วันที่ 29 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงเหตุระเบิดที่ อ.รือเสาะ และ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ส่งผลให้ทหารเสียชีวิต 1 นาย เมื่อช่วงเย็นนี้ว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ จากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น โดยมี ร.อ.ศิวัฒน์ ศรีอุปโย ผู้บังคับกองร้อยที่ 1513 สังกัด หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 เสียชีวิต ทั้งนี้ ยอมรับว่าเหตุที่เกิดขึ้นยากต่อการควบคุม ในเบื้องต้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้มีการปรับการทำงานว่า จะทำอย่างไรให้ลดเหตุความรุนแรงในพื้นที่ให้มากที่สุด
เมื่อถามว่า เกิดเหตุในลักษณะนี้แล้วกองทัพบกจะทำอย่างไรต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะทำอย่างไรได้ ทหารก็ต้องทำหน้าที่ต่อไป ส่วนกรณีที่แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น เสนอระหว่างการพูดคุยเพื่อสันติภาพที่ประเทศมาเลเซีย ให้ปล่อยตัวนักโทษคดีความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อแลกกับการลดการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่นั้น เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ และไม่คิดที่จะทำ ในเบื้องต้นต้องมีการพูดคุยหารือกันอีกครั้ง
เมื่อเวลา 20.45 น. บรรยากาศการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ชี้แจงร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านว่า ข้อสังเกตต้นทุนการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเมื่อเทียบกับต่างประเทศนั้นที่จริงเทคโนโลยีมันมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับโครงสร้างแบบไหน มีทั้งบนดิน ใต้ดินดินอ่อน ดินแข็ง จึงมีปัจจัยหลายอย่าง ของเราที่เสนอต้นทุนอยู่ที่ กม.ละ 516 ล้านบาท ซึ่งตนจะชี้แจงรายละเอียดในชั้นกรรมาธิการฯต่อไป ส่วนคณะที่ปรึกษาในโครงการใหญ่ขนาดนี้ต้องมี โดยอัตราที่ใช้ทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 4% แต่ของเราตัดเหลือแค่2% ตรงนี้อยู่ในเอกสารชัดเจน ส่วนที่บอกว่าของต่างชาติมีราคาต่ำกว่าก็ให้นำข้อมูลมาตนจะนำไปพิจารณา อีกเรื่องที่สำคัญคือรถไฟฟ้าสายสีส้ม ต้องมีการเวนคืนที่ดินมีประชาชนเดือดร้อนแน่นอน รัฐบาลต้องร่วมมือกับส.ส.ทุกพื้นที่ลงไปแก้ปัญหาที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมอาจ มีปัญหาด้านการสื่อสาร ซึ่งตนจะลงไปดูปัญหาด้วยตัวเอง จะไม่ให้เกิดการต่อต้านจากประชาชนมีอะไรก็ขอให้คุยกันทุกพื้นที่ สุดท้ายในฐานะ รมว.คมนาคม พยายามจะรับฟังทุกความเห็นเราเป็นหน่วยปฏิบัติ เราได้ความเห็นที่ดีหลายอย่างตนไม่ใช่ยืนอยู่ต่อหน้าส.ส.แต่ยืนอยู่ต่อหน้า ประชาชน 60 กว่าล้านคน ยืนยันว่าจะทำด้วยความรอบคอบทุกบาททุกสตางค์เพื่อประโยชน์ประชาชน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง
ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลัง กล่าวสรุปพร้อมนำเสนอวีดีทัศน์ว่า ขอย้ำว่าร่างพ.ร.บ.