“ใบตอง-อนุธิดา” ไปไกลที่สุดถึงรอบ 2 คนสุดท้ายของการประกวดค้นหานางแบบหน้าใหม่ Germany's Next Top model ที่ประกาศผลกันไปเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา (28 พ.ค) ก่อนที่สาวเยอรมันจะคว้าตำแหน่งผู้ชนะเลิศไปครอง
วาเนสซ่า ฟอกซ์ สาววัย 18 ปี จาก แบร์กิชกลัดบัค คือผู้คว้าตำแหน่ง Germany's Next Top model ประจำปี 2015 ไปครอง ในรายการตอนสุดท้ายที่ออกอากาศเมื่อช่วงค่ำของวันพฤหัสที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นเยอรมัน ส่วน ใบตอง-อนุธิดา พลอยเพชร สาวไทยที่มีส่วนร่วมในรายการนี้ด้วย ก็ไปได้ไกลที่สุด ด้วยการเข้าถึงรอบ 2 คนสุดท้าย และสาวเชื้อสายออสเตรีย อัจซา เซลิโมวิช คว้าอันดับที่ 3 ไปครอง
ซึ่งนอกจากจะได้รับเงินรางวัลประมาณ 100,000 ยูโรแล้ว ผู้ชนะคว้าตำแหน่ง Germany's Next Top model ก็ยังจะได้ขึ้นปกนิตยสารชื่อดังCosmopolitan, ได้เซ็นสัญญากับ OneEins GmbH
สำหรับเทปสุดท้ายของ Germany's Next Top model ผู้ผลิตตัดสินใจไปบันทึกภาพโชว์กันที่ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อนำมาออกอากาศในวันพฤหัส หลังเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เกิดเรื่องโกลาหลขึ้นระหว่างการถ่ายทอดสดรายการตอนสุดท้าย ซึ่งจัดขึ้นที่เยอรมัน เมื่อมีการขู่วางระเบิด จนผู้จัดงานได้ประกาศยกเลิกรายการกลางคัน และต้องอพยพผู้คนมากมายนับ 10,000 ชีวิต ออกจากสถานที่จัดงานในมานห์เฮม
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ IG ขอคนไทยมีเมตตาต่อกัน ชี้ กฎหมาย-ปืน แก้ปัญหาไม่ได้ ขอผู้มีอำนาจทั้งหลายใช้สติปัญญาแก้ปัญหาสร้างปรองดอง ไม่ใช่ใช้อำนาจสร้างความแตกแยก
วันที่ 29 พ.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์อินตราแกรม ภายหลังจากที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการสั่งถอนพาสปอร์ต และ ผบ.ตร.ได้สั่งดำเนินการตั้งคณะกรรมการในการพิจารณา ถอดยศ พ.ต.ท. โดยระบุว่า หลังจากได้อุ้มหลานที่สิงคโปร์ วันนี้กลับมาอยู่ "ดูไบ" แล้ว ได้มีเวลานั่งสมาธิ เช่นเดียวกับวันว่างทุกวัน ที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ได้เพิ่มการแผ่เมตตา ให้กับผู้มีอำนาจทั้งหลาย ได้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง เพื่อจะได้มีสติปัญญาในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่บริหารแต่อำนาจ และสร้างความแตกแยกให้มากยิ่งขึ้น สำหรับผมเชื่อในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า "ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง" คือ ทุกสิ่งไม่มีอยู่จริง เมื่อเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป
พาสปอร์ตก็เช่นกัน ก็ไม่อยากให้เป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โตอะไรกันมากมาย ผมก็ยังเป็นคนเดิมจนกว่าจะลาโลกไป อยากให้คนไทยมีเมตตาต่อกันกฎหมายและปืนไม่สามารถแก้ปัญหาได้ นอกจากเมตตา เท่านั้น.
