เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในการใช้คำพูดประชดประชัน มีลักษณะการพูดเหมือนใช้อารมณ์ และการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ล่าสุด ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด นักพูด นักบรรยาย และพิธีกร ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวเกี่ยวกับการแถลงข่าวของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ว่า “ฟังผู้ว่า กทม. แถลงเรื่องน้ำท่วมแล้วผิดหวังจริง ๆ เพราะสิ่งที่ท่านพูดออกมานั้นตรงกันข้ามกับทฤษฎีการสื่อสารในภาวะวิกฤตโดยสิ้นเชิง ผิดแทบทุกข้อ 1. Awareness รับรู้ว่ามีความผิดพลาดและเกิดวิกฤต ข้อนี้พอผ่าน 2. Acknowledgement เข้าใจว่าวิกฤตเกิดเพราะอะไร ข้อนี้ท่านไม่ได้คะแนน เพราะท่านโทษเทวดา ท่านบอกว่าท่านไม่ใช่เทวดา ท่านบอกให้เราไปปลูกบ้านบนดอย เพื่อไม่ต้องเจอน้ำท่วม 3. Admission ยอมรับความผิดพลาด ท่านยอมรับแค่ว่าท่านคาดการณ์ผิดเกี่ยวกับฝนผิดฤดู แต่ไม่มีการยอมรับว่ามีการดำเนินการอะไรผิดพลาดบ้าง ที่ทำให้รับมือไม่ทัน 4. Apology การกล่าวขอโทษประชาชนที่ต้องพบกับความลำบาก ท่านไม่ขอโทษอะไรทั้งนั้น ยืนยันว่าท่านไม่ใช่เทวดา ซึ่งไม่ได้ช่วยทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งที่กำลังโกรธ กำลังตำหนิกล่าวหาต่อว่าท่านหายโกรธ การสื่อสารในภาวะวิกฤตนั้นต้องให้ความสำคัญกับการแก้ไขอารมณ์ของสาธารณชน อย่าพูดจาอะไรที่จะเป็นการโหมไฟความโกรธของสาธารณชน และเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงกันข้ามโจมตี การแก้ไขวิกฤตเราต้องการแนวร่วม ดังนั้นต้องไม่พูดอะไรที่สร้างศัตรู
5. Amendment การแก้ไข แทนที่ท่านจะแก้ตัวและแถลงข่าวอย่างคนที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวกับประชาชนที่ต่อว่าท่าน สิ่งที่ท่านควรจะพูดก็คือท่านได้วางแนวทางแก้ไขไว้อย่างไรบ้าง เพื่อให้ประชาขนได้เห็นวิสัยทัศน์ และความสามารถของท่านในการแก้ปัญหา แต่เราไม่ได้เห็นภาพของการแก้ไขจากการแถลงของท่าน 6. Action ลงมือแก้ปัญหาด้วยความจริงใจ จริงจัง ทุ่มเทอย่างเต็มที่และจะต้องมีรายงานให้ประชาชนทราบเป็นระยะ ๆ ว่าท่านได้ดำเนินการทำอะไรไปแล้วบ้าง การแก้ไขปัญหาก้าวหน้าไปอย่างไรบ้าง บัดนี้เรายังไม่ได้ยินข่าวความก้าวหน้าอะไร 7. alternatives ท่านควรจะบอกด้วยว่าจากเหตุวิกฤตในครั้งนี้ท่านได้บทเรียนอะไรบ้าง แล้วท่านจะให้มีการแก้ไขแนวทางในการป้องกันน้ำท่วมอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตแบบเดิมซ้ำซาก ไม่ใช่มาพูดว่าท่านไม่ใช่เทวดาที่จะบอกว่าฝนแบบเมื่อวานจะเกิดอีกหรือเปล่า ปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีในการพยากรณ์อากาศได้ ท่านไม่คิดจะวางมาตรการในการใช้เทคโนโลยีนั้นบ้างหรือ 8. Aftermath ท่านจะต้องเตรียมเอาไว้ว่าเมือท่านแก้ไขวิกฤตครั้งนี้ได้แล้ว ท่านจะต้องขอบคุณใครบ้างที่มีส่วนช่วยแก้ไขวิกฤต ท่านจะสรุปบทเรียนอย่างไร ท่านจะสื่อสารสร้างความมั่นใจให้ประชาชนมั่นใจได้อย่างไรว่าท่านมีความพร้อมที่จะช่วยให้พวกเขาไม่ต้องเผชิญกับวิกฤตเดิมนี้อีก”
