะ บอกคนซื้อไม่มีใครเอามานั่งแค่ 2 คน

วันนี้ (13) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมาตรการห้ามนั่งท้าย หรือ แค็บรถกระบะรถ ตามคำสั่งมาตรา 44 ในการแก้ พ.ร.บ.จราจรว่า ก็หวังว่ารัฐบาลจะเข้าใจว่าอะไรที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงก็ต้องให้เจ้าหน้าที่อะลุ่มอล่วยกันไป แล้วหลังสงกรานต์กลับมาคิดกันใหม่ว่า จะแก้ไขกันอย่างไร โดยเฉพาะปัญหาเรื่องรถกระบะ โดยตนคิดว่ามี 3 แนวทางที่ต้องทำ คือ 1.ต้องมีเวลาในการปรับตัว เพราะมั่นใจว่า ที่ผ่านมาคนที่มีรถปิกอัพกระบะคงไม่คิดจะซื้อมานั่งแค่ 2 คนแน่นอน 2.ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่า รถเหล่านี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อบรรทุกคน สมมุติว่า อีก 1 ปี 2 ปี จะบังคับใช้ แต่ในระหว่างนั้นถ้ายังไม่ทำความเข้าใจก็กลับมาอยู่ที่เดิมอีก และ 3.ต้องมีทางเลือกว่า ถ้าไม่ให้ใช้รถกระบะแล้วจะมีทางเลือกอย่างไร หรือถ้าจะให้ใช้ แล้วจะมีความปลอดภัยมากขึ้นได้อย่างไร

“สมมุติว่า ถ้ารัฐสำรวจความเห็นแล้วพบว่า ยังมีความจำเป็นในชนบท รัฐควรเริ่มบังคับใช้เฉพาะถนนสายหลัก โดยอะลุ่มอล่วยถนนสายรองๆ แล้วไปจำกัดความเร็วแทนหรือไม่ เป็นต้น โดยผมคิดว่า ตรงนี้ก็จะเป็นคำตอบที่สอดคล้องกับความเป็นจริงไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทำให้ทุกคนยอมรับได้ เพราะทั้งหมดเป็นกฎกติกาที่มีเจตนาให้เกิดความปลอดภัย ทุกปีที่ผ่านมา เราก็สูญเสียจำนวนมาก จึงพยายามเข้มงวด โดย 2 – 3 ปีถึงขั้นยึดรถก็ยังไม่ได้ผล ดังนั้น ทั้งหมดจึงอยู่ที่จิตสำนึก หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ โดยผมอยากให้ทุกคนได้กลับบ้านไปฉลองสงกรานต์แล้วเดินทางโดยสวัสดิภาพปลอดภัย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว


ป๋าเปรม เปิดบ้านรับ ป.ป.ช. ให้กำลังใจทำงานเสี่ยง ลั่นอย่ายอมให้บ้านเมืองเรามีคนโกงอยู่

เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดโอกาสให้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ นำคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งหมดประกอบด้วย น.ส. สุภา ปิยะจิตติ นางสุวรรณา สุวรรณจูฑะ นายปรีชา เลิศกมลมาศ นายณรงค์ รัฐอมฤต นายวิทยา อาคมพิทักษ์ นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง พล.อ.บุญวัจน์ เครือหงส์ และ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงานป.ป.ช. เข้ารดน้ำขอพรเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2560

พล.ต.อ.วัชรพล เปิดเผยว่า ในโอกาสนี้พล.อ.เปรม ได้กล่าวให้โอวาทแก่ทุกคนว่า ขอให้กำลังใจในการทำงานกับทุกคน งานของป.ป.ช.นั้นเป็นงานยากและเสี่ยง จึงอยากให้ทุกคนรับรู้และช่วยกัน ในเมื่อตัวเราไม่โกง ญาติพี่น้องก็ต้องไม่โกง และต้องดูแลไม่ให้คนอื่นๆ โกงด้วย และได้ย้ำว่าทำอย่างไรจะให้ทุกคน ช่วยกันลุกขึ้นมาช่วยเป็นหูเป็นตาและไม่ยอมที่จะให้มีคนโกงอยู่ในบ้านเมืองของเรา


