ข่าว
แต่งงานได้ 3 เดือน เจ้าสาวเพิ่งรู้ สามีคือ’ปู่แท้ๆ’

เว็บไซต์นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่า คู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันซึ่งแต่งงานร่วมชีวิตกันได้เพียง 3 เดือน เจอเรื่องสุดช็อก เมื่อเจ้าสาวเพิ่งรู้ความจริงว่า ชายชราเศรษฐีที่เธอแต่งงานด้วย คือ ปู่แท้ๆ หลังจากทั้งสองนั่งเปิดดูอัลบั้มรูปถ่าย แล้วพบว่าเป็นปู่หลานกัน โดยเจ้าบ่าวเป็นพ่อของพ่อเจ้าสาว ที่ไม่ได้เจอกันนานมาก แต่ที่น่าช็อกยิ่งกว่านั้นก็คือ ทั้งคู่ยืนยันจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันต่อไป สำหรับเรื่องราวความรักของทั้งสอง เริ่มจากชายชราซึ่งพำนักอยู่ที่ไมอามี่ สหรัฐอเมริกา ได้สมัครใช้บริการเว็บหาคู่ และถูกใจกับเด็กสาววัย 24 จากเมืองแจ๊กสันวิลล์ รัฐฟลอริดา ซึ่งเล่าว่า เธอถูกไล่ออกจากบ้าน โดยชายชราบอกกับหนังสือฟลอริดา ซัน โพสต์ว่า “ผมก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนั้นผมก็ยังนึกไม่ออกว่า ทำไมเธอจึงดูคุ้นหน้า” เจ้าสาว ซึ่งในข่าวไม่ได้เปิดเผยชื่อ เล่าว่า “ตอนฉันเห็นรูปถ่ายพ่อของฉันในอัลบั้ม ฉันก็รู้สึกเศร้า หดหู่” แต่เธอก็ว่า “สามีภรรยาทุกคู่ต่างมีความแตกต่าง และมีเรื่องราวเฉพาะของพวกเขา และฉันก็รู้สึกว่า เราผูกพันกันมาก ถึงแม้เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้น ก็ไม่สามารถทำให้เรายอมแพ้” ขณะที่ฝ่ายเจ้าบ่าววัยชรา กล่าวว่า “ผมเคยผ่านชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลวมาแล้ว 2 ครั้ง และผมตั้งใจแน่วแน่ว่า จะไม่มีครั้งที่ 3 เด็ดขาด”

จุฬาฯแถลงการณ์ ห้ามโจชัว หว่องเข้าประเทศ ลิดรอนเสรีภาพวิชาการ

จากกรณีที่นายโจชัว หว่อง ถูกกักตัวไม่ให้เข้าประเทศไทยโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง การจัดกิจกรรม “๔๐ ปี ๖ ตุลา คนรุ่นใหม่มองอนาคต” ดำเนินการโดยนิสิตชั้นปีที่ ๑ คณะรัฐศาสตร์ ตามรูปแบบการเรียนการสอนของคณะ กิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมที่ได้รับการอนุมัติให้จัดอย่างถูกต้อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมองอนาคตผ่านเหตุการณ์ในอดีต ดังนั้น การที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้กักตัวนายโจชัว หว่อง และไม่ให้ติดต่อกับผู้จัดกิจกรรมนั้น จึงก่อให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินกิจกรรมของนิสิต ทั้งยังเป็นการลิดรอนเสรีภาพทางวิชาการอันอาจกระทบการเรียนรู้ของนิสิตได้ สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอแสดงความกังวลต่อการกระทำดังกล่าว และขอสนับสนุนการจัดกิจกรรมเชิงวิชาการที่สร้างสรรค์ ด้วยเป็นการเปิดโอกาสให้นิสิตได้เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริงและเป็นการจรรโลงไว้ซึ่งเสรีภาพทางวิชาการ…สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๕ ตุลาคม ๒๕๕๙


