ข่าว
‘ไบเดน’ ย้ำพร้อมยอมรับความผิดลูกชาย

วิลมิงตัน/วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์ส/ซีเอ็นเอ็น) - ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ พร้อมยอมรับโทษและความผิดต่างๆ ที่ ฮันเตอร์ บุตรชายของเขาจะได้รับ หลังจากบุตรชายของเขา ถูกตัดสินว่ามีความผิดคดีครอบครองอาวุธปืน ถือเป็นครั้งแรกที่ทายาทของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อยู่ในตำแหน่งต้องคดีอาญา

ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ถูกคณะลูกขุนศาลแขวงรัฐเดลาแวร์ตัดสินว่ามีความผิดทางอาญา 3 กระทง ในคดีที่เขาซื้ออาวุธปืนเมื่อปี 2018 ซึ่งจากการพิจารณาคดี คณะลูกขุนเห็นว่า เขาแสดงข้อมูลเป็นเท็จในการขอซื้อปืน โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับการใช้สารเสพติด และได้ครอบครองอาวุธปืนที่ซื้อมาอย่างไม่ถูกต้องหลังจากนี้ ศาลจะกำหนดวันพิพากษาโทษภายใน 120 วัน ซึ่งตามกฎหมายฮันเตอร์ ไบเดน อาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 25 ปี แต่ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายเชื่อว่า เขาไม่น่ารับโทษสูงสุดเนื่องจากเป็นการกระทำความผิดครั้งแรก และฐานความผิดไม่เกี่ยวกับการใช้ความรุนแรง

ด้าน โจ ไบเดน ผู้เป็นบิดาพยายามไม่ยุ่งเกี่ยวหรือให้ความเห็นใดๆ กับคดีโดยให้ภริยาของเขาและสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ เข้าร่วมให้กำลังใจ เมื่อผลการพิพากษาออกมา เขาได้เดินทางไปให้พบลูกชาย พร้อมกับออกแถลงการณ์ยืนยันยอมรับคำตัดสิน แสดงความภูมิใจในตัวลูกชายไม่เปลี่ยนแปลง โดยจะไม่ตำแหน่งหน้าที่อภัยโทษให้อย่างแน่นอน

ส่วนฝ่ายการเมืองอีกขั้ว ทีมหาเสียงของ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ว่า นี่เป็นเพียงความผิดเล็กน้อยที่บดบังอาชญากรรมร้ายแรงของครอบครัวไบเดน ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้นำสหรัฐฯ ใช้กล่าวหาคู่แข่งของเขามาโดยตลอด เช่นเดียวกับสมาชิกพรรครีพับลิกันอีกหลายคนที่เรียกร้องให้มีการเอาผิด ฮันเตอร์ ในหลายข้อหา เช่น การทำธุรกิจรับผลประโยชน์ อย่างผิดกฎหมายในยูเครนและจีน โดยที่ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ทั้งนี้ ฮันเตอร์ ไบเดน ยังถูกฟ้องร้องอีกคดีที่รัฐแคลิฟอร์เนีย เกี่ยวกับภาษี ซึ่งจะเริ่มพิจารณาคดีในเดือนกันยายนนี้

ส่วนสมาชิกพรรคเดโมแครต ยกย่องครอบครัวของไบเดนที่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม โดยหันไปเปรียบเทียบกับทรัมป์ ที่เมื่อถูกพิพากษาว่ามีความผิด กลับให้ร้ายกระบวนการยุติธรรมและนิติรัฐ

คดีนี้กลายเป็นคดีประวัติศาสตร์อีกครั้ง หลังจากเมื่อเกือบสองสัปดาห์ก่อน ทรัมป์เพิ่งถูกตัดสินมีความผิดกรณีจ่ายเงินปิดปากนักแสดงภาพยนตร์ผู้ใหญ่ กลายเป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่ต้องโทษคดีอาญา

เผยหลักฐานก่อนเรือน้ำมันเถื่อนหาย พบการเคลื่อนไหวผิดปกติของกลุ่มคน-รถขนของ

13 มิ.ย.67 ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายว่า พบคลิปในวันที่ 11 มิถุนายน 2567 ก่อนที่เรือบรรทุกน้ำมัน ทั้ง 3 ลำ จะหายไป จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า มีรถวิ่งเข้าออกและมีการเดินของคนเข้ามากกว่าปกติ กว่าทุกวันที่มีเรือมาจอด ซึ่งจากการดูภาพในกล้องวงจรปิดมีรถบรรทุกถังน้ำมันอยู่หลังรถ ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องกับการหายของเรือบรรทุกน้ำมันหรือไม่ แต่ก็ตรงกับการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ระบุว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ว่าในช่วงเย็นก่อนเรือจะหายลูกเรือมีการขนของในช่วงเย็น