นอกจากนี้ ดร.เสรียังแสดงความคิดเห็นต่อการทำงานว่า “ใน 8 ขั้นตอนนี้ลองทบทวนดูเถิดว่าท่านทำอะไรถูกบ้าง หรือท่านคิดว่าท่านเป็นมา 2 สมัยแล้วท่านจะไม่ลงสมัครอีกจึงไม่สนใจว่าประชาชนจะคิดอย่างไรกับท่าน จึงไม่รู้จักควบคุมตัวเอง แสดงตนเป็นคน EQ ต่ำ ไม่สนใจอารมณ์ของสาธารณชนที่รวมทั้งคนที่เลือกท่านด้วย จะลงต่อหรือไม่ลงต่อก็แสดงความสามารถในการทำงานและเป็นนักการเมืองที่ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ให้เป็นเกียรติเป็นศรีกับความมนุษย์ที่มีคุณค่าเถอะค่ะ การแถลงข่าวคือการพูดอย่างคนที่สุภาพและเต็มใจที่จะแก้ปัญหา ไม่ใช่การออกมาสำรากแสดงความเกี้ยวกราดกับประชาชนที่ส่วนหนึ่งเป็นคนที่ลงคะแนนเสียงให้ท่าน แม้ท่านจะบอกว่าท่านไม่ใช่เทวดาที่จะหยั่งรู้ฟ้าดินแต่การพูดของท่านดูเหมือนว่าท่านจะทำตัวเป็นเทวดาเหนือประชาชนนะ ผิดหวังจริงๆ”
หลังจาก ดร.เสรี โพสต์ข้อความดังกล่าว ทำให้มีผู้เห็นด้วยเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย โดยส่วนหนึ่งแสดงความผิดหวังต่อการทำงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นอย่างมาก
นายกฯ กังขาแก้ปัญหาน้ำท่วม กทม. พร้อมตำหนิสื่อนำเสนอข่าวแรงงานประมงถูกหลอกที่อินโดนีเชียว่าทำให้ประเทศเสียหาย และ IUU อาจลดลำดับความน่าเชื่อถือ เป็นปัญหาความมั่นคงการค้ามนุษย์ หากยุโรปเลิกรับชื้อปลาสองแสนล้านตัน สื่อจะช่วยรับผิดชอบหรือไม่
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเยือนบรูไนดารุสซาลามอย่างเป็นทางการ ถึงกรณีน้ำท่วมในพื้นที่กทม. เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.) ว่า ได้สั่งให้มีการตรวจสอบการระบายน้ำของกรุงเทพมหานคร และให้จัดการน้ำทั้งระบบ จะแก้ปัญหาแบบเดิมไม่ได้ พร้อมมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และกระทรวงมหาดไทยไปดูแลทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และให้คสช. เตรียมกำลังทหารเข้าช่วยเหลือ แต่ก็สงสัยว่าที่ผ่านมามีการเตรียมการแต่ทำไมน้ำถึงท่วมขังได้ จึงต้องเตรียมมาตรการแก้ไข ยังโชคดีที่ยังเป็นพายุฤดูร้อนที่จะผ่านพ้นไปใน 3-4 วัน ขอเตือนประชาชนในภาคเหนือให้ระวังไว้ ทั้งนี้ปัญหาเกิดจากคนทั้งสิ้น และรัฐบาลที่ผ่านมาก็ไม่เข้มแข็ง การแก้ปัญหาไม่สามารถทำได้ใน 7-8 เดือน แต่หลังจากนี้จะเข้มงวดมากขึ้น
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการช่วยเหลือชาวประมงที่อินโดนีเซียว่า ได้ดำเนินการมาโดยตลอด ที่ผ่านมาก็ได้ช่วยเหลือไปแล้ว ที่เกาะอัมบน 26 คน และขออย่านำไปขยายความ โดยเฉพาะสื่อ ก่อนการนำเสนอต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประเทศ ทำให้เกิดปัญหา รวมถึงความมั่นคง ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยทำ แต่วันนี้รัฐบาลนี้กำลังแก้ทุกอย่าง แต่ถามว่าเรือมี 4-5 ลำ ใช้ชื่อเดียวกันได้หรือไม่ รัฐบาลนี้กำลังขึ้นทะเบียนเรือ ติดจีพีเอส จับปลาที่ไหนมาต้องแสดงให้เห็นถึงพื้นที่ที่จับมา