เมื่อวันที่ 29 พ.ค. นายนรชิต สิงหเสนี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย แถลงผลการประชุม ว่าที่ประชุมได้หารือร่วมกัน โดยได้ข้อสรุปว่าจะร่วมกันเพิ่มความพยายามในการค้นหาและช่วยเหลือทางมนุษยธรรมต่อผู้ที่ยังตกค้างในทะเล และร่วมกันหาแนวทางในการนำผู้อพยพขึ้นฝั่ง โดยรับประกันให้องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน หรือ IOM และสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR สามารถเข้าถึงผู้โยกย้ายถิ่นฐานเหล่านั้นได้ และจะร่วมกันเพื่อปฏิบัติการคัดแยก โดยให้บุคคลเหล่านั้นได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสม
ขณะที่ทางเมียนมา มีความยินดีหากจะมีประเทศใดเข้าไปให้การช่วยเหลือด้านการพัฒนา ซึ่งน่าจะช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนได้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการเพิ่มความร่วมมือในด้านการข่าว โดยแบ่งปันข้อมูลกันเพื่อให้สามารถระบุที่อยู่ของเรือผู้โยกย้ายถิ่นฐานได้ รวมถึงจะตั้งปฏิบัติการร่วมกันในการให้การสนับสนุนที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละประเทศ และแบ่งปันทรัพยากรต่างๆ ตามที่องค์การระหว่างประเทศได้ร้องขอ
โดยสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศบริจาคเงิน 3 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อ IOM และออสเตรเลียจะเพิ่มให้ 5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย จากเดิมให้แล้ว 6 ล้านดอลลาร์ แก่รัฐยะไข่ ของเมียนมา และเมืองคอกซ์ บาซาร์ ของบังคลาเทศ ส่วนประเทศญี่ปุ่น รับปากจะนำเรื่องนี้ไปเสนอต่อรัฐบาล เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ IOM ต่อไป รวมถึงประเทศสวิสเซอร์แลนด์ จะให้การช่วยเหลือมูลค่าหลายล้านสวิสฟรังซ์
ในด้านความร่วมมือเกี่ยวกับเทคนิคการจัดการต่อผู้อพยพ นายนรชิต กล่าวด้วยว่า ในการป้องกันการค้ามนุษย์และการโยกย้ายถิ่นฐาน ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันให้มีการเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย ผ่านกรอบความร่วมมือขององค์การสหประชาชาติในการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ (UNTOC) รวมถึงเพิ่มความร่วมมือในการปฏิบัติการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ
จัดตั้งปฏิบัติการสืบสวนพิเศษเรื่องการค้ามนุษย์ในประเทศที่ได้รับผลกระทบ เพิ่มความโปร่งใสในการบรรจุเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีกระบวนการให้ข้อมูลถึงความอันตรายของการอพยพทางทะเล และอันตรายของขบวนการค้ามนุษย์ และเพิ่มช่องทางในการให้เป็นผู้เข้าเมืองถูกกฎหมาย เช่นผ่าน MOU เพื่อให้สามารถอพยพทางอื่นได้อย่างปลอดภัย
ส่วนการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนที่ได้รับผลกระทบนั้น ที่ประชุมเห็นร่วมให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตผ่านการสร้างอาชีพ เพิ่มการค้าและการลงทุน ให้การฝึกอาชีพ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และยินดีเปิดรับความช่วยเหลือจากนานาชาติ
นายนรชิต ระบุว่า เมียนมาได้เห็นชอบกับผลการประชุมดังกล่าว และยินดีกับการที่ต่างชาติจะเข้าร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ต้นเหตุ อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธว่าไม่มีการพูดคุยถึงการให้สัญชาติคนโรฮิงญาแต่อย่างใด