นี้ให้อำนาจกู้เงินไม่เกิน2 ล้านล้านบาท แน่นอนว่าต้องมีค่าชำระดอกเบี้ยรายปี แต่จะไม่มีการสะสมดอกเบี้ยให้พอกพูนขึ้นโดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยเผื่อขาดเผื่อ เหลือไว้ถึงร้อยละ 5 เพื่อความมั่นใจว่าจะชำระหนี้ได้สมมติหากมีรัฐบาลใหม่เข้ามาจะดำเนินการ ชำระคืนเงินกู้เร็วกว่านั้นก็ได้ยืนยันว่าการกู้เงินตามร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ในที่สุดหนี้จะหมดลง ส่วนจะหมดลงตามเวลาที่แถลงไว้หรือไม่ก็อยู่ที่แนวทางดำเนินการในอดีตกฎหมายกู้เงินอื่นๆ รวมถึงการกู้เงินเพื่อการบริหารจัดการน้ำหนี้เหล่านั้นแม้จะน้อยกว่า แต่หากทำลืมเลือนหนี้ก็จะพอกพูน ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญตรงนี้หนี้กองทุนฟื้นฟู 1.4 ล้านล้านบาท จนถึงขณะนี้ลดลงเรื่อยๆ การที่เราไม่ใช้งบฯประจำปีมิติของงบฯส่วนนี้อาจไม่สามารถทำให้ดำเนินการ โครงการขนาดใหญ่ขนาดนี้ต่อเนื่องได้ที่บอกว่าจะมีการเบียดบังไปใช้ในกิจการ ด้านอื่นนั้นที่เราออกเป็นกฎหมายเฉพาะแบบนี้ จะรักษาวินัยการคลังเข้มงวดควบคู่ไปกับการนำเข้าสู่งบฯสมดุลในที่สุดการ ดำเนินการตามโครงการนี้แน่นอนว่าไม่สามารถครอบคลุมได้ทุกจังหวัดแต่จะเกิดผล ต่อทุกจังหวัดแน่นอน ไม่มีเจตนาเลือกจังหวัดใดโดยเฉพาะ
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า หากรวมจีดีพีรวม 7 ปีตามโครงการนี้ จะมีมูลค่าถึง 120 ล้านล้านบาท ดังนั้นการลงทุน 2 ล้านล้านบาท ถือว่าคุ้มค่าฐานการเงินของไทยที่เข้มแข็งมีเงินทุนสำรองอยู่ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีสภาพคล่องส่วนเกดินโดยธนาคารแห่งประเทศไทยดอกเบี้ยที่เกิดจากการดูดซับสภาพคล่องโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจเจริญขึ้นมีอยู่การนำมาลงทุนดอกเบี้ยที่ได้จาก การลงทุนก็จะไปอยู่กับกลุ่มผู้ออมที่ผ่านมาสิ่งที่ไม่ได้จ่ายจากค่าดอกเบี้ยก็คือความสูญเสียโอกาสจากระบบ คมนาคมขนส่งที่ผ่านมาหากมีการลงทุนตามร่างพ.ร.บ.นี้ จะมีการลงทุนสูงขึ้นกว่าไม่ลงทุนโดยมีนัยยะสำคัญ อนาคตเราจะประหยัดเชื้อเพลิงปีละกว่า1 แสนล้านบาท ส่วนการดูแลการทุจริต เราจะดำเนินการตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตรวมถึงต้องดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการลงทุนอื่น อาทิ ด้านสิ่งแวดล้อมพ.ร.บ.บริหารจัดการหนี้สาธารณะ และต้องรายงานต่อรัฐสภาทุกสิ้นปีงบประมาณภายใน 120วัน ยืนยันว่าไม่ให้หนี้สาธารณะเกินร้อยละ 50 แน่นอน แต่เผื่อเหลือเผื่อขาดไว้อีกร้อยละ10 เพื่อให้มั่นใจว่าจะจัดการได้ จึงหวังว่าสภาฯจะให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เพื่อประโยชน์ประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากใช้เวลาการพิจารณารวม 2 วัน ใช้เวลากว่า 27 ชั่วโมง 45 นาทีที่สุดที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ด้วยคะแนนเสียง 284ต่อ 152 เสียง งดลงคะแนน 21 และไม่ลงคะแนน 7 และให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯจำนวน36 คน
ศาลอาญาพิพากษาจำคุก "เอ็ม พญาไท" หรือฉายา "แรมบ้าพญาไท" ก่อเหตุร่วมมือกับเมียใช้ปืนจี้บังคับนักศึกษาสาว ป.โท ซึ่งเป็นพนักงานบริษัท บังคับข่มขืนวิตถาร แล้วใช้มือถือ กล้องวิดีโอถ่ายคลิปประจาน ถูกจำคุก 50 ปี ส่วนเมียที่ร่วมสนับสนุนโดน 10 ปี...
เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ ศาลมีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการ และ น.ส.กันยา (นามสมมติ) นักศึกษาปริญญาโท คณะนิติศาสตร์ เป็นโจทก์ร้องฟ้อง นายสุรชาติ หรือธนชาติ หรือคณิศร วิวัฒนชาติ หรือ "เอ็ม พญาไท" อายุ 38 ปี เป็นจำเลยที่ 1 กับนางธนวรรณ คล้ายแพร ภรรยา เป็นจำเลยที่ 2 ร่วมกันเป็นจำเลยฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอมโดยใช้อาวุธปืน กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ ข่มขืนกระทำชำเราโดยมีอาวุธและหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา มีและพกพาอาวุธปืนอาวุธมีด เหตุเกิดที่บริษัท อินเตอร์ดีเทคทีพไทยแลนด์ ย่านบางเขน กทม.