"ให้ผมทำทุกอย่างให้เสร็จเร็วๆ แล้วก็ไล่ผมไป มันได้ที่ไหน ก็เจรจามาตลอด พูดคุยกันอยู่ ทำไมจะเกิดเหตุไหม ถ้าตีข่าวนี้ออกไปปัญหาการค้ามนุษย์ ไอยูยู ถ้าเขาไม่ซื้อปลา 2 แสนกว่าล้านตัน พวกที่ตีข่าวคุณรับผิดชอบกันนะ คนไทยทั้งประเทศเสียหาย ผมบอกไว้เลยฐปณีย์ มาหาเจ้าหน้าที่ด้วย ไปพูดอยู่ข้างนอก มันได้อะไรขึ้นมา ถ้าผมทำไม่ได้ เพราะฐปณีย์ เสนอข่าว ที่ทำผิดกฎหมายหรือเปล่า ไม่ยอมรับอะไรสักอย่างจะเอาแต่สิทธิเสรีภาพ จะเข้าประเทศนู้นประเทศนี้โดยไม่มีใบอนุญาต"
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงการเข้าพบนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่ผ่านมาว่า เป็นการหารือถึงการทำงานเท่านั้น ไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้งกัน ถ้าทะเลาะมีตนทะเลาะได้คนเดียว ใครทำดีก็ชมใครทำผิดก็ตำหนิ ยืนยันวันนี้ไม่มีการพูดถึงการปรับครม. หากมีการปรับในตอนนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่ มีแต่สื่อที่นำเสนอว่ามีการปรับ พร้อมกับย้อนถามว่า "ถ้าหนังสือพิมพ์ปรับบรรณาธิการออก จะทำให้ยอดขายดีขึ้นหรือไม่ มันไม่ได้แก้ปัญหาได้ง่ายขนาดนั้น ประเทศมีคนกว่า 70 ล้านคน มีปัญหากว่าร้อยเรื่อง ตอนนี้ขึ้นมาเป็นพัน แทนทีจะช่วยกัน วันนี้เป็นโอกาสดีที่รัฐบาลเข้ามา แทนที่จะรวมตัวกันแก้ปัญหา ไม่ใช่ตีให้แตกไปทุกเรื่อง ไม่ใช่รัฐบาลปกติ เสรีภาพก็ให้แล้ว ทุกอย่างไม่เคยห้าม ไม่มีใครให้แบบนี้ แต่ตนจะขอดูอีกระยะหนึ่ง
เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ที่โรงแรมหลุยส์ แทเวิร์น กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการแนวทางการจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเลอย่างยั่งยืน โดยมี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทส.เป็นประธานเปิดการประชุม บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีนางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์ ปลัด ทส. รองปลัด ทส. และอธิบดีเกือบทุกกรม เข้าร่วมประชุม และคอยต้อนรับ พล.อ.ดาว์พงษ์ อย่างไรก็ตามก่อนการประชุมจะเริ่มต้น ปรากฏว่านายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้ให้เจ้าหน้าที่แจ้งกับนายสมัคร ดอนนาปี ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานฯ ซึ่งกำลังเตรียมประชุมที่ห้องประชุมชั้น 2 ให้มาพบที่ห้องรับรอง เมื่อนายสมัครมาถึง ก็ได้พบกับ พล.อ.ดาว์พงษ์ พร้อมทั้งคณะที่ปรึกษารัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี และผู้บริหารกระทรวงที่มาร่วมในงาน พร้อมกับมีพานพวงมาลัยดอกดาวเรืองวางอยู่ เพื่อให้นายสมัครขอขมา พล.อ.ดาว์พงษ์ ขณะที่อธิบดีกรมอื่น ๆ คือ นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ และนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้ลุกเดินออกห้องรับรอง โดยนายชลธิศ ระบุว่า เป็นเรื่องภายในกรมอุทยานฯ กรมอื่นไม่เกี่ยว แต่พล.อ.ดาว์พงษ์ได้เรียกให้ทั้ง 2 คน กลับเข้ามาในห้อง