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของวันที่ 11 มิถุนายน 2567 ตอนเวลา 20.11 น. พบเรือบรรทุกน้ำมันของกลางทั้ง 3 ลำ กำลังแล่นออกจากอ่าวสัตหีบไปสักระยะก็มีการปิดไฟบนเรือ ต่อมาในช่วงเวลา 06.18 น. ของวันที่ 12 มิถุนายน 2567 ได้มีกลุ่มบุคคลไม่ทราบว่าเป็นใคร วิ่งออกมาจากสะพานก่อนจะมารวมตัวปรึกษาหารือกัน ซึ่งจะมีการตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่


‘อนุทิน’ชี้ดึง‘กัญชา’กลับ‘ยาเสพติด’ เท่ากับริบสิทธิ์คืนทั้งหมด

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ระบุจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนเป็นเวลา 15 วัน ระหว่างวันที่ 11 - 25 มิ.ย.นี้ ต้องการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดหรือไม่ เพื่อนำความเห็นดังกล่าวประกอบการตัดสินใจโดยกระทรวงสาธารณสุข ว่า เป็นการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งตนเคารพและไม่ขอก้าวก่าย แต่อยากจะพูดในเชิงหลักการว่า การเปิดรับฟังความคิดเห็นเรื่องใดๆ นั้น เป็นกระบวนการที่ทำได้และสำคัญสำหรับวัฒนธรรมประชาธิปไตย แต่ในเรื่องที่มีรายละเอียดซับซ้อนโดยเฉพาะเรื่องที่เป็นวิทยาศาสตร์ ก็ต้องเข้าใจว่าผู้ให้ความเห็นบางครั้งอาจไม่มีเวลาศึกษาหรือมีช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลอย่างครบถ้วนก่อนออกความเห็น ความเห็นนั้นจึงควรถูกรับฟัง แต่ไม่ควรถือเป็นปัจจัยทั้งหมดในการตัดสินใจเชิงนโยบายที่ต้องรอบคอบรอบด้าน

"การปลดล็อคพืชสมุนไพรกัญชานำออกจากความเป็นยาเสพติด คือการคืนสิทธิในการเข้าถึงให้ประชาชน แล้วกำกับควบคุมการใช้งานด้วยกฎหมาย แต่การนำกลับเป็นยาเสพติดคือการริบสิทธิ์นั้นทั้งหมด แล้วค่อยๆ ออกประกาศให้บางคนขออนุญาตเข้าถึงได้ โอกาสในการใช้ประโยชน์จะต่างกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดลึกซึ้ง และต้องพิจารณากันหลายมิติ" นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ประชาชนเลือกตัวแทนเข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่อทำงานและตัดสินใจแทนในเรื่องที่ซับซ้อนให้ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ เราจึงไม่สามารถโยนภาระการตัดสินใจในเรื่องที่ซับซ้อนทุกเรื่องกลับไปที่ประชาชน ซึ่งตนเชื่อว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขก็เข้าใจหลักการเหล่านี้ดี


'นอท'เฮลั่น!! ศาลอาญายกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ปิดเว็บลอตเตอรี่พลัส

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 67 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งในคดีที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ได้ยื่นคำร้องขอศาลให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์จำนวน 2โดเมนเนม คือ ล็อตเตอร์พลัส.comและlotteryplus.co.th ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ โดยมีบริษัทลอตเตอรี่พลัส จำกัด เป็นผู้คัดค้าน

คดีสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 กระทรวงดิจิทัล ฯผู้ร้องได้ ตรวจพบว่า เว็บไซต์ผู้คัดค้านมีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นความผิดอาญาตามกฎหมายเกี่ยวกับการเล่นการพนันและละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อการค้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล

ต่อมาผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ URL www.ลอตเตอรี่พลัส.com และ www.lotteryplus.co.th และยกคำร้องของผู้ร้อง