ส่วนการดำเนินการต่อไปนั้น จะเป็นไปตามกรอบต่างๆ เช่นกรอบทวิภาคี กรอบความร่วมมืออาเซียนเพื่อการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงกรอบกระบวนการบาหลี ที่จะมีการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส และระดับรัฐมนตรีในปีนี้ด้วย ส่วนการประชุมระดับผู้นำของไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเมียนมานั้น กำลังรอกระบวนการให้มาเลเซียเป็นผู้เสนอจัดประชุมในฐานะประธานอาเซียน
ด้านนางแอน ริชาร์ด ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ด้านประชากรผู้อพยพ และการโยกย้ายถิ่นฐาน กล่าวว่า การที่เครื่องบินสหรัฐฯ เข้ามาบินปฏิบัติการเพื่อค้นหาผู้อพยพทางทะเล จะเริ่มตั้งแต่ขณะนี้จนถึง 11 มิ.ย.นี้ เป็นเบื้องต้น แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเข้ามาอย่างถาวร และใช้ฐานปฏิบัติการอยู่มาเลเซีย คิดว่าการดำเนินการครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตามที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึงประเด็นที่ทางยูเอ็นเอชซีอาร์ เสนอให้มีการให้สัญชาติแก่ชาวโรฮีนจาแต่อย่างใด เรายืนยันในหลักการรักษาชีวิตและดูแลประชาชน ขณะเดียวกันต้องปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์.“
ศาลจังหวัดสระแก้ว อ่านคำพิพากษาคดีอุ้มฆ่าเผานั่งยาง “เสี่ยอ้วน” ฉายาเทพเจ้าสองแผ่นดินแห่งตลาดโรงเกลือ ให้ประหารชีวิต พันศักดิ์ มงคลศิลป์ และ สมหมาย พุทธเทศ ส่วนจำเลยที่เหลือให้จำคุกตลอดชีวิต พร้อมต้องจ่ายค่าทำศพ และอุปการะ 24 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ (29 พฤษภาคม) ศาลจังหวัดสระแก้วได้ออกนั่งบัลลังที่8 เพื่ออ่านคำพิพากษาในคดีอุ้มฆ่าเผานั่งยาง นายชัยชนะ หมายงาน หรือเสี่ยอ้วน ฉายาเทพเจ้าสองแผ่นดินแห่งตลาดโรงเกลือ ซึ่งคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 1 กรกฏาคม 2556 ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้าอุ้มเสี่ยอ้วน จากซอยข้างบ้าน และมีการนำสืบพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ตั้งแต่บริเวณหน้าปากซอยพบว่าสามารถจับภาพได้หลายจุด รวมทั้งหลักฐานจากคำให้การรับสารภาพของจำเลย ที่2 ที่3 และที่4 จนทำให้สามารถทราบและจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 5คน และยังคงหลบหนีได้อีก3คน
ทั้งนี้ หลังศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษานาน 2ชั่วโมง คณะที่ศาลอ่านคำพิพากษาจำเลยที่ในวันนี้ ศาลได้เบิกตัวรวม4คน ประกอบด้วยจำเลยที่ 2 นายกษฤณะ ขัดศิริ จำเลยที่3 นายน้อย ขยันดี จำเลยที่4 นายนิคม มลศิริ และจำเลยที่5 นายสมหมาย พุทธเทศ ส่วนจำเลยที่1คือนายพันศักดิ์ มงคลศิลป์ หนีประกันไม่ได้มาฟังคำพิพากษา
โดยผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่ศาลอ่านคำพิพากษา จำเลยเหมือนจะรู้ชะตากรรม จึงมีสีหน้าเรียบเฉยหลังศาลอ่านคำวินิจฉัยและได้พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยที่1นายพันศักดิ์ มงคลศิลป์ และจำเลยที่5 คือนายสมหมาย พุทธเทศ
ส่วนจำเลยที่ 2 ที่3 และที่4 ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีศาลจึงลดโทษให้1ใน3 โดยให้เหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่1 ศาลไม่ได้เพิ่มโทษจากคดีเก่า เนื่องจากไม่สามารถเพิ่มโทษเนื่องจากพ้นโทษมาหลายปีแล้ว
ขณะที่ภรรยาของเสี่ยอ้วน ได้ขอให้จำเลยจ่ายค่าทำศพและค่าเลี้ยงดูจำนวน7,800,000บาท ซึ่งศาลพิจารณาแล้วให้จำเลยจ่ายค่าทำศพจำนวน 300,000บาท ค่าอุปการะเลี้ยงดู 24เดือน จำนวน400,000บาท และเมื่อศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จ ภรรยาของเสี่ยอ้วนและลูกๆต่างร้องไห้ด้วยความดีใจ
