ข่าว
โค้กผุดไอเดียสีเขียวผลิตถุงพลาสติกย่อยสลายง่าย

โคคา-โคลา บริษัทผู้ผลิตน้ำอัดลมตัดสินใจผลิตภัณฑ์ "ถุงน้ำอัดลม" เพื่อใช้ในการบรรจุน้ำอัดลมแทนการใช้ขวดแก้ว และกระป๋องที่ใช้ทั่วไป อีกทั้งยังเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของต้นทุนการผลิตอีกด้วย เพราะถุงพลาสติกจะมีราคาถูกกว่าขวด และกระป๋อง ซึ่งถุงน้ำอัดลมนอกจากจะมีรูปร่างคล้ายขวดน้ำอัดลมแล้ว ยังเป็นถุงพลาสติกที่ย่อยสลายได้เองอีกด้วย

โดยทาง โคคา-โคลา เผยว่า ได้รับแรงบันดาลใจจากชาวบ้านในประเทศแถบอเมริกาใต้ที่นิยมเทเครื่องดื่มโค้กใส่ถุงพลาสติกแทนการนำขวดกลับบ้าน “แม้คนส่วนใหญ่จะชอบดื่มโค้กจากขวดแก้ว เนื่องจากเชื่อว่าสดชื่นกว่า ทว่าเราเชื่อว่าขวดพลาสติกของเราก็จะให้ความรู้สึกเดียวกันอย่างแน่นอน”

ทูตใหม่สหรัฐถึงพม่าจ่อไฟเขียวลงทุน

วันที่ 11 ก.ค. นายดีเร็ค มิตเชล เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำพม่าคนแรกในรอบ 22 ปี เริ่มงานในหน้าที่อย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ หลังเดินทางถึงเมืองย่างกุ้งในช่วงสาย และบินต่อไปยังเมืองหลวงใหม่กรุงเนย์ปิดอว์ เพื่อยื่นสารตราตั้งต่อประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ผู้นำพม่า ที่ทำเนียบ ทั้งนี้ นายมิตเชลได้การแต่งตั้งจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ให้ทำหน้าที่ทูตพิเศษเกี่ยวกับพม่า ก่อนจะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นเอกอัครราชทูต และได้รับการรับรองจากวุฒิสภาสหรัฐเมื่อปลายเดือน มิ.ย. โดยการปรับระดับผู้แทนทางการทูต มีขึ้นหลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศเมื่อเดือน ม.ค. ว่า จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตเต็มรูปแบบกับพม่า เพื่อเป็นการตอบสนองต่อการปฏิรูปของรัฐบาลใหม่พม่าที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว

ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แหล่งข่าววงในรัฐบาลสหรัฐ คาดการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมจะอนุมัติให้บริษัทต่างๆ ของสหรัฐ เข้าไปลงทุนในภาคน้ำมันและก๊าซในพม่าได้ในเร็วๆ นี้ โดยการอนุมัติคาดว่าจะมีขึ้นหลังการเดินทางเยือนพม่า ในช่วงสุดสัปดาห์ของ 2 เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐ คือ นายโรเบิร์ต ฮอร์แมตส์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายกิจการพัฒนา พลังงานและการเจริญเติบโตเศรษฐกิจ และนายฟรานซิสโก ชานเชซ รองปลัดกระทรวงพานิชย์ ฝ่ายกิจการการค้าระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและธุรกิจ ระหว่างสหรัฐและพม่า


พบน้องโอบามากลางสลัม

ฝ่ายอนุรักษนิยมทำสารคดีโจมตีประธานาธิบดีบารัก โอบามา ในฤดูหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง พยายามฉายภาพผู้นำผิวสีทอดทิ้งน้องชายต่างมารดาอยู่สลัมซอมซ่อในเคนยา แต่เจ้าตัวบอกเองไม่คิดขอความช่วยเหลือจากพี่ชาย

สารคดี "2016: Obama's America" มีกำหนดฉายรอบปฐมทัศน์ที่เมืองฮุสตัน รัฐเทกซัส วันพฤหัสบดีนี้ แล้วจะฉายในวงกว้างทั่วสหรัฐอเมริกาต่อไป เนื้อหาตอนหนึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์ของจอร์จ โอบามา น้องชายของประธานาธิบดีสหรัฐ ที่นั่งพูดคุยกับดิเนช ดีซูซา นักเขียนหัวอนุรักษนิยมผู้เคยแต่งหนังสือขายดี "The Roots of Obama's Rage" เมื่อปี 2554

"ผมคิดว่า เขาก็มีครอบครัวของเขาเอง" น้องชายต่างมารดาของผู้นำที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกกล่าวในคลิปความยาว 4 นาทีที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ฮอลลีวู้ดรีพอร์ตเตอร์ "ผมเป็นสมาชิกครอบครัวเขาก็จริง แต่ผมโตแล้ว ผมช่วยเหลือตัวเองได้"

ดีซูซากล่าวว่า เขาตามหาตัวน้องชายคนนี้ของโอบามาหลังจากอ่านเจอรายงานข่าวระบุว่าเขาอาศัยในสลัมซอมซ่อในกรุงไนโรบีของเคนยา

ในคลิปไม่ได้กล่าวถึงข้อมูลที่ว่า โอบามาผู้น้องนี้โตในย่านผู้มีอันจะกินของเคนยา ก่อนจะมาใช้ชีวิตคลุกฝุ่นในสลัมและร่วมก่อตั้งมูลนิธิช่วยเหลือเยาวชนคนยากไร้