คนรักสัตว์เฮ! ไต้หวันคลอดกม.ห้ามกินเนื้อหมา-แมว ฝ่าฝืนเจอโทษปรับอ้วก

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันพุธ(12 เม.ย.)นี้ว่า รัฐสภาไต้หวันผ่านร่างกฎหมายห้ามการฆ่าแมวและสุนัขเพื่อการบริโภค การรับรองกฎหมายฉบับนี้มีขึ้นท่ามกลางแรงกดดันที่มีมากขึ้นจากสังคมที่เรียกร้องให้มีการปรับปรุงสวัสดิภาพสัตว์ หลังจากเกิดกรณีการทารุณกรรมสัตว์ให้เห็นอยู่เป็นระยะ

ภายใต้ร่างกฎหมายฉบับนี้กำหนดให้การบริโภค จำหน่าย และครอบครองเนื้อสุนัขและแมว เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งมีบทลงโทษผู้กระทำผิดเป็นโทษปรับเป็นเงินสูงถึง 250,000 ดอลลาร์ไต้หวัน หรือราว 275,000 บาท โดยบทลงโทษจะเพิ่มหนักขึ้นต่อผู้ที่ลงมือฆ่าหรือทารุณทำร้ายสัตว์ ซึ่งมีโทษสูงสุดคือ จำคุก 2 ปี และปรับเป็นเงิน 2 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือราว 2.2 ล้านบาท ซึ่งโทษจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 2 เท่าหากกระทำผิดซ้ำ

นางหวัง วี่ หมิน หมิง ส.ส.ไต้หวัน ผู้เสนอแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ชี้ว่า กฎหมายฉบับนี้จะเป็นสิ่งแสดงให้เห็นว่าไต้หวันเป็นสังคมที่มีการส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์

ทั้งนี้ ไต้หวัน เหมือนอีกหลายชาติในเอเชียที่การบริโภคเนื้อสุนัขถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ทำกันมานาน และแม้ว่าในปัจจุบันจะมีคนบริโภคเนื้อสุนัขน้อยลง แต่ยังคงมีรายงานข่าวให้เห็นเป็นระยะถึงการจับกุมร้านค้าที่ขายเนื้อสุนัข ซึ่งสร้างความวิตกให้แก่สังคมต่อการทารุณกรรมสัตว์ และได้มีการออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ผู้กุมอำนาจรัฐขันน็อตกฎหมายคุ้มครองสัตว์ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น

เมื่อปีที่แล้ว กองทัพไต้หวันต้องออกมาแถลงขอโทษประชาชน หลังมีคลิปวิดีโอเผยให้เห็นทหาร 3 นาย ฆ่ารัดคอสุนัขตัวหนึ่งด้วยโซ่เหล็ก สร้างความโกรธเกรี้ยวให้แก่ชาวไต้หวันที่พากันออกมาบนประท้วงบนท้องถนนจำนวนมาก


“พม่า-จีน” ลงนามข้อตกลงท่อส่งน้ำมันดิบระหว่างสองประเทศ

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า จีนและพม่าได้ลงนามร่วมกันข้อตกลงเรื่องท่อส่งน้ำมันดิบระหว่างสองประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงหลายข้อที่ทำขึ้นระหว่างการพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กับประธานาธิบดีอู ติน จ่อ ของพม่า ระหว่างการเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายติน จ่อ ในฐานะผู้นำประเทศพม่า เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา

นายหลิว เจิ้นหมิน รัฐมนตรีช่วยกระทรวงต่างประเทศจีนเปิดเผยว่าเป็นข้อตกลงเพื่อเชื่อมท่อส่งน้ำมันดิบระหว่างเมืองท่าเจาะพยู ในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของพม่า กับเมืองคุนหมิง ตอนใต้ของจีน ที่คาดว่าจีนจะเริ่มต้นโครงการเร็วๆ นี้

ข่าวระบุว่า หนึ่งในหัวข้อของการหารือของสองผู้นำ มีเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาเขื่อนมิตโสนในรัฐคะฉิ่น ที่จีนให้การสนับสนุน มูลค่า 3,600 ล้านดอลลาร์ แต่ต้องหยุดชะงักไปตั้งแต่ปี 2554 เนื่องจากมีการประท้วงเกิดขึ้น

ทั้งนี้ สองประเทศได้ลงนามร่วมกันในข้อตกลง 9 ข้อ ที่ครอบคลุมทั้งด้านสาธารณสุข กีฬาและการคมนาคม


