รอมานานหลายเดือนในที่สุดก็คลอดแล้ว กุญแจซอล ป่านทอทอง ดาราดังจากช่อง 7 อดีตนักร้องเอเอฟ AF6 ที่ตามหัวใจรักสุดพลังมาก หนีพ่อแม่ไปอยู่กับสามี นักบินสายการบินดัง นาวาอากาศโท ฌณัฏฐ์ เลิศพัฒนาไทย คลอดลูกแล้วเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลภูมิพล ได้ลูกชายชื่อเล่นน้องเทคออฟ ชื่อจริงเหนือเมฆ
คุณแม่มุก มุกดา ป่านทอทอง ให้สัมภาษณ์พิเศษกับบันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ซอลคลอดลูกแล้ว? "รู้ได้ไง รู้เร็วเนอะ (หัวเราะนิดหน่อย)" ได้คุยกับลูกสาว ได้ปรับความเข้าใจกันแล้ว? "แม่ไม่ได้โกรธซอล ระยะหลังๆ ก็มีความรู้สึกที่เบาๆ ลงแล้ว แต่กับผู้ชาย แม่ยังทำใจไม่ได้อยู่ (เสียงหนักแน่น) พอเห็นหน้าแม่ ซอลก็ร้องไห้โผเข้ามากอดแม่ ร้องไห้ๆ แล้วบอกว่าคิดถึงแม่มากเลย ซอลบอกว่าอยากจะมาหาแม่ แต่ไม่รู้จะหาจังหวะไหนมาหาแม่ คือโดนเบรกไว้
"ซอลบอกว่าพอห่างแม่มาแล้ว ก็เจออะไรหลายอย่าง ช่วงท้องก็ต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะเป็นกรวยไตอักเสบนอนอยู่ 5 วันเลย ไปซื้อบ้านอยู่กับสามี ข้างๆ บ้านก็มีเรื่องกันโดนขู่ด้วย ซอลบอกด้วยว่าต้องไปหางานทำเองด้วย" อ้าว ไปหางานทำอะไรคะแม่ ก็ต้องให้สามีเลี้ยงดูเราสิ เพราะเราท้องอยู่? "ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ซอลจึงต้องหาเงินเอง ซอลเหงามาก (ลากเสียงยาว) ซื้อสุนัขมาเป็นเพื่อน"
ซอลคลอดได้ลูกชาย? "ใช่ค่ะ ชื่อเล่นเทคออฟ ชื่อจริงเหนือเมฆ" สุขภาพแข็งแรงดีทั้งแม่ลูก? "ตอนนี้ก็แข็งแรงแล้วค่ะ เดินตัวปลิวเลย แต่ก่อนหน้านี้ต้องเข้าไอซียูเพราะเลือดออกเยอะ และลูกตัวซีดด้วย น่าจะคลอดก่อนกำหนด ตอนนี้โอเคแล้วค่ะ"
สามีซอลได้ขอโทษคุณแม่มั้ยคะ? "เขาก็พยายามจะคุยด้วย แต่แม่ไม่รู้จะคุยอะไรด้วย เขาก็ไหว้ แต่แม่ไม่ได้มองหน้า เรื่องขอโทษ...แม่ไม่ได้ยินค่ะ แต่ซอลบอกว่าเขาขอโทษแม่แล้ว แต่แม่ไม่ได้ยินนะ เขาคงอึ้งว่ามาได้ยังไง อยู่ๆ ก็มาถูกได้" อนาคตต่อไปซอลจะเป็นยังไงดี? "เดี๋ยวเขาคงจะได้รู้เอง"
โดยการมาเยี่ยมครั้งนี้ น้องสาวเผยว่าไลน์ไปแล้วพี่ไม่อ่านมาสองสามวัน ปกติจะอ่านแต่ไม่ตอบ แม่เลยส่งว่าคลอดแล้วหรือเปล่า แม่ก็เลยชวนกันไปที่โรงพยาบาลจนได้เจอกันในที่สุด
3 พ.ย.60 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะได้เยี่ยมชมนิทรรศการของดีโอทอปประจำท้องถิ่น และโครงการ 9101 โครงการในพระราชดำริ โดยนายกฯได้ร่วมทำขนมลา กับชาวบ้าน ก่อนจะร่วมถ่ายรูปกับผู้ว่าราชการจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ และผู้ว่าฯจ.ประจวบคีรีขันธ์ และร่วมประชุมการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและการเตรียมแผนทั้งป้องกัน เตือนภัย และอพยพช่วยเหลือ