จากนั้นนายนิพนธ์ได้เรียกให้นายสมัครมานั่งใกล้ ๆ พร้อมกับยกพานขึ้นขอขมา พล.อ.ดาว์พงษ์ โดยนายนิพนธ์ กล่าวว่า ขอโทษแทนลูกน้อง ที่ตนไม่สามารถควบคุมลูกน้องได้ แต่ พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวว่า อธิบดีกรมอุทยานฯ ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของนายสมัครที่ต้องขอโทษด้วยตัวเอง ตนเปิดโอกาสให้เต็มที่แล้ว แต่ปรากฏว่านายสมัครไม่ยอมขอขมา พล.อ.ดาว์พงษ์ โดยยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียด กระทั่ง พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวว่า ถ้าไม่เต็มใจก็ออกไปนอกห้องได้แล้ว เดี๋ยวตนจะหารือกันต่อ จากนั้นนายสมัครได้ลุกขึ้นโค้งคำนับ พร้อมเดินออกจากห้องรับรองไป
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายสมัครถึงเหตุการณ์ที่เกิด โดยนายสมัคร ยอมรับว่า พล.อ.ดาว์พงษ์ต้องการให้ตนขอขมา กรณีที่ตนได้ไปโพสต์เฟซบุ๊กถึงปัญหาการสรรหาตำแหน่งรองอธิบดี 10 ตำแหน่ง ของกระทรวง โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ดาว์พงษ์ ได้เรียกตนให้ไปพบที่ห้องทำงานรัฐมนตรี พร้อมกับนำสำเนาข้อความที่ตนโพสต์บนเฟซบุ๊ก และถามว่าตนเป็นคนเขียนหรือไม่ ซึ่งตนก็ยอมรับว่าเป็นคนเขียน พล.อ.ดาว์พงษ์บอกว่าที่ตนเขียนทำให้องค์กรเกิดความเสียหาย และที่เขียนว่าฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงการสรรหารองอธิบดีหมายถึงใคร ซึ่งตนก็ตอบไปว่าไม่ได้หมายถึงใคร แต่พล.อ.ดาว์พงษ์ต้องการให้ตนขอโทษ แต่ตนไม่ยอม เพราะเชื่อมั่นว่าไม่ได้ทำผิด ถ้าข้อความไปพาดพิงทำให้ใครเสียหายก็สามารถไปฟ้องร้องต่อศาลได้ ตนเชื่อว่าข้อความที่โพสต์ในเฟซบุ๊กไม่ได้ทำให้องค์กรเสื่อมเสียหรือเสียหาย แต่กลับทำให้กระทรวง มีศักดิ์ศรีกลับคืนมา เมื่อยืนกรานเช่นนั้น พล.อ.ดาว์พงษ์ จึงให้ตนไปพูดคุยกับนางมิ่งขวัญ และนายนิพนธ์ว่าจะดำเนินการอย่างไร
นายสมัคร กล่าวอีกว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ปลัดกระทรวง นายนิพนธ์ และตน ได้หารือกันก็ยังไม่ได้มีข้อสรุปอะไรออกมา จนกระทั่งในวันนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ ต้องการให้ตนมาขอขมาในเรื่องเดิม ซึ่งตนก็ยังยืนยันว่าตนไม่ผิด และไม่ขอขมา ถ้ามีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ตนก็พร้อมที่จะชี้แจง และจะทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลต่อไป
ขณะที่นายนิพนธ์ กล่าวว่า ตนกำลังแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เนื่องจากนายสมัครอาจมีการกล่าวหา หมิ่นประมาท หรือดูถูกผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการฯ ที่จะตรวจสอบต่อไป
ข้อความที่นายสมัครได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ระบุว่า “เมื่อวานซืนของชาติที่แล้วมีข่าวว่า รมต. เจ้าสังกัด เรียกปลัดกระทรวงเข้าพบ สั่งให้แต่งตั้งคนของตัวเองเป็นรองอธิบดี ที่แสดงวิสัยทัศน์มาชาติหนึ่งแล้ว ถ้าไม่ดำเนินการ จะย้ายเข้ากรุ แต่เจอของแข็ง ท่านปลัดไม่ยอม ย้ายเป็นย้าย จะไม่ยอมตั้งโจรเป็นรองอธิบดี เด็ดขาด คำสั่งก็ยังไม่คลอดเหมือนเดิม ข่าวล่ามาเร็ว กระจิบข่าวบอกว่าวันจันทร์ของชาตินี้ คำสั่งรองอธิบดี จะเวียนค่อนข้างแน่” ทั้งนี้นางมิ่งขวัญ ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งรองอธิบดี 10 ตำแหน่ง เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากเปิดสรรหาตั้งแต่เดือน ม.ค.โดยใช้เวลาในการดำเนินการกว่า 2 เดือน