ซีอีโอยูไนเต็ดยันไม่ลาออกแม้ถูกเข้าชื่อไล่ รับขายหน้ากรณีผู้โดยสารถูกลากลงเครื่อง

นายออสการ์ มูนอซ ซีอีโอของสายการบินยูไนเต็ดยืนยันว่าเขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่งแม้สายการบินจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักทั่วโลก หลังเกิดเหตุลากผู้โดยสารที่ไม่ยอมสละเก้าอี้ออกจากเครื่องเนื่องจากสายการบินขายตั๋วเกิน

มูนอซยอมรับว่าเขารู้สึกอับอายและขายหน้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับประกาศว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกกับผู้โดยสารบนเครื่องบินของสายการบินยูไนเต็ด และว่าดร.เดวิด ดาว ผู้โดยสารที่ถูกลากลงจากเครื่องสมควรได้รับคำขอโทษ

ก่อนหน้านี้มูนอซได้แจ้งกับพนักงานของสายการบินยูไนเต็ดเป็นการภายในว่า ผู้โดยสารที่ถูกเชิญให้ลงจากเครื่องได้สร้างความวุ่นวายและมีพฤติกรรมก้าวร้าว ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีทางเลือกอื่นและต้องเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินชิคาโกขึ้นมาช่วยนำตัวผู้โดยสารลงจากเครื่อง จนทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างหนักและมีการเปิดให้เข้าชื่อเพื่อเรียกร้องให้มูนอซลาออกจากตำแหน่ง ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา มีผู้ร่วมลงชื่อแล้วมากกว่า 60,000 ราย

ทั้งนี้มูนอซย้ำว่าเขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่งเพราะถูกจ้างให้มารับหน้าที่เพื่อทำให้สายการบินยูไนเต็ดดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำมาแล้วและจะทำต่อไป พร้อมกับยืนยันว่าในอนาคตหากผู้โดยสารที่ขึ้นเครื่องแล้วปฏิเสธที่จะสละเก้าอี้โดยสมัครใจแลกกับเงินชดเชยเมื่อมีการขายตั๋วเกิน สายการบินจะไม่ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขึ้นไปนำตัวผู้โดยสารออกจากเครื่อง เพราะเราไม่สามารถทำเช่นนั้นกับผู้โดยสารที่จ่ายเงินค่าตั๋วอย่างถูกต้องได้

“มาลาลา ยูซัฟไซ” ได้เป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์แคนาดาคนที่ 6

ข่าวระบุว่า น.ส.มาลาลาได้รับเกียรติให้ขึ้นกล่าวในที่ประชุมสภาแคนาดา ในกรุงออตตาวา เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อพูดถึงเรื่องการศึกษาของผู้หญิงและเด็กหญิง และถือว่ามาลาลา เป็นผู้ที่อายุน้อยที่สุดที่ได้กล่าวในที่ประชุมร่วมระหว่างสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาของแคนาดา ก่อนที่น.ส.มาลาลาจะรับมอบสถานะพลเมืองกิตติมศักดิ์จากนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา

นอกจากนี้ น.ส.มาลาลา ยังเป็นบุคลลที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับสถานะพลเมืองกิตติมศักดิ์จากแคนาดา โดยบุคคลที่เคยได้รับสถานะดังกล่าวมาก่อน คือนายเนลสัน แมนเดลา , องค์ทะไล ลามะ , นางออง ซาน ซูจี , นายคาลิม อากา ข่าน ที่4 ผู้นำศาสนา และ นายราอูล เวลเลนเบิร์ก ทูตสวีเดน

ทั้งนี้ น.ส.มาลาลา เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิของเด็กหญิงในการเรียนหนังสือ เนื่องจากปากีสถานบ้านเกิดของมาลาลา เป็นประเทศมุสลิมที่เคร่งครัดและไม่เปิดโอกาสให้เด็กผู้หญิงได้เรียนหนังสือ การออกมาเรียกร้องของมาลาลา ทำให้กลุ่มทาลิบัน ซึ่งเป็นกลุ่มมุสลิมสุดโต่งไม่พอใจ และลอบยิงมาลาลาที่ศีรษะเมื่อเดือนตุลาคม 2555 แต่รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด และต้องไปอาศัยอยู่ที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ โดยมาลาลายังคงเดินหน้าเรียกร้องสิทธิของเด็กผู้หญิงในการเรียนหนังสือต่อไป และได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2557