จากนั้น นายกฯ แถลงว่า เรื่องการเมืองอย่ามาถามตนนักเลย โดยเฉพาะเรื่องปลดล็อคพรรคการเมือง ตนรู้ข้อกฎหมาย ศึกษามา แต่ไม่ได้ไปสั่ง เขามาอย่างไรก็ทำตามนั้นจะกี่วันก็ต้องหามาตรการผ่อนผันให้ได้แต่เมื่อผ่อนผันไปแล้วอย่าทำให้เกิดความวุ่นวายทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไปตามนั้นจะมาอ้างว่าประชาธิปไตยต้องอย่างนั้นอย่างนี้แล้วถ้ามันวุ่นวายท่านจะทำอย่างไร ใครรับผิดชอบ ก็ตนอีก ทั้งนักการเมือง พรรคการเมือง ตนไม่ได้อยู่กลุ่มใคร แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วต้องเป็นบทเรียน ทั้งเหตุการณ์น้ำท่วมปี 54 และเหตุการณ์ปี 59 ทั้งนี้ขอชื่นชมสื่อมวลชนทั้งช่วงที่ผ่านมาและช่วงงานพระราชพิธี เป็นสื่อที่น่ารักและหลังจากนี้ก็ให้น่ารักต่อไปตลอด แม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ตนก็จะสู้ ถ้าเราไม่สู้จะผ่านปัญหาก้าวข้ามอุปสรรคความขัดแย้งได้อย่างไร
"สำหรับเรื่องปรับครม.ขอให้ใจเย็น ๆ ผมเป็นคนปรับอยู่แล้วไม่ต้องกลัว ใครปรับรัฐมนตรีปรับไปปรับมาผมก็เป็นปรับอยู่แล้ว เปรียบเหมือนผมเป็นรัฐมนตรีอยู่แล้ว เพราะต้องศึกษางานทุกกระทรวง และให้แนวทางมอบนโบายว่าสิ่งไหนจะคู่กันจับต้นชนปลายให้เกิดการบูรณาการในการทำงานทั้งหมด ดังนั้นผมจะพูดในวันนี้ไม่ได้ ทุกอย่างได้วางแผนไว้เหมือนการสั่งงานในกองทัพที่มีอยู่ 17 เหล่า ทำอย่างไรให้ไปรบกันได้ และช่วยเหลือประชาชนได้ ซึ่งอยู่ที่การปฏิบัติที่ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ทุกอย่างต้องมีการวางแผนเพื่อให้ผลปฏิบัตินั้นสำเร็จ ขอให้กำลังใจผู้ว่าฯ กำนันผู้ใหญ่ อย่าไปกังวลเรื่องอื่น ขอให้เอาประชาชนไว้ก่อน โดยเฉพาะเรื่องการเมืองเอาไว้ทีหลัง"นายกฯ กล่าวและว่า ตนจะไปร่วมประเพณีลอยกระทงที่กองทัพอากาศโดยจะลอยกระทงให้เป็นสิริมงคลกับชีวิตเพื่อขจัดสิ่งไม่ดีออกไป ให้สิ่งดี ๆ เข้ามา ซึ่งหมอดูหลายคนทำนายว่าปลายปีจะดีขึ้น คนไม่ดีก็จะหายไป ส่วนตัวมองว่าโดยพื้นฐานอยากเป็นคนดีแต่ด้วยอะไรหลายอย่างหรือสิ่งที่ไม่ได้ตักเตือน หรือละเลยกัน
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ประจำปีการศึกษา 2559 จำนวน 2,900 คน เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา
ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานพระราชวโรกาสให้นายวีระพงษ์ แพสุวรรณ อธิการบดี มทส. พาบัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษา ซึ่งประสบอุบัติเหตุ ไม่สามารถขึ้นเวที เพื่อรับพระราชทานปริญญาบัตรได้ 2 คน
