ข่าว
ศึกกีฬาจตุรมิตรสื่อการเมืองคึกคัก “อภิสิทธิ์”เขินไม่นั่งข้าง “ยิ่งลักษณ์”

เปิดฉากกีฬาจตุรมิตรสื่อการเมือง 4 สาย บรรยากาศคึกคัก พบผู้นำฝ่ายค้านฯ ทักทายแต่ปัดนั่งข้างนายกฯ ตามที่มีคนเชื้อเชิญ ให้ “นิคม” นั่งคั่นกลาง ไม่นานนายกฯ ขอตัวกลับไป

วันนี้ (14 ธ.ค.) ที่สนามกีฬากองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 4 ถนนทหาร ย่านเกียกกาย มีการแข่งขันกีฬาจตุรมิตร ของผู้สื่อข่าวสายทำเนียบรัฐบาล สายรัฐสภาฯ สายทหาร สายมหาดไทยและองค์กรอิสระ โดยมีนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ข้าราชการผู้ใหญ่ในสภาฯ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เดินทางมาร่วมให้กำลังใจอย่างคึกคัก โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในชุดกีฬาสีแดง ของสายทำเนียบรัฐบาล เดินทางมาร่วมชมการแข่งขัน ทันทีที่นายกฯ มาถึง มีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ รัฐมนตรี และสื่อมวลชนรอให้การต้อนรับ ช่วงหนึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางมาเยี่ยมชมกองเชียร์รัฐสภาฯ โดยได้รับการร้องขอให้ร่วมเต้นในจังหวะสนุกสนาน จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับพู่เชียร์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและออกท่าทางเล็กน้อย จากนั้นได้ไปนั่งเก้าอี้ที่มีการจัดเตรียมไว้ให้ และสนทนาอย่างออกรสกับนายนิคม ไวรัชพาณิช ประธานวุฒิสภาฯ และนางยุวดี ธัญสิริ สื่อมวลชนอาวุโสทำเนียบรัฐบาล

หลังจากสนทนาไม่นาน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้สวมชุดสีส้มซึ่งเป็นของสายรัฐสภาฯ เดินทางมาถึง โดยมีสื่อมวลชนทุกสายรอให้การต้อนรับ ร่วมถ่ายภาพอย่างเป็นกันเอง จากนั้นนายอภิสิทธิ์ ได้เดินไปบริเวณสนามกีฬาวอลเล่ย์บอล ซึ่งมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งรอชมการแข่งขันอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นนายอภิสิทธิ์เดินเข้ามา น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ลุกยืนรอให้การต้อนรับและยกมือไหว้ โดยนายอภิสิทธิ์ก็รับไหว้ตอบ และมีคนเชื้อเชิญให้นายอภิสิทธิ์นั่งเก้าอี้ติดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่นายอภิสิทธิ์ปฏิเสธ โดยยังไม่ได้นั่งทันที แต่ได้กวักมือเรียกนายนิคม อยู่หลายครั้ง พร้อมกับเรียก “ประธานๆ” เป็นการเชื้อเชิญให้มานั่งจนนายนิคมมานั่งเก้าอี้คั่นกลาง โดยมีนายอภิสิทธิ์และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งขนาบข้าง แม้ในช่วงการแข่งขันกีฬาทั้ง 2 คน ไม่ได้สนทนาต่อกัน และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ร่วมชมการแข่งขันได้ไม่นานนัก ก่อนขอตัวกลับไป

มือปืนมะกันฆ่าพ่อแม่ ก่อนถล่มยิงเด็ก26ศพ

สื่อมวลชนสหรัฐฯเผยมือปืนลงมือฆ่าพ่อแม่แท้ๆ ก่อนก่อเหตุกราดยิงเจ้าหน้าที่และเด็กๆ ณ โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งของสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์(14) โดยตำรวจยืนยันคนร้ายเสียชีวิตที่จุดเกิดเหตุ และยอดเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมีทั้งสิ้น 26 ศพ ในนั้นเป็นเด็กถึง 20 ราย ขณะที่ โอบามา เก็บอาการไม่อยู่ แถลงข่าวด้วยน้ำตากล่าวเสียใจต่อคดีสะเทือนขวัญนี้

