ข่าว
“ประยุทธ์”โอดนาซาล้ม
ประเทศไทยเสียประโยชน์

“ประยุทธ์” โอดไทยเสียประโยชน์นาซาล้มโครงการ ยันไม่กระทบสัมพันธ์ กองทัพสหรัฐฯ หวังนาซามาใหม่ปีหน้า แนะทุกฝ่ายตั้งหลักพร้อมรับรอบใหม่จะได้ไม่มีปัญหาอีก ย้ำอย่าเอากองทัพไปขัดแย้ง

วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา)ยกเลิกโครงการสำรวจชั้นบรรยากาศที่สนามบินอู่ตะเภาว่า ต้องรอคอยว่านาซ่าจะมาอีกหรือไม่ และต้องเตรียมตั้งหลักให้ดีว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะมีนักวิชาการได้ออกมาระบุว่าโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ดังนั้นเมื่อมีการยกเลิกประเทศจึงเสียประโยชน์ไป ทั้งนี้หวังว่านาซาจะมาใหม่ในปีหน้า และหากมีการเตรียมการไว้ก่อนจะดี จะได้ไม่มีปัญหาแบบครั้งนี้ ทั้งนี้ยืนยันว่าฝ่ายความมั่นคงไม่เคยมีข้อขัดแย้งกับใคร และทุกคนต้องทราบดีว่าประเทศอยู่ได้ด้วยเพราะอะไร

เมื่อถามว่าการยกเลิกโครงการจะส่งผลกระทบระหว่างกองทัพไทยและกองทัพสหรัฐฯ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี กองทัพกับกองทัพคนละเรื่องกัน อย่าเอาทุกเรื่องมาปนกัน ตนบอกแล้วว่าที่คุยกันมาทั้งหมดในเมื่อเขาติดต่อมาจะขอเข้ามาทำงาน รัฐบาลต้องเรียกหน่วยงานทุกหน่วยงานเข้าไปหารือ เมื่อหารือแล้วหาข้อสรุปมาว่าถ้าให้เขามาแล้วจะต้องทำอย่างไรบ้าง กฎหมายว่าอย่างงไร จะไปทำข้อตกลงกันอย่างไร ให้เขาขึ้นหรือลงที่ไหน เวลาเท่าไหร่ ใครจะขึ้นไปด้วย ต้องพูดคุยกันให้จบ ทั้งนี้ตนเชื่อว่าทุกคนหวังดีกับประเทศชาติ วันที่ประชุมหารือกันนายกฯ รัฐมนตรีหลายๆกระทรวง และ ผบ.เหล่าทัพก็อยู่ด้วยและได้ข้อสรุปว่าถ้าดีนำไปสู่ขั้นตอนต่อไป คือการนำเข้า ค.ร.ม.และทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ แต่ทำไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจกัน ประเทศจึงเสียประโยชน์ไปและไม่รู้ว่าใครทำต้องไปหาเอาเอง

เมื่อ ถามว่าต้องทำความเข้าใจกับคนในชาติเพื่อเตรียมรับการเข้ามาของนาซาครั้งต่อไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เร่ง แต่คนในชาติต้องพยายามเข้าใจ ตอนนี้คนในชาติบางส่วนพยายามไม่เข้าใจ ซึ่งทำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ลำบาก ฝ่ายความมั่นคง ทหาร หรือใครที่ทำต่างก็ลำบากและโดนตำหนิ อย่างนั้นไม่ได้ เพราะชาติบ้านเมืองสำคัญกว่าเรื่องอื่น

“ผมไม่ได้ขัดแย้งกับใคร แต่ผมทำงานตามข้อเท็จจริง ตามกฎหมาย และขั้นตอน ซึ่งทำตามนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่การที่จะบอกว่ามันผิดหรือไม่ผิดก็ไปว่ากันเอาเองแต่อย่าเอากองทัพเข้าไป ขัดแย้ง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ปูด“โอบามา”เมินเยือนไทย งอน"ปู"ไม่ช่วยนาซา

อ.จุฬาฯปูด“โอบามา”เมินแวะเยือนไทยหลังประชุมผู้นำอาเซียนที่เขมรเดือน พ.ย.อ้างปัญหานาซาทำพิษ ขณะที่ทูตไทยแย้ง ชี้สาเหตุเพราะคิวแน่นต้องหาเสียงเลือกตั้ง ส่วน“นายฯปู”ร่วมประชุมยูเอ็นจีเอที่สหรัฐฯ

วันนี้ (29 มิ.ย.) เวลา 09.30 น. ที่อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับศูนย์อเมริกันศึกษา และสมาคมนิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดการสัมมนาหัวข้อ “ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ : แนวโน้มทิศทางและเป้าหมายหลังหารหารือเชิงยุทธศาสตร์”

นายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ผอ.สถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การที่การเมืองไทยมีการนำเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเล่นการเมือง จนเกิดการส่งผลเสียหาย ทั้งนี้ทราบว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะไม่เดินทางไปร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชน (ยูเอ็นจีเอ) ที่นครนิวยอร์ก ในเดือน ก.ย.นี้ และยังได้รับทราบจากเจ้าหน้าที่อาวุโสระดับสูงของสหรัฐ ว่า นายโอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะไม่เดินทางมาเยือนประเทศไทย หลังจากการเข้าร่วมประชุมผู้นำอาเซียน และประเทศคู่เจรจา ในเดือน พ.ย.นี้ ที่ประเทศกัมพูชา เพราะเห็นว่าแค่ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ยังเริ่มขึ้นไม่ได้จากกรณีที่โครงการขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ต้องชะงัก อีกทั้งการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พบกับนายโอบามา ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเดือน พ.ย.2554 ได้หารือถึงความร่วมมือกันหลายด้าน แต่มาจนถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า และถ้านายโอบามาไม่มีกำหนดการมาเยือนไทย อาจจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกฝ่ายมองเห็นถึงการนำการเมืองมาเล่นหรือเกี่ยวข้องในทุกเรื่อง และให้คิดถึงเวลาที่ต้องยุติความขัดแย้งแล้วมาคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ

ด้าน นายชัยยงค์ สัจจิพานนท์ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า คงไม่สามารถสรุปว่านายโอบามา จะไม่มาเยือนไทย เพราะตอนนี้อยู่ระหว่างการประสานเรื่องช่วงเวลาการเยือนของนายโอบามาให้ลงตัว ในการประชุมอาเซียน ซัมมิท ที่กัมพูชา จึงน่าจะแวะมาไทยได้ อีกทั้งต้องขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะนายโอบามาอยู่ระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ทำให้ตารางของนายโอบามาค่อนข้างแน่นมาก ทั้งนี้ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีจะไปร่วมประชุมยูเอ็นจีเอที่สหรัฐฯอยู่แล้ว และการประชุมดังกล่าวมีผู้นำจากหลายประเทศเข้าร่วม คงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้นำจากทุกประเทศจะได้พบกับประธานาธิบดีของสหรัฐฯ

นายชัยยงค์ กล่าวอีกว่า ตนยืนยันว่าโครงการศูนย์ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ (เอชเอดีอาร์) กับโครงการของนาซ่าเป็นเรื่องด้านวิชาการ สำหรับการตั้งศูนย์เอชเอดีอาร์เป็นเรื่องที่เสนอโดยรัฐบาลที่แล้ว เพื่อต้องการ ใช้เป็นศูนย์ฝึกอบรมการรับมือและแก้ปัญหาภัยพิบัติ โดยอยากให้ครอบคลุมทั้งภูมิภาคและให้จีนเข้ามาร่วมด้วย รวมถึงไทยต้องหารือกับประเทศอื่น ๆในอาเซียนด้วยว่าต้องการให้มีศูนย์นี้หรือไม่ ดังนั้นขณะนี้การหารือระหว่างไทยกับสหรัฐฯยังหาข้อสรุปไม่ได้ อีกทั้งต้องสร้างภาพให้ชัดเจนก่อนจึงจะเริ่มดำเนินการ.

แห่ฟัง "เพื่อไทย" แน่นวงเวียนใหญ่ "เหลิม" กร้าวเปิดสภาซักฟอก "ปชป."

เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.วันนี้ ( 28 มิ.ย.) ที่พระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ เขตธนบุรี พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ โดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วมพร้อมเพรียง อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ(รมช.เกษตร) นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. นายสุธรรม แสงประทุม นายอดิศร เพียงเกษ รองประธานโซน กทม.ฝั่งธนบุรี จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ นายขวัญชัย สาราคำ (ไพรพนา) ประธานชมรมคนรักอุดร โดยมีประชาชนส่วนใหญ่ต่างสวมเสื้อแดงเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยแน่นลานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ

ทั้งนี้ ก่อนที่ ร.ต.อ.เฉลิม จะขึ้นเวทีปราศรัย ได้มีการเปิดคลิปเสียงของนายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขณะเป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต่างพูดสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อหยุดวงจรการปฏิวัติรัฐประหารในอนาคต

นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะประธานโซนกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี พรรคเพื่อไทย ได้ปราศรัยบนเวทีตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ขอให้เลือกคนของพรรคเพื่อไทยและในฐานะที่ตนทำงานกับตำรวจขอให้ไปช่วยชี้แจงและศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทยจะต้องเอาชนะให้ได้ และ เปิดประชุมสภาจะเกิดปรากฏการณ์ใหม่ รัฐบาลจะอภิปรายฝ่ายค้านทั้งเรื่องที่ กทม.ต่อสัญญารถไฟฟ้าให้กับบีทีเอสทั้งที่เหลืออายุสัญญา 17 ปีเพิ่มอีก 13 ปีรวมเป็น 30 ปี และกรณีการโอนเงินเดือนละ 57ล้านบาทเข้าบัญชีภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสของนักการเมืองรายหนึ่ง รวม 520 ล้านบาท กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอกำลังสอบอีกไม่นานเกินรอจะรู้ว่าเงินนี้มีที่มาอย่างไร ได้มาอย่างถูกต้องหรือรีดไถใครมา