โดยในช่วงทรงประทับพักครึ่งเวลา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จลงมาพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตทั้ง 2 คนถึงแถวที่นั่งบัณฑิต ท่ามกลางความความปลื้มปีติของบัณฑิต พี่น้องผู้ปกครองบัณฑิตที่มาร่วมพิธีทุกหมู่เหล่า และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แก่ชาว มทส.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เปิดเผยว่า นักบัณฑิตสาว 2 ราย คือ นางสาวอนัสรีย์ เพชรขุ้ม อายุ 27 ปี มหาบัณฑิตปริญญาโท สาขาบริหารงานก่อสร้างและสาธารณูปโภค บ้านเกิดอยู่บ้านเลขที่ 4/5 หมู่ 5 ต.สามเมือง อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา และนางสาวอภิญญา พงศ์อัมพรนารา อายุ 22 ปี บัณฑิตปริญญาตรี สาขาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม บ้านเกิดอยู่บ้านเลขที่ 73/112 หมู่ 6 ซ.1/1 ต.ทับนา อ.เมือง จ.ระยอง
3 พ.ย.2560 นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พาณิชย์ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ เฟซบุ๊ก ว่า “สังคมไร้ยางอาย” รัฐธรรมนูญมาตรา 76 และ 219 ที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการร่างบัญญัติถึงมาตรฐานทางจริยธรรม ที่จะใช้บังคับกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้ดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญทุกคน ทั้งนี้ ตามข้อ 6 (4) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2551 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ 2550 ที่บัญญัติถึงคำว่า มาตรฐานทางจริยธรรมกำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน การเอาบุคคลในครอบครัว เช่น บุตร หรือภริยา มาดำรงตำแหน่งนอกจากจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลในครอบครัวแล้วยังมีผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้แต่งตั้ง อันถือเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือผลประโยชน์ทับซ้อน ดังนั้น การที่นายมีชัยอ้างว่าการแต่งตั้งลูกสาวเป็นรองเลขาฯ เพื่อรักษาความลับของ คสช. และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนจึงเป็นการแก้ตัวแบบข้างๆ คูๆ เพราะขัดกับมาตรฐานทางจริยธรรมที่นายมีชัยกำหนดให้ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
นายวัฒนา ระบุว่า พฤติกรรมของนายมีชัยไม่ต่างจากบรรดาผู้ร่วมอุดมการณ์ทั้งหลาย เช่น หัวหน้า คสช. ที่ยึดอำนาจมาจากประชาชนแต่กลับแสดงความรำคาญเมื่อถูกทวงถามถึงการคืนอำนาจ หรือบรรดาลิ่วล้อที่ได้รับการแต่งตั้งจากเผด็จการ แต่กลับออกมาอบรมตัวแทนของประชาชนที่ทวงถามถึงการทำกิจกรรมทางการเมือง โดยไม่เคยสำเหนียกเลยว่าพรรคการเมืองเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน กิจกรรมที่พรรคการเมืองต้องทำเป็นสิทธิตามกฎหมายเพื่อนำไปสู่การคืนอำนาจให้กับประชาชนทั้งสิ้น บ้านเมืองในยุคนี้จึงวิปริตวิปลาส เพราะคนที่ยึดอำนาจจากประชาชนกลับเดินชูคออยู่บนถนน ส่วนประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจต้องเดินก้มหน้าอยู่ในตรอก ถึงเวลามียางอายกันได้หรือยัง.