สำนักข่าวเอ็นบีซีรายงานว่ามือปืนผู้ก่อเหตุคือนายไรอัน ลันซา วัย 24 ปี โดยเขาลงปลิดชีพบิดาที่บ้านพัก ก่อนขับรถไปยังโรงเรียนประถมแซนดี ฮุค ในเมืองนิวตัน มลรัฐคอนเนตทิคัต จากนั้นก็ลั่นไกสังหารมารดาของเขาเอง ซึ่งเป็นครูสอนหนังสืออยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ และกราดยิงไม่เลือกหน้าจนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน

เบื้องต้นร้อยโทพอล แวนซ์ โฆษกตำรวจมลรัฐคอนเนตทิคัต ไม่ยืนยันยอดเหยื่อโศกนาฏกรรมนี้ เพียงแต่บอกว่าเจ้าหน้าที่และนักเรียนเสียชีวิตหลายคน พร้อมเผยว่ามือปืนเสียชีวิตภายในตัวอาคารระหว่างปฏิบัติการจู่โจมของตำรวจ โดยตอนนี้ตำรวจได้ปิดล้อมสถานที่เกิดเหตุ แต่ก็ไม่ยอมเล่ารายละเอียดเพิ่มเติมมากไปกว่านี้

อย่างไรก็ตามทางสำนักข่าวซีบีเอสรายงานอ้างคำสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย เผยมีผู้เสียชีวิตในคดีสะเทือนขวัญมากถึง 27 ศพ ในนั้นเป็นเด็กถึง 18 ราย ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวได้รับการยืนยันโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ก็จะกลายเป็นเหตุการณ์กราดยิงนองเลือดในโรงเรียนครั้งเลวร้ายที่สุดอันดับ 2 ของประวัติศาสตร์สหรัฐฯ แซงหน้าคดีสังหารหมู่ 15 ศพที่โรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ในปี 1999

กระนั้นก็ดีในเวลาต่อมา โฆษกตำรวจก็ยันยืนข้อมูลที่ถูกต้องว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 26 ราย ในนั้นเป็นเด็กถึง 20 คนและผู้ใหญ่ 6 คน

โฆษกทำเนียบขาวเผยว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้รับแจ้งถึงเหตุกราดยิงดังกล่าวแล้วและได้ติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จากนั้น โอบามา ก็แถลงข่าวด้วยน้ำตา กล่าวแสดงความเสียใจต่อคดีสะเทือนขวัญนี้และให้คำมั่นดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมสำหรับหยุดยั้งโศกนาฏกรรมจากอาวุธปืน

"ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ในวันนี้คือเด็ก หนูน้อยตัวเล็กๆน่ารักๆอายุแค่ระหว่าง 5 ถึง 10 ขวบ" โอบามากล่าว "พวกเขามีชีวิตที่สมบูรณ์รออยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะด้านการศึกษา ชีวิตแต่งงานหรือมีลูกหลานต่อไป"

สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธรุดไปยังโรงเรียนประถมแซนดี ฮุค ทันทีที่ได้รับแจ้งเหตุ ขณะเดียวกันะโรงเรียนต่างๆใกล้เคียงก็จำเป็นต้องปิดการเรียนการสอนในมาตรการป้องกันไว้ก่อน

หนังสือพิมพ์นิวทาวน์บี บอกว่าเด็กคนหนึ่งถูกหามออกจากโรงเรียน ซึ่งดูท่าว่าน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมเผยแพร่ภาพเหล่าเจ้าหน้าที่กำลังนำทางเด็กตัวเล็กๆหลายสิบคนที่อยู่ในอาการตื่นกลัวอพยพข้ามลานจอดรถไปยังสถานที่ปลอดภัย ส่วนอีกรูปเป็นภาพของตำรวจที่กำลังรวมตัวกันบนถนนเงียบๆเส้นหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียง

เหตุกราดยิงนองเลือดเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งตามสถานที่สาธารณะของสหรัฐฯและบ่อยครั้งที่จบลงด้วยผู้ก่อเหตุฆ่าตัวตาย โดยที่เกิดขึ้นหมาดๆล่าสุดก็เมื่อวันอังคาร(11) โดยชายนิรนามบุกกราดยิงประชาชนในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในรัฐออริกอน คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไป 2 ศพ ก่อนปลิพชีพตนเอง