นักแสดงคุณภาพอย่าง “ชาคริต แย้มนาม” และ “อ้อม-กานต์พิศชา” กลับมาเป็นที่ฮือฮาอีกครั้ง ในบทบาทหนังเรทเรื่อง “แม่เบี้ย” ฉบับรีเมคใหม่ของท่าน “หม่อมน้อย”
เป็นนักแสดงที่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยมอีกคนอย่างพระเอกหนุ่ม “ชาคริต แย้มนาม” ด้วยบทบาทการแสดงที่เป็นธรรมชาติ เข้าถึงอารมณ์ และเป็นพระเอกที่ยังครองใจแฟนๆ อยู่สม่ำเสมอ ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังคงติดดิน ไม่หวือหวา ล่าสุด วันที่ 28 พ.ค. หนุ่ม 'ชาคริต' กลับมาเป็นที่ฮือฮาอีกครั้ง ในบทบาทหนังเรทเรื่อง “แม่เบี้ย” ฉบับรีเมคใหม่ของท่าน “หม่อมน้อย-หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล” ที่ได้นางเอกสาวสวยดีกรี รอง Miss Thailand World 2009 อย่าง “อ้อม-กานต์พิศชา เกตุมณี” มารับบท 'เมขลา' นั่นเอง
บอกเลยว่าแค่ปล่อยภาพออกมาให้แฟนๆได้ชมกันนิดหน่อย ก็ชวนสยิวได้มากเหมือนกันนะเนี่ย สำหรับพระเอกหนุ่ม “ชาคริต แย้มนาม” แต่งงานกับภรรยาคนสวย “วุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์” ซึ่งเป็นคู่รักที่น่าอิจฉา ที่นับวันยิ่งหวานกันซะเหลือเกิน งานนี้สาววุ้นเส้นไม่วายโดนเมาท์ว่าแอบไปทำของทำเสน่ห์ใส่สามีให้ทั้งรักทั้งหลงหรือเปล่า จนสามีสุดที่รักออกมายืนยันว่า
“มีคนทักเยอะ ถ้าเป็นวุ้นทำก็โอเค ทำอีกสิ ตอนนี้ผมทั้งรัก ทั้งหลง ทั้งห่วง ทั้งหวง เต็ม สตรีมเหมือนกันครับ”
เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2558 นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม(อภ.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ อภ. มีการผลิตยาซิเดกร้าออกมาจำหน่ายประมาณเกือบ 3 ปี พบว่าปัญหาการปลอมยาที่ช่วยแก้ปัญหาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศที่พบว่ามีการปลอมเป็นอันดับ 1 ลดลงอย่างมาก เพราะคนส่วนใหญ่หันมาใช้ยาซิเดกร้าของอภ.แทน ทำให้ช่วยลดอันตรายจากการรับประทานยาปลอมลงได้ นอกจากนี้ ราคายาที่เดิมมีราคาสูงถึงกล่องละประมาณ 1,600 บาท ก็ลดราคาลงมาเกือบร้อยละ 50 ของราคาเดิม และจากการที่ อภ.ลงสำรวจตลาดพบว่าผลข้างเคียงจากการรับประทานซิเดกร้าของอภ.น้อย และมีข้อดีคือยามีการออกฤทธิ์ช้าแต่อยู่ได้ทนนาน ถือเป็นการบรรลุจุดมุ่งหมายเดิมของ อภ.ที่ต้องการทำให้ประชาชนที่จำเป็นต้องใช้ยาดังกล่าวเข้าถึงยามากขึ้นเพราะราคา 100 กรัมอยู่ที่ 150 บาทเท่านั้น ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะรับประทานยาได้ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ เพราะหากรับประทานยาร่วมกับยาอื่น เช่น ยาความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ อาจได้รับอันตราย
ผอ.อภ.กล่าวอีกว่า ยาซิเดกร้าถึงแม้จะไม่ใช่ภารกิจหลักของ อภ.ที่จะผลิต เนื่องจากภารกิจหลักของอภ.จะเป็นการผลิตยาเอดส์ มะเร็ง และเบาหวาน มากกว่า และเมื่อไม่นานมานี้อภ.มีปัญหาเรื่องการผลิตยาจึงต้องลดการผลิตยาซิเดกร้าลงทำให้ยาซิเดกร้าขาด แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสามารถกลับมาผลิตได้ตามปกติ ซึ่งพบว่ายาซิเดกร้าของ อภ.ที่ผลิตออกมาประมาณ 3-4 แสนเม็ดนั้น มีตัวแทนจำหน่ายมารับไปขายต่อจนยาที่ผลิตออกมาหมดภายใน 20 นาที ทั้งนี้ตามหลักแล้ว อภ.จะผลิตยาป้อนให้กับภาครัฐก่อน ภาคเอกชน แต่ต่อไปเมื่อโรงงานผลิตยาของ อภ.ที่ รังสิตสามารถเปิดให้บริการได้ อภ.ก็จะสามารถรองรับได้