ศาลรับฟังข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้คัดค้านประกอบกิจการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม URL WWW.ลอตเตอรี พลัส.com และ www.lotteryplus.co.th โดยไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยผู้คัดค้านเสนอขายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าวฉบับละ 80บาท โดยคิดค่าเช่าพื้นที่จัดเก็บสลากกินแบ่งจากผู้ซื้ออีกฉบับละ 25 บาท

ต่อมาวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) มีหนังสือถึงผู้ร้องแจ้งเรื่องการตรวจสอบพบเว็บไซต์ขิงผู้คัดค้านที่มีเนื้อหาเป็นการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งแก่ผู้บริโภคในราคาเกินกว่าที่กำหนดหรือขายสลากกินแบ่งโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีพฤติกรรมเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพวาดบนสลากกินแบ่ง โดยวิธีการนำภาพสลากกินแบ่ง ไปทำซ้ำหรือดัดแปลงและเผยแพร่ต่อสาธารณชนเพื่อการค้า ผู้ร้องจึงมีอำนาจขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้

มีปัญหาวินิจฉัยประการว่า มีเหตุเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลาย หรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้คัดค้านออกจากระบบคอมพิวเตอร์หรือไม่ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลาย หรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้คัดค้านออกจากระบบคอมพิวเตอร์ ในกรณีที่มีการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เป็นความผิดอาญาตามกฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา หรือกฎหมายอื่นซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ตามมาตรา 20(3) แห่ง พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ. 2550 จากกรณีที่แพลตฟอร์ม ลอตเตอรี่พลัส.com และ lotteryplus.co.th ของผู้คัดค้านมีรูปแบบการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ให้ผู้บริโภคชำระค่าเช่าตู้เซฟหรือเช่าพื้นที่เก็บลอตเตอรี่ฉบับละ 25 บาท ซึ่งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเห็นว่าเข้าข่ายเป็นการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งที่ออกตาม พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517และยังไม่ได้ออกรางวัลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่ง อันเป็นความผิดตามกฎหมายตาม พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 เสนอขาย หรือขายสลากกินแบ่งที่ออกจำหน่าย และที่ยังไม่ได้ออกรางวัลเกินกว่าราคาที่กำหนดในสลากโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 ทำซ้ำหรือดัดแปลงหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ โดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อการค้า อันเป็นความผิดตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนไว้ แต่เนื่องจากข้อหาเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งที่ออกตาม พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 และยังไม่ได้ออกรางวัลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่ง ซึ่งจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทซึ่งตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 มาตรา 39 กำหนดให้เป็นพินัย พนักงานสอบสวนจึงส่งเรื่องกลับให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลดำเนินการตามพรบ.ดังกล่าวต่อไป

ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน และความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ได้ความตามคำเบิกความของพยานผู้ร้องปากพ.ต.ท.ประทีป จันทร์เพชรบุรี ผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ว่าความผิดทั้งสองข้อหาดังกล่าวจนถึงปัจจุบันมีเพียงการแจ้งข้อกล่าวหาบริษัทผู้คัดค้านไว้เท่านั้นโดยไม่ได้มีการสอบสวนเพิ่มเติมแต่อย่างใด ซึ่งจากการไต่สวนพยานผู้คัดค้าน ก็ได้ความว่าผู้คัดค้านได้เสนอขายและขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาฉบับละ 80บาท ซึ่งเป็นราคาที่กำหนดไว้ในสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยการซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลจากผู้คัดค้านตามคำร้องเป็นการซื้อขายในทางปกติ หากผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่มีความประสงค์ฝากสลากไว้กับผู้คัดค้านหรือเลือกวิธีการให้ผู้คัดค้านส่งต้นฉบับให้ผู้ซื้อทางระบบขนส่ง ผู้ซื้อสามารถจองคิวเข้าซื้อสลาก ณ ที่ทำการของผู้คัดค้านได้ โดยไม่มีค่าบริการอื่นๆ ซึ่งพ.ต.ท.ประทีป ได้ตอบทนายผู้คัดค้านถามค้านว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่พบว่าผู้คัดค้านได้ถูกดำเนินคดีหรือมีผู้ร้องเรียนว่ามีการหลอกลวงหรือฉ้อโกงหลอกขายสลากกินแบ่งแต่อย่างใด

ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พยานผู้คัดค้านเบิกความว่าการนำโลโก้หรือตราบริษัท หรือสัญลักษณ์ของผู้คัดค้านมาปิดบริเวณสลากกินแบ่งรัฐบาล มิได้กระทำโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ เนื่องจากเป็นสลากกินแบ่งฉบับจริงไม่มีการเติมตัดทอน