ผู้สัมภาษณ์ได้ยกข้อความจากพระคัมภีร์ไบเบิลมาไล่เบี้ยจอร์จ โอบามา ด้วยว่า ผู้นำสหรัฐไม่ได้ทำหน้าที่พี่ผู้ดูแลน้อง แต่ได้รับคำตอบว่า ประธานาธิบดีโอบามามีหน้าที่อื่นอยู่แล้ว "เขากำลังดูแลโลก ซึ่งก็เท่ากับกำลังดูแลผมด้วย"

จอร์จ โอบามา เป็นบุตรของบารัก โอบามา ซีเนียร์ กับจาเอล โอตีโน ซึ่งปัจจุบันใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐ โอบามา ซีเนียร์ มีภรรยา 4 คนรวมถึงนางแอนน์ ดันแฮม นักมานุษยวิทยาชาวอเมริกันผู้ให้กำเนิดประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน

โอบามาผู้น้องกล่าวว่า บิดาซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุรถยนต์ตั้งแต่เขาอายุได้เพียง 6 เดือน เขาจึงจดจำพ่อไม่ได้มากนักนอกเหนือจากที่แม่พูดถึงพ่อว่า "เป็นคนที่ได้รับการศึกษามาอย่างดี"

ดีซูซาเคยเป็นนักวิเคราะห์นโยบายของรัฐบาลเรแกน ปัจจุบันเขาบริหารวิทยาลัยคริสเตียนแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์ก เขาเคยก่อกระแสโต้แย้งไว้ในหนังสือของเขาเมื่ออ้างว่าแนวคิดทางการเมืองของโอบามาได้รับอิทธิพลจากบิดาผู้มีแนวคิดต่อต้านลัทธิล่าอาณานิคม

"ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกถิ่น บางสิ่งที่เกี่ยวกับโอบามาที่ไม่ใช่อเมริกัน" ดีซูซากล่าวในการให้สัมภาษณ์รายการสนทนาทางวิทยุกับไมเคิล แบร์รี ผู้จัดการฉายรอบปฐมทัศน์ของสารคดีเรื่องนี้ "เขารับเอาอุดมคติต่อต้านอเมริกันของโลกที่สาม ซึ่งเป็นแนวคิดต่อต้านอาณานิคม"

วิดีโอคลิปนี้จบลงด้วยภาพนิ่งแสดงความแตกต่างสุดขั้วของสองพี่น้องโอบามา ที่คนหนึ่งยืนเกาะรั้วไม้ในสลัมซอมซ่อ และอีกคนกำลังเดินบนสนามหญ้าของทำเนียบขาว

มืดแปดด้าน โรคระบาดลึกลับกัมพูชา คร่าชีวิตเด็ก 64 คน

หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ของกัมพูชารายงานว่า สถานการณ์โรคระบาดที่คร่าชีวิตเด็กไปกว่า 64 คน ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง

พนมเปญโพสต์รายงานว่า โรงพยาบาลเด็กกันธา โบพา ซึ่งพบว่ามีโรคระบาดผิดปกติเกิดขึ้นกับเด็กและเแจ้งเตือนกระทรวงสาธารณสุขตั้งแต่เดือนมิถุนายน พบผู้ป่วยเด็กแล้วจนถึงขณะนี้ 66 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 64 ราย ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชาและองค์การอนามัยโลกแจ้งตัวเลขผู้ป่วยที่ 59 คน เสียชีวิต 52 คน

กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชาและองค์การอนามัยโลกออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า ยังไม่สรุปผลการสอบสวนหาสาเหตุ แต่เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า เกิดจากโรคมือ เท้า ปาก ซึ่งเป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กและทารก

พนมเปญโพสต์อ้างถึงแถลงการณ์ของกระทรวงสาธารณสุขและองค์การอนามัยโลกว่า ผู้ป่วยโรคมือ เท้า ปากจะเป็นไข้ ปวดแสบปวดร้อนในปาก มีผื่นคันตามมือ เท้าและก้น แต่โรคระบาดใหม่นี้ทั้งกระทรวงสาธารณสุข องค์การอนามัยโลกและโรงพยาบาลกันธาโบพาแจ้งว่าผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อทางระบบประสาท ขณะที่ระบบทางเดินหายใจถูกทำลายอย่างรุนแรง

ด้านผู้อำนวยการโรงพยาบาลยืนยันว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่รุนแรง และไม่ควรที่จะตื่นตระหนก เพราะจะยิ่งทำให้ประชาชนทั่วประเทศตื่นตกใจ เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ป่วยจากอาการดังกล่าวเพียง 2 ราย เทียบกับเด็กๆ ที่ป่วยโรคไข้เลือดออกและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลกว่า 1,600 คน

ขณะที่นายแพทย์เดนิส โลรองต์ ผู้ช่วงผู้อำนวยการโรงพยาบาล กล่าวว่า เขายังคงสงสัยต่อข้อมูลที่เผยแพร่โดยกระทรวงสาธารณสุขกัมพูชาและองค์การอนามัยโลก

ยังสงสัยในข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขและองค์การอนามัยโลก ซึ่างระบุว่าพบผู้ป่วย 59 ราย และเสียชีวิต 52 คน ขณะที่เขายืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ 64 คน ขึ้นอยู่กับสาธารณชนเองว่าจะเชื่อถือข้อมูลของโรงพยาบาลหรือข้อมูลของอีกฝ่าย

นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังกังวลเรื่องผู้ป่วยเด็กหลายรายตามคลินิกเอกชนเสียชีวิตเพราะการรักษาไม่ถูกต้องและพิษยา