นายสมัคร ถือเป็นนักต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ ที่ผ่านมาเคยถูกนายปลอดประสพ สุรัสวดี สมัยเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ ให้ออกจากราชการมาแล้ว แต่นายสมัครได้ฟ้องร้องและต่อสู้จนได้กลับเข้ารับราชการ โดยที่ผ่านมาได้ออกมาต่อสู้กับกลุ่มนายทุนที่ออกโฉนดโดยมิชอบในพื้นที่อุทยานฯ สิรินาถ จ.ภูเก็ต และได้มีการตอบโต้กับกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทยมาตลอดในเรื่องการออกโฉนดที่ดินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งเคยดำเนินการตราจสอบการกรณีการออกโฉนดบริเวณหาดฟรีดอมบีช หรือป่าสงวนแห่งชาติป่าเขานาคเกิด จ.ภูเก็ต จนนำไปสู่การดำเนินคดี กับอดีตอธิบดีกรมป่าไม้ และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น.
สายการบินสัญชาติไทยกระอัก ถูกกรมการบินพลเรือนของญี่ปุ่นเข้มงวดความปลอดภัย หลัง ICAO ไม่มั่นใจระบบมาตรฐานการทำงานของกรมการบินพลเรือนไทย เบื้องต้น 4 สายการบินถูกระงับการอนุมัติเพิ่มจุดบินไปญี่ปุ่น “ประจิน” ได้แต่บ่นผิดหวังเพราะพยายามแก้ปัญหาอยู่ ขณะที่บริษัททัวร์วุ่นหลังขายแพ็กเกจคนไทยเที่ยวญี่ปุ่นช่วงสงกรานต์ไปหมดแล้ว
นายสมชาย พิพุธวัฒน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา กรมฯได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์จากกรมการบินพลเรือนญี่ปุ่น ระบุว่า ได้รับทราบผลการตรวจสอบจากองค์การการบินระหว่างประเทศ (ICAO) ที่ตรวจพบข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยเกี่ยวกับกระบวนการรับรองการเดินอากาศของกรมการบินพลเรือนไทย กรมการบินพลเรือนญี่ปุ่นจึงไม่อนุมัติให้มีการขยายหรือเปลี่ยนบริการขนส่งทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มท่าอากาศยานหรือเปลี่ยนแบบอากาศยานที่จะทำการบินจากไทยไปยังประเทศญี่ปุ่น ขณะเดียวกันจะเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบข้อปฏิบัติเกี่ยวกับอากาศยานของไทยมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ มาตรการของญี่ปุ่นจะไม่กระทบกับสายการบินที่ให้บริการแบบประจำ และจะยกเลิกมาตรการดังกล่าวเมื่อไทยสามารถปรับแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆได้แล้ว ส่วน 4 สายการบินที่ยื่นขอทำการบินแบบเช่าเหมาลำหรือชาร์เตอร์ไฟลท์จากประเทศไทยไปยังญี่ปุ่นจะไม่ได้รับอนุมัติ ประกอบด้วย สายการบินไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ จะไม่ให้เพิ่มจุดบินไปยังฮอกไกโด สายการบินนกสกู๊ต ไม่ได้รับอนุญาตให้บินเช่าเหมาลำช่วงวันหยุดสงกรานต์ไปยังเกียวโตและโอซากา และสายการบินเอเชีย แอตแลนติก ไม่ได้รับอนุญาตให้บินช่วงเทศกาลสงกรานต์เช่นกัน
สำหรับแนวทางแก้ไขขณะนี้กรมได้เดินทางไปชี้แจงกับประเทศญี่ปุ่นแล้ว เพื่อทำความเข้าใจถึงข้อเท็จจริงและแนวทางการดำเนินการของไทย ส่วนประเทศอื่นๆ กรมการบินพลเรือนจะได้ดำเนินการชี้แจงเกี่ยวกับสถานะด้านมาตรฐานความปลอดภัยของสายการบินในประเทศไทย รวมถึงการแก้ไขข้อบกพร่องจากการตรวจสอบให้ทราบอย่างเร็วที่สุด