แก้ไขในสลากกินแบ่งแต่อย่างใดการนำสัญลักษณ์ของผู้คัดค้านซ้อนทับก็เพื่อป้องกันการคัดลอกรูปสลากกินแบ่งรัฐบาลจากแพลตฟอร์มของผู้คัดค้านเอาไปหาประโยชน์ในทางมิชอบ หรือนำไปหลอกเวียนขายต่อประชาชนโดยไม่มีต้นฉบับสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าว หรือทำไปนำไปใช้ในทางทุจริต

ทางคดีจึงเห็นว่าผู้คัดค้านมีข้อต่อสู้ ดังนั้น การที่เพียงแต่มีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้คัดค้านโดยไม่ปรากฏเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วน และไม่มีการสอบสวนเพิ่มเติมใดๆ ในขณะเดียวกันผู้คัดค้านก็มีเหตุผลคอยรองรับการต่อสู้คดี พิจารณาแล้วข้อเท็จจริงที่ได้ความเปลี่ยนเเปลงไป

ศาลเห็นว่า ยังไม่มีเหตุเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้คัดค้านออกจากระบบคอมพิวเตอร์

ศาลจึงมีคำสั่งให้ยกเลิกระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ จำนวน2 URL/โดเมนเนมได้เเก่ลอตเตอรี่พลัส.com และ lotteryplus.co.th ตามคำสั่งวันที่ 17 พฤษภาคม2567 มีผลนับเเต่คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ให้ยกเลิกการปิดกั้นเเละลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้คัดค้านลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 สิ้นผล จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนเเปลงเป็นอย่างอื่นคำขออื่นให้ยก


สุดสลด! ไฟไหม้อาคารที่พักคนงานในคูเวต เสียชีวิต 41 ราย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดไฟไหม้ที่อาคารพักอาศัยของคนงานในเมืองมันกัฟ ทางตอนใต้ของคูเวต ในเช้าวันนี้ รองนายกรัฐมนตรีคูเวตระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 41 ราย ขณะที่ตำรวจระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 35 คน

นายฟาฮัด ยูซุฟ อัล-ซาบา รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหมและรักษาการรัฐมนตรีมหาดไทยกล่าวว่า ความโลภของเจ้าของอาคารเป็นสาเหตุของเหตุการณ์ครั้งนี้ เขาจะคุยกับเทศบาลและเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ทุกคน จะมีการรื้อถอนอสังหาริมทรัพย์ที่ฝ่าฝืนกฎหมายในเช้าวันนี้ เรื่องนี้ควรต้องดำเนินการตั้งนานแล้ว แต่เจ้าของละเลย เป็นเหตุให้เกิดผลในวันนี้คือ มีผู้เสียชีวิต 41 คน

ตำรวจคูเวตแถลงกับสถานีโทรทัศน์ของทางการว่า ได้รับรายงานเหตุไฟไหม้เมื่อเวลา 06:00 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 10:00 น.วันนี้ตามเวลาไทย อาคารที่เกิดเหตุใช้เป็นที่พักอาศัยของคนงานจำนวนมาก มีผู้ได้รับความช่วยเหลือออกมาจำนวนหนึ่ง และมีคนเสียชีวิต 35 คน เพราะสำลักควันไฟ ทางการได้เตือนอยู่เสมอเรื่องอย่าให้คนงานพักอาศัยในอาคารมากเกินไปจนแออัด

ด้านกระทรวงสาธารณสุขคูเวตแถลงว่า มีคนเข้าโรงพยาบาล 43 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิต 4 คน แต่ไม่ชัดเจนว่าเพิ่มเติมจากตัวเลข 35 คนของตำรวจหรือไม่ ทางการคูเวตแจ้งว่า สามารถควบคุมไฟได้แล้ว และกำลังสอบสวนหาสาเหตุ


สมาคมอีสานแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ จัดงาน “อีสานบอลล์”

เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน 2023 ที่ Arcadia Community Center โดยมี กงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส และภริยา ต่อ-สิริกมล ศรลัมพ์ เป็นประธานในงานและร่วมแห่บั้งไฟพญานาคเพื่อเปิดงาน เพื่อนำรายได้หักค่าใช้จ่าย มอบเป็นทุนการศึกษาและการกีฬาแก่โรงเรียนในชนบททางภาคอีสาน ในงานได้มีการคัดเลือกผู้ไปร่วมงานรับตำแหน่งต่างๆ ดังนี้ 1.ขวัญใจอีสาน ไอด้า ยุพินพักตร์ เตโชภาส 2.มิสอีสาน ครูป้อม กฤติกา เมฆศรีวรวรรณ 3.มิสยิ้มรวยสวยอีสาน เอ็นนี่ วิรัตติยา 4.นางงามมิตรภาพ กรรณิกา ละมุนภักดิ์ 5.ขวัญใจสื่อมวลชน จุฑาภรณ์ ไชยรัตน์ติเวช 6.คนดีศรีอีสาน ฝ่ายหญิง ก้อย รัตนหทัย ใจยงค์ 7.คนดีศรีอีสาน ฝ่ายชาย ตัน พัฒนะ (ภาพ/ข่าว: ดอน เจริญสุดใจ)

คลื่นร้อนอินเดียนานสุดตายเพิ่มกว่า 40

นิวเดลี (รอยเตอร์ส/เอเอ็นไอ) - คลื่นความร้อนสุดโหดยังคงแผ่ปกคลุมหลายพื้นที่ของอินเดีย ถือเป็นคลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมประเทศยาวนานที่สุด รัฐโอดิชาทางภาคตะวันออก พบผู้เสียชีวิตจากความร้อนมากถึง8 ศพ ในช่วงเวลาเพียง 72 ชั่วโมง รวมดับกว่า 40 ศพ นับตั้งแต่เผชิญคลื่นความร้อนโหด

ผู้อำนวยการหน่วยงานด้านสาธารณสุขรัฐโอริสสา ทางตะวันออกของอินเดีย รายงานล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนในฤดูร้อนในรัฐโอริสสา เพิ่มเป็น 41 ศพนับตั้งแต่เริ่มต้นฤดูร้อนในปีนี้เป็นต้นมา โดยรวมผู้เสียชีวิตล่าสุด 8 ศพ ในรัฐนี้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย สาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากโรคลมแดด นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตอีกหลายสิบคน ที่สงสัยว่าเกิดจากลมแดด กำลังรอสอบสวนเพื่อยืนยันอยู่

ก่อนหน้านี้ อินเดียรายงานยอดผู้เสียชีวิต 60 ศพ ป่วยอีกเกือบ 25,000 คนทั่วอินเดีย จากคลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคมปีนี้ ผู้เสียชีวิตรวมถึงเจ้าหน้าที่เลือกตั้ง 18 ศพ เสียชีวิตในรัฐอุตตะประเทศและพิหาร ต่อมามีรายงานผู้เสียชีวิตอีก 33 ศพ ในรัฐพิหาร อุตตะประเทศและโอริสสา เมื่อ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา รวมถึงเจ้าหน้าที่เลือกตั้งหลายคนด้วย

ด้านอุตุนิยมวิทยาอินเดีย ระบุ อินเดียกำลังเผชิญคลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมประเทศยาวนานที่สุดเป็นสถิติใหม่ เนื่องจากหลายพื้นที่เผชิญสภาพอากาศร้อนจัดต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลา 24 วันแล้วพื้นที่ภาคเหนือของประเทศเผชิญสภาพอากาศร้อนจัดมาตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลายเมืองเผชิญอุณหภูมิระหว่าง 45-50 องศาเซลเซียส และยังเตือนล่าสุดว่า คลื่นความร้อนจะยังคงถล่มอินเดียเหนือและอินเดียตะวันออก ต่อไปอีก 5 วัน

ทั้งนี้ สภาพอากาศร้อนจัดจากคลื่นความร้อนที่เกิดขึ้น ยังส่งผลให้หลายพื้นที่ของอินเดีย รวมถึงในกรุงนิวเดลี เผชิญปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคและบริโภค

เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำหลายสายของประเทศที่เป็นแหล่งผลิตน้ำดิบแห้งขอด อย่างไรก็ดี สำนักอุตุนิยมวิทยาอินเดียระบุว่า พายุฝนที่ตกหนักในรัฐเกรลละ จากอิทธิพลของพายุไซโคลนเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา จะช่วยให้สภาพอากาศร้อนจัดบรรเทาเบาบางลง เนื่องจากพยากรณ์ว่า พายุฝนจะขยับขึ้นไปยังพื้นที่ตอนบนของอินเดียในช่วงไม่กี่วันข้างหน้านี้