ยะลา - กราบหัวใจผู้ชายชื่อ “ตูน บอดี้สแลม” วิ่งระดมทุนก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศยังไม่พอ แถมควักเงินส่วนตัวเป็นทุนการศึกษาให้เยาวชนเรียนดี แต่ยากจนอีก 100 ทุนๆ ละ 10,000 บาท หวังสร้างอนาคตที่ดีของประเทศชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดยะลาว่า หลังจากที่ “ตูน บอดี้สแลม” ซึ่งวิ่งในโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อระดมทุนจากคนไทยทั่วประเทศ จัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาล 11 แห่งทั่วประเทศนั้น
(3 พ.ย.) เวลา 17.55 น. ขณะที่คณะวิ่งก้าวคนละก้าว นำโดย “ตูน บอดี้สแลม” ได้วิ่งระยะสุดท้ายในเซตที่ 3 ระยะทาง 12.2 กิโลเมตร จาก อบต.กรงปินัง จ.ยะลา เข้าสู่ อ.เมืองยะลา ณ สถานสงเคราะห์เด็กชาย จ.ยะลา
ช่วงระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดของการวิ่งนั้น “ตูน บอดี้สแลม” มีสภาพร่างกายที่ดูเหมือนจะอ่อนล้า และทีมงานได้ให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะดูจากสภาพใบหน้าของ “ตูน บอดี้สแลม” เหมือนว่าจะอิดโรยจากการวิ่ง แต่ตามเส้นทางยังคงมีพี่น้องประชาชนใน จ.ยะลา จำนวนนับพันคน มารอให้การต้อนรับ “ตูน บอดี้สแลม” ถึงกับมาเฝ้ารอแม้ว่าจะมีฝนตกก็ไม่มีใครถอยหนีไปไหน
จนมาถึงจุดสิ้นสุดการวิ่งช่วงที่ 3 ที่สถานสงเคราะห์เด็กชายจังหวัดยะลา ทีมงานก้าวคนละก้าว ได้นำตัว “ตูน บอดี้สแลม” ขึ้นรถบัสส่วนตัว พร้อมกับเรียกทีมแพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฎ เข้าทำการกายภาพ และตรวจร่างกายอย่างเร่งด่วน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยมี “ก้อย รัชวิน” เฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง
จากนั้นไม่นาน “ตูน บอดี้สแลม” ได้ลงจากรถบัสส่วนตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า กางเกง และรองเท้า ซึ่งเปียกฝนมาตลอดเส้นทางของการวิ่ง และได้ขึ้นรถยนต์ตู้ส่วนตัวไปยังหอประชุมเอนกประสงค์ ภายในสถานสงเคราะห์เด็กชายจังหวัดยะลา เพื่อพบกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา ที่มารอให้การต้อนรับ
พร้อมกับเด็กนักเรียนของสถานสงเคราะห์เด็กชายจังหวัดยะลา ก่อนที่ “ตูน บอดี้สแลม” จะทำการมอบอุปกรณ์กีฬาให้จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมอบเงิน จำนวน 50,000 บาท ให้กับสถานสงเคราะห์เด็กชายจังหวัดยะลา โดยมีนางพรทิพย์ ไพชำนาญ ผู้ปกครองสถานสงเคราะห์เป็นผู้รับมอบ จากนั้น “ตูน บอดี้สแลม” ยังได้มอบทุนการศึกษา จำนวน 2 ทุน ทุนละ 10,000 บาท ให้กับนักเรียนที่เรียนดี แต่ยากจน อีกจำนวน 2 ราย
โดย “ตูน บอดี้สแลม” กล่าวแต่เพียงสั้นๆ ว่า ตนเองเคยมีเพื่อนในสมัยเรียนที่เรียนดี แต่ไม่มีทุนทรัพย์ที่จะเรียนต่อ ซึ่งเสียโอกาสตรงนั้นไป ตนเองจึงคิดที่จะมอบทุนการศึกษาดังกล่าวนี้ ซึ่งเป็นเงินของตัวเองให้กับนักเรียนที่เรียนดี แต่ยากจน หรือขาดแคลนทุนทรัพย์ จำนวน 100 ทุน ให้กับนักเรียนทั่วประเทศที่ตนเองวิ่งผ่าน
จนสร้างความปลาบปลื้มใจ และความชื่นชมต่อ “ตูน บอดี้สแลม” ที่ได้ตอบแทนสังคม และหวังสร้างอนาคตที่ดีของประเทศชาติ