แต่ที่โด่งดังสุดๆเร็วๆนี้ก็คือคดีเมื่อเดือนกรกฎาคม กรณีนายเจมส์ โอล์มส์ วัย 24 ปี ลงมือกราดยิงในโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งในเมืองออโรรา มลรัฐโคโลราโด ที่กำลังฉายหนังแบทแมนภาคล่าสุด "เดอะ ดาร์ค ไนท์ ไรส์" รอบดึก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 12 ศพและบาดเจ็บ 58 คน

"นพดล"ซัด"มาร์ค"ไร้วุฒิภาวะ เชื่อนายไม่ถูกประหารชีวิตแน่

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมว่า ตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์หลังจากไปรับทราบข้อกล่าวหาของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยกล่าวว่า แม้จะต้องรับโทษประหารชีวิตในคดีนี้ ก็ขอยอมตาย นอกจากนี้ ยังพูดอวดว่าตนเองไม่ใช่คนขี้ขลาดหรือคนขี้โกง หากจะต้องถูกประหารชีวิต ก็ขอให้คนที่อยู่ต่างประเทศกลับมารับโทษด้วยนั้น นายนพดลกล่าวว่า ความจริงกรณีนี้ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ถูกตั้งข้อกล่าวหาตามปกติ ก็ควรไปต่อสู้คดี ไม่จำเป็นมาพูดจาพาดพิงถึงคนอื่น ซึ่งคนที่ได้ฟังย่อมเข้าใจว่าหมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ คนที่เคยเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี อย่างนายอภิสิทธิ์ ควรจะเป็นผู้ใหญ่และมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ คนส่วนใหญ่ก็รู้ว่าคดีของนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ แตกต่างอย่างยิ่งกับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะ 1.คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะคดีที่ดินรัชดาฯ เป็นคดีที่เกิดขึ้นหลังการรัฐประหาร และมีการเอาคนที่เป็นศัตรูมาสอบสวน ขัดหลักนิติธรรม ในขณะที่คดีของนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เป็นคดีที่เกิดขึ้นในสภาพที่บ้านเมืองเป็นปกติ และการสอบสวนก็กระทำโดยคนที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์แต่งตั้งให้เป็นอธิบดีดีเอสไอ คือนายธาริต เพ็งดิษฐ์

"2.คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกตัดสินโดยศาลเดียว ไม่มีการอุทธรณ์หรือฎีกา แต่นายอภิสิทธิ์สามารถสู้คดีได้ถึง 3 ศาล คือ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา 3.นายอภิสิทธิ์ ไม่ควรทำดราม่ามากเกินเหตุว่า ถ้าถูกประหารชีวิต ก็ขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณมารับโทษด้วย เพราะนายอภิสิทธิ์ย่อมรู้ตัวอยู่แล้วว่าคดีนี้สมมุติว่าตัวเองจะผิดจริง ก็ไม่มีทางถูกประหารชีวิตแน่นอน เพราะที่ผ่านมานักโทษที่ก่อคดีฆ่าคนตายอย่างโหดเหี้ยม เช่น หมอเสริม ก็ยังไม่ถูกประหาร ในกรณีนายอภิสิทธิ์ถ้าสมมุติว่าผิดจริง คงมีเหตุทุเลาโทษเยอะแยะ แต่ก็ยังมาทำดราม่า เพื่อหวังกระทบชิ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ และ 4.นายอภิสิทธิ์ถูกดำเนินคดีในกระบวนการยุติธรรมปกติ ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องประสบกับกระบวนการยุติธรรมที่มีการสอบสวนวิธีพิเศษหลังการรัฐประหาร ซึ่งนายนพดลกล่าวว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นนักกฎหมาย เห็นว่านายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพควรใช้โอกาสนี้ในการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง อย่าถือโอกาสทำดราม่าเรียกร้องความสงสารจากแม่ยก เพราะยิ่งเหน็บแนมโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณมากเท่าไหร่ คนก็ยิ่งสงสารและสนับสนุนรัฐบาลมากขึ้นเท่านั้น" นายนพดลกล่าว