คำพิพากษามีใจความว่า คดีนี้โจทก์ว่า เมื่อระหว่างเดือน พ.ค.-ต.ค. 2551 หลายกรรม จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.กันยา ผู้เสียหาย ซึ่งมีอายุ 25 ปี เป็นพนักงานในบริษัทของจำเลย แล้วใช้อาวุธปืนและมีดจี้บังคับข่มขืนใจให้จำยอม กับบังคับให้ใช้ปากกระทำกับอวัยวะเพศของจำเลยทั้งสอง แล้วใช้โทรศัพท์มือถือกับกล้องวิดีโอ บันทึกภาพและคลิป เผยแพร่ไปยังโทรทัศน์ของมารดา ป้า และเพื่อนของผู้เสียหาย กับเอาแผ่นซีดีภาพเปลือยไปเผยแพร่ที่ป้อมยามที่มหาวิทยาลัย
จำเลยให้การปฏิเสธว่า ผู้เสียหายกลั่นแกล้งความความเท็จมาฟ้องคดี เพราะโกรธที่จำเลยจะเล่นงานเรื่องผู้เสียหาทำงานว่าความในศาลผิดพลาดและไม่ไปศาลจนถูกศาลจำหน่ายคดี จนจำเลยขู่ว่าจะลงโทษและร้องถอนใบอนุญาตทนาย ส่วนจำเลยที่ 2 ปฏิเสธว่าตนอยู่ในภาวะจำยอม เพราะถูกจำเลยที่ 1 ข่มขู่ด้วย กับยังเคยพูดเตือนสติจำเลยให้นึกถึงโทษที่จะได้รับคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์ แล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยหลายกรรมช่วงต้นฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด คงฟังได้เฉพาะการกระทำช่วงเดือนมิ.ย., ส.ค. ถึง ต.ค. 51 พยานโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยได้บังคับให้ผู้เสียหายขึ้นไปบนชั้นสองของอาคาร แล้วข่มขืนทางอวัยวะเพศและทวารหนัก กับบังคับให้ใส่ปลอกคอสุนัขจับมือไขว้หลัง แล้วใช้ปืนจ่อศีรษะ โดยจำเลยที่สองใช้มีดโกน โกนขนอวัยวะเพศผู้เสียหาย แล้วใช้โทรศัพท์โนเกียกับใช้กล้องวิดีโอพร้อมขาตั้งถ่ายจากปลายเตียง ขู่เข็ญจะนำภาพส่งให้ญาติผู้เสียหายดู
ศาลเห็นว่าพยานโจทก์เป็นพยานบุคคล ซึ่งเป็นญาติสนิท เป็นตำรวจที่รับรู้เหตุการณ์มาแต่แรก พยานวัตถุเป็นภาพวีดิทัศน์หลายรายการ อุปกรณ์เครื่องสั่น ซึ่งล้วนแต่สอดคล้องกับคำให้การของผู้เสียหาย ซึ่งเป็นหญิงยังไม่มีสามี และเป็นถ้อยคำที่จะกระทบกับชื่อเสียงของตนเอง หากไม่เป็นเรื่องจริง ก็คงไม่นำมาเบิกความเพียงเพื่อจะกลั่นแกล้งจำเลย ขณะที่พยานฝ่ายจำเลยเพียงอ้างถิ่นที่อยู่และนำสลิปบัตรเครดิต ว่าขณะเกิดเหตุไปซื้อของและรับประทานอาหารจึงฟังไม่ขึ้น จึงฟังว่ากระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 รวม 50 ปี และลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุน คงรับโทษจำคุก 10 ปี
หลังฟังคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัวจำเลยทั้งสองไปรับโทษ โดยมีญาติผู้ใหญ่ของนายเอ็ม ตามไปส่งอย่างใกล้ชิด สำหรับนายเอ็มเคยเป็นอดีตสามีของ "น้องอ้วน" อารีวรรณ จตุทอง อดีตรองนางสาวไทยปี 2537 ที่จับภรรยาตนเองแก้ผ้าถ่ายรูปแล้วใช้ที่จุดบุหรี่จี้ โดยถูกจำคุกไปหลายปี แล้วไปก่อเหตุคลั่งใช้ปืนเอ็ม 16 บุก สน.พญาไท จี้ร้อยเวรบังคับให้ปล่อยตัวลูกน้องที่ถูกจับมาในข้อหาแค่เปิดตู้เกมส์ไฟฟ้า จนได้ฉายา "แรมบ้าพญาไท" จึงถูกจับติดคุกไปจริง 6 ปี ก็ถูกปล่อยตัวมาเปิดสำนักงานกฎหมายและนักสืบ เรียนต่อจบปริญญาโทจากต่างประเทศ จนแล้วจนรอดก็มาก่อเหตุซ้ำอีก.
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012