นอกจากนี้ “ตูน บอดี้สแลม” ยังได้รับเงินที่ได้จากการบริจาคของพี่น้องประชาชนใน จ.ยะลา เพื่อสมทบทุนโครงการก้าวคนละก้าว เป็นจำนวนเงินกว่า 4 แสนบาท สมทบทุนในครั้งนี้ และทางรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัด ก็ได้มอบเงินส่วนหนึ่งเข้าร่วมโครงการด้วยเช่นกัน
ผู้จัดกองประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 สุดปิติ “พระองค์หญิงฯ” ทรงประทานชุดราตรีให้ “มารีญา” สวมใส่สู้ศึกมิสยูนิเวิร์ส 2017 ที่ลาสเวกัส
นับเป็นพระกรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ เมื่อ “พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรี นารีรัตน์” ทรงพระกรุณาประทานชุดแบรนด์ SIRIVANNAVARI ในคอลเลคชั่นทรงออกแบบพิเศษ ซึ่งตัดเย็บด้วย ผ้าไหมมัดหมี่จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้ “มารีญา พูลเลิศลาภ” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 นำไปใช้ในการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2017 และเป็นสิริมงคลสูงสุดสำหรับกองประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์
โดยในการแถลงข่าวเปิดตัวชุดราตรีและชุดประจำชาติประจำปี 2017 “เมขลาล่อแก้ว” กองประกวดฯ เปิดงานด้วยการแสดงแฟชั่นโชว์ชุดราตรีทรงประทานแบรนด์ SIRIVANNAVARI แสดงแบบโดยมารีญา เป็นชุดราตรีสีม่วง ตัดเย็บจากผ้าไหมมัดหมี่ผสมผสานกับผ้าไหมทอเส้นเดียวจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ใช้เทคนิคการร้อยและการปักลูกปัดแบบ HAUTE COUTURE จากประเทศฝรั่งเศส ปักโดยช่างปักฝีมือชั้นครูซึ่งเป็นทีมช่างปักของแบรนด์ “SIRIVANNAVARI” ชุดในคอลเลคชั่นทรงออกแบบพิเศษนี้ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงพระกรุณาคัดสรรผ้าไหม จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เพื่อใช้ตัดเย็บในแต่ละชุดด้วยพระองค์เอง
“ชิชญาสุ์ กรรณสูต” ผู้จัดการกองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ กล่าวว่า พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ ทรงพระกรุณาต่อมารีญาอย่างหาที่สุดมิได้ และเป็นสิริมงคลอย่างยิ่งต่อกองประกวดฯ ทำให้ทุกคนมีกำลังใจที่ ยิ่งใหญ่และยิ่งทุ่มเทเตรียมการเพื่อให้มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 สร้างผลงานที่ดีสุดบนเวทีประกวดฯ เพื่อนำข่าวดี และความภาคภูมิใจมาให้คนไทยอีกครั้ง
นอกจากชุดคอลเลคชั่นทรงออกแบบพิเศษแล้ว ในปีนี้ยังมีดีไซเนอร์ชั้นนำ และแบรนด์ที่มีชื่อเสียงของไทย มาร่วมออกแบบและจัดทำชุดต่างๆ ให้มารีญาตลอดรวมถึงเครื่อง ประดับ รองเท้า กระเป๋า ที่เตรียมไปเกือบ 40 แบรนด์และจะเป็นปรากฏการณ์แฟชั่นบนเวทีมิสยูนิเวิร์สอีกครั้งของสาวงามจากประเทศไทยที่ถูกขนานนามว่า “มิสแฟชั่น” ด้วยเครื่องแต่งกายแนวแฟชั่นดีไซน์ที่สร้างสรรค์ สวยงาม สะดุดตา และทันสมัย แม้แต่กูรูแฟชั่นระดับโลกก็ต่างรอชมแฟชั่นเครื่องแต่งกายของไทยผ่าน มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ในแต่ละปี
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012