เกิดเหตุแก๊สระเบิดซึ่งทำให้อพาร์ตเมนต์ 2 หลังในย่านอีสต์วิลเลจของนครนิวยอร์กพังถล่มและเกิดเพลิงไหม้ เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) โดยไฟได้ลุกลามต่อไปยังอาคารอีก 2 หลัง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 19 คน
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า การระเบิดซึ่งเกิดขึ้นก่อนเวลา 15.00 น. เล็กน้อยทำให้มีเปลวไฟพุ่งสู่ท้องฟ้า และสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วย่านที่พักอาศัยในแมนฮัตตัน จากนั้นผู้บาดเจ็บก็วิ่งหนีออกจากอาคาร บางคนอยู่ในสภาพเลือดท่วมและล้มพับลงบนถนน
บิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กซึ่งเปิดแถลงข่าวใกล้ๆ จุดเกิดเหตุ เผยว่า มีเหยื่อ 3 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส และจากหลักฐานเบื้องต้นคาดว่าสาเหตุเกิดจากแก๊สระเบิด เพราะมีบริษัทเอกชนกำลังซ่อมแซมท่อก๊าซอยู่ในอาคารหลังหนึ่งที่ได้รับความเสียหาย
แรงระเบิดส่งผลให้อาคาร 2 หลังพังถล่มลงมา โดยหนึ่งในนั้นคืออาคารที่เกิดระเบิดขึ้น และเพลิงยังลุกลามต่อไปยังอาคารใกล้เคียงอีก 2 หลัง
แดเนียล ไนโกร จากสำนักงานดับเพลิงนิวยอร์กเผยกับสื่อเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (26) ว่า อาคาร 3 ใน 4 หลังได้พังถล่มลงมาทั้งหมดหรือบางส่วน โดยเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างดับไฟในอาคารหลังที่ 4 และได้ประกาศเป็นเหตุเพลิงไหม้ระดับ 7
โฆษกสำงานดับเพลิงระบุว่า มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 19 คน โดย 4 คนอาการสาหัส ขณะที่ตำรวจยังไม่ได้รับแจ้งว่ามีผู้สูญหาย
อาคารเหล่านี้ตั้งอยู่บนถนน Second Avenue และถนน East Seventh Street ในย่านอีสต์วิลเลจ ซึ่งเป็นแหล่งรวมธุรกิจเล็กๆ ร้านอาหาร และที่พักอาศัย
มัวเช เพิร์ล วัย 64 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขนมปังใกล้ที่เกิดเหตุ ระบุว่า เขาได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวจึงวิ่งออกไปดู และเห็นชั้นล่างๆ ของอาคารหลังดังกล่าวทรุดลงมา
“คนส่วนใหญ่วิ่งหนีออกจากอาคาร หรือใช้บันไดหนีไฟ” บ้างก็ได้รับความช่วยเหลือจากคนที่ผ่านไปมา เขาบอก
เบน แม็กคินนอน วัย 28 ปี เล่าว่า เขากำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ในร้าน และได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากอีกฟากถนน “แรงระเบิดถึงขนาดดันประตูคาเฟ่เปิดพรวดเข้ามา”
เขาเห็นผู้บาดเจ็บหลายคนเดินเลือดโชกออกมาจากร้านซูชิซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นจุดที่เกิดระเบิดขึ้น และเห็นเหยื่อ 3-4 คนหมดแรงล้มพับลงบนถนน
โฆษกสภากาชาดอเมริกันแถลงว่า อาคารทั้ง 4 หลังที่โดนระเบิดและถูกเพลิงไหม้ประกอบด้วยห้องพัก 49 ห้อง โดยชั้นล่างๆ เปิดเป็นภัตตาคาร
บริษัทพลังงาน คอน เอดิสัน ซึ่งให้บริการไฟฟ้าและก๊าซในนครนิวยอร์ก แถลงว่า ก่อนจะเกิดการระเบิดขึ้น ทางบริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเข้าไปประเมินงานอัพเกรดท่อก๊าซภายในอาคารหลังหนึ่ง แต่ปรากฏว่าไม่ผ่านเกณฑ์