น้ำป่าเริ่มไหลเข้าท่วม อ.ท่าตะโก ชาวบ้านเดือดร้อน

น้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ยังไหลท่วมพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ขยายวงกว้าง โดยระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดไหลเข้าพื้นที่ ต.วังมหากร อ.ท่าตะโก หนุนสะพานเข้าบ้านหลังระดับน้ำเพิ่มยังเดือดร้อนกว่า 15 หลังคาเรือน... เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ต.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าชาวบ้าน หมู่ที่ 1 ต.วังมหากร อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ต้องช่วยกันหนุนสะพานที่ใช้สำหรับเดินเข้าออกบ้านในช่วงน้ำท่วมให้สูงขึ้นอีก 30 เซนติเมตร หลังสะพานเดิมที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ได้ถูกน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ไหลบ่าเข้าพื้นที่ และส่งผลให้น้ำท่วมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยชาวบ้านต่างบอกว่าระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นได้สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ทั้งทรัพย์สินโดยเฉพาะรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และสัตว์เลี้ยงบางส่วนต้องขนย้ายขึ้นมาไว้บนถนนเป็นการชั่วคราวก่อน ในขณะที่ลุ่มบางส่วนมีระดับน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร จนชาวบ้านต้องใช้เรือเป็นพาหนะเข้าออกจากบ้านเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนพื้นที่การเกษตรโดยเฉพาะนาข้าวถูกน้ำท่วมจมหายไปแล้วเป็นจำนวนหลายพันไร่ ยังมีชาวบ้านกว่า 15 หลังคาเรือนยังเดือดร้อนจากน้ำเทือกเขาเพชรบูรณ์ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ลุ่มต่ำของชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ 16 ต.สายลำโพง อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ไม่ต่ำกว่า 15 หลังคาเรือน ยังคงเดือดร้อนจากน้ำเทือกเขาเพชรบูรณ์ที่ ไหลเข้าท่วมขังในพื้นที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดระดับน้ำสูงมากกว่า 60 เซนติเมตรแล้ว ทำให้ชาวบ้านต้องขยับข้าวของหนีน้ำให้สูงกว่าเดิมเป็นครั้งที่สอง และต้องใช้เรือในการเข้าออกหมู่บ้านแทน


อดีตผู้ว่าฯยกกลอนศรีปราชญ์ให้บิ๊กตู่ก่อนเกษียณ

นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ซึ่งถูกคำสั่ง หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 12/2559 ให้พ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2559 ที่เขียนไว้ในวันสุดท้ายชีวิตราชการ พร้อมรับใบประกาศเกียรติคุณ ในตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า “ขอกราบขอบพระคุณท่านนายกฯที่ได้มอบใบประกาศให้ โดยที่ผมไม่ได้สร้างความชั่วอะไรให้มีมลทินมัวหมองแก่ชีวิตราชการแต่อย่างใดครับ และขอกราบขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจมาให้โดยตลอด หลังจากโดน”ประหารชีวิตราชการ” โดย ม.44 ให้พ้นจากตำแหน่ง เมื่อ 29 มี.ค.59 ครับ ตัวผมรับได้ครับ แต่ครอบครัววงศ์ตระกูลของผมขมขื่นมากมาเป็นเวลา 6 เดือนแล้วครับ ผมสนับสนุน ชื่นชมผลงานตัวท่านและรัฐบาลนี้ในหลายเรื่องครับ แต่ผมนั้นยังตั้งมั่นในการสร้างคุณงามความดีแก่ชาติบ้านเมือง และวงศ์ตระกูลไปตลอดชีวิต ต่อไปครับ” ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน เราก็ศิษย์อาจารย์ หนึ่งบ้าง เราผิดท่านประหาร เราชอบ เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้คืนสนอง “ศรีปราชญ์”่


อธิบดีราชทัณฑ์แจง ‘สนธิ’ ไม่เข้าเกณฑ์ลากิจร่วมพิธีศพภรรยา

จากกรณีนางจันทน์ทิพย์ ลิ้มทองกุล ภรรยาของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ต้องขังในเรือนจำคลองเปรม ที่ศาลฎีกาตัดสินจำคุก 20 ปี เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และเกิดข้อสงสัยว่านายสนธิสามารถออกจากเรือนจำไปร่วมงานศพภรรยาได้หรือไม่ ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงระเบียบลากิจของผู้ต้องขังที่จะออกไปร่วมงานศพญาติพี่น้องว่า โดยระเบียบปกติแล้วนักโทษในเรือนจำมีสิทธิประโยชน์ในการลากิจเพื่อออกจากเรือนจำไปร่วมงานสำคัญของญาติพี่น้อง เช่น งานศพ หรือเพื่อประโยชน์ของผู้ต้องขังได้ แต่ต้องมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ของเรือนจำ และต้องโทษจำคุกมาแล้วตามแต่ชั้นนักโทษ เช่น นักโทษชั้นเยี่ยม ต้องโทษจำคุกมาแล้ว 2 ใน 3 ชั้นดีมาก ต้องโทษจำคุกมาแล้ว 3 ใน 4 และชั้นดี ต้องโทษจำคุกมาแล้ว 4 ใน 5 ทั้งนี้ ในกรณีนายสนธิไม่เข้าหลักเกณฑ์ในการลากิจเพื่อออกจากเรือนจำ เนื่องจากเข้าเรือนจำคุกเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น และเป็นนักโทษชั้นกลาง


‘วีระ’ สวน ‘วิษณุ’ หมดราคาคนดีคสช.

นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ตั้งคำถามถึงนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี หลังให้สัมภาษณ์สื่อเห็นว่ากรณีลูกชายพล.อ.ปรีชา ตั้งบริษัทในค่ายทหาร สามารถทำได้ โดยระบุว่า “เอาอีกแล้ว นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฏหมาย ใช้ความรู้ทางกฏหมายรับใช้ผู้มีอำนาจ เพื่อให้ตนเองมีตำแหน่งร่วมรัฐบาลมาแทบทุกสมัย ต่อกรณีลูกชายของพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา เอาบ้านพักข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม มาเปิดเป็นหจก.รับเหมางานกับหน่วยงานราชการ ก็เช่นกันที่นายวิษณุ ตอบคำถามสื่อมวลชน อย่างหมดราคาคนดี คสช. ว่า “การเอาบ้านพักข้าราชการ มาเป็นที่ตั้งบริษัททำได้หรือไม่ ” โดยมีระเบียบสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการพักอาศัยในอาคารที่พักอาศัยของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2555 ข้อที่ 18.14 ที่กำหนด “ห้ามผู้พักอาศัประกอบการค้าใดๆในที่พักอาศัย ซึ่งทางราชการมิได้จัดไว้ หรือผู้ปกครองอาคารที่พักอาศัย มิได้อนุญาต” แต่นายวิษณุ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า “สามารถทำได้ ไม่มีอะไรห้าม ถ้ามันเป็นของข้าราชการล่ะ มันก็ไม่มีปัญหานี่” คุณวิษณุ คุณน่ะมีปัญหาแล้ว เรื่องดังกล่าวแทนที่จะจบ กลับจะยิ่งยาว เพราะคุณและบิ๊กป้อมนี่แหละ ไม่มีใครเขาไปกลั่นแกล้งหาเรื่องใส่ความพวกคุณ พวกคุณทำตัวเองทั้งสิ้น


รวบ12คนไทย5มะกัน ส่งสาวไทยค้ากามในอเมริกา คาดบอสใหญ่อยู่ไทย

นายแอนดริว ลูเกอร์ อัยการในรัฐมินนิโซตา ของสหรัฐอเมริกาแถลงเปิดเผยเกี่ยวกับปฏิบัติการ ทลายขบวนการค้าประเวณีในหลายเมืองทั่วประเทศสหรัฐฯ โดยมีหญิงไทยนับร้อยคนตกเป็นเหยื่อการถูกล่อลวงไปค้าประเวณี อัยการระบุว่าสามารถจับกุมคนไทย 12 คนและชาวอเมริกัน อีก 5 คน รวมทั้งหมด 17 คนที่เกี่ยวข้องในการจัดหาล่อลวงหญิงไทยจากกรุงเทพฯ ไปยังสถานบริการทางเพศ อาบอบนวดและอพาร์ตเมนต์ต่างๆในหลายเมืองของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นลอสแอนเจลิส ลาสเวกัส ฟีนิกซ์ แอตแลนตา มินเนอาโพลิส วอชิงตันและดัลลัส ตั้งแต่ปี 2552 ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดกระทำการค้าประเวณี สมรู้ร่วมคิดบังคับใช้แรงงาน สมรู้ร่วมคิดในการฟอกเงิน และสมรู้ร่วมคิดปลอมแปลงวีซ่าเข้าสหรัฐ โดยรายงานข่าวระบุว่า ก่อนหน้านี้คือเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมาได้มีการจับกุมหญิงไทยในเบลเยียมชื่อว่านางสุมาลี อินทรทอง อายุ 55 ปี เป็นหัวหน้าเครือข่ายเดียวกันนี้ ซึ่งสหรัฐฯกำลังดำเนินการขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนและเชื่อว่ามีอีก 4 คนยังหลบหนี อัยการเปิดเผยว่า ผู้หญิงที่ถูกล่อลวงค้าประเวณีมาจากครอบครัวที่ยากจน พูดภาษาอังกฤษได้เพียงเล็กน้อย โดยเครือข่ายค้ามนุษย์ใหญ่ในไทยจะไปหลอกลวงผู้หญิงเหล่านี้ โดยในเครือข่ายใช้รหัสลับเรียกเหยื่อว่า "ฟลาวเวอร์" หรือดอกไม้ มีการหลอกเหยื่อว่าพวกเธอจะไปมีชีวิตที่ดีกว่า โดยบอกว่าจะช่วยจัดหาวีซ่าและเดินเรื่องเข้าสหรัฐฯให้ แลกกับการทำสัญญาหนี้ ประมาณ 40,000-60,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.4-2.1 ล้านบาท ในระหว่างที่เป็นหนี้พวกเธอจะตกอยู่ในสถานะทรัพย์สินขององค์กรจนกว่าจะใช้หนี้หมด อัยการกล่าวเพิ่มเติมว่า นี่เป็นเหมือนการค้าทาสในยุคสมัยใหม่ ผู้หญิงไทยที่ถูกส่งมาจะต้องทำงานค้าบริการทางเพศหลายชั่วโมงต่อวันแลกกับเงินเพียงเล็กน้อยที่ต้องนำไปใช้หนี้ก้อนโต บางรายถูกส่งเวียนไปตามเมืองต่างๆ ถูกหลอกว่าให้นำศัลยกรรมเสริมหน้าอกเพื่อดึงดูดลูกค้าให้ได้มากๆ ในส่วนของค่าใช้จ่ายทำศัลยกรรมก็จะถูกบวกทบไปกับหนี้ก้อนเดิม นายอเล็ก คู เจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวนพิเศษของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของเอพี แสดงความเชื่อมั่นว่าการจับกุมครั้งใหญ่นี้จะส่งผลต่อการดำเนินการของเครือข่ายดังกล่าวอย่างแน่นอน .

ทรัมป์ ไล่ราวีอดีตมิสยูนิเวิร์ส กล่าวหาฉาวเซ็กซ์เทป

วันที่ 30 ก.ย. นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จากพรรครีพับลิกัน ยังตามราวี น.ส.อลิเซีย มาชาโด อดีตมิสยูนิเวิร์ส 1996 ชาวเวเนซุเอลาที่ต่อมาได้สัญชาติอเมริกันและช่วยนางฮิลลารี คลินตัน ผู้ท้าชิงตำแหน่งจากพรรคเดโมแครต หาเสียง เมื่อส่งข้อความทางทวิตเตอร์โจมตีหญิงสาวอย่างเสียๆ หายๆ หนักกว่าเดิมที่เคยเรียกหญิงสาวว่า มิสพิกกี้ หรือ ยัยหมูตอน ล่าสุดถึงขั้นใช้คำว่า น่ารังเกียจ “disgusting” ทรัมป์ตื่นมาโพสต์ข้อความตั้งแต่เวลา 5:14- 5:30 น. เพื่อดิสเครดิตน.ส.มาชาโด เรียกร้องให้ชาวอเมริกันช่วยกันตรวจสอบประวัติเบื้องหลังอื้อฉาว หญิงสาวถูกทรัมป์โจมตีว่ามีประวัติเหลวแหลก น่ารังเกียจ นอกจากเป็นมิสยูนิเวิร์สที่ห่วยที่สุด ยังเคยอื้อฉาวในเทปเซ็กซ์ ทั้งตำหนินางฮิลลารีไม่รู้จักตรวจสอบประวัติ ถูกหลอกใช้ให้ไปช่วยขอสัญชาติอเมริกันให้อดีตนางงามคนนี้ ด้านทีมของนิวยอร์กไทมส์ตรวจสอบประวัติในเบื้องต้น ไม่ว่าพบว่า มาชาโดที่แม้เคยถ่ายแบบหวือในนิตยสารเพลย์บอย จะปรากฏในคลิปเซ็กซ์ฉาวใดๆ มีแต่ฉากที่ถ่ายทำรายการเรียลลิตี้โชว์ที่อยู่ในผ้าห่มบนเตียง แต่จริงๆ แล้วใส่เสื้ออยู่ มาชาโดได้ตำแหน่งเมื่อตอนอายุ 19 ปีจนตอนนี้อายุ 39 ปี เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองไม่ใช่สาวที่ดีงามใสซื่ออะไร เคยช่วยแฟนเก่าหลบหนีตำรวจ หลังแฟนคนนี้ยิงสมาชิกในครอบครัวเสียชีวิต แต่ตอนนั้นมาชาโดไม่ได้ถูกสั่งฟ้อง ทรัมป์ทวีตข้อความนี้หลังถูกนางฮิลลารีตำหนิว่าเป็นคนเหยียดเพศ โดยยกตัวอย่างที่ทรัมป์เรียกน.ส.มาชาโดว่า มิสพิกกี้ จากการที่มีน้ำหนักพุ่งพรวดหลังได้รับตำแหน่ง จากนั้นเรียกหยามซ้ำว่า มิสเฮาส์คีฟเปอร์ (แม่บ้านทำความสะอาด) เพราะความเป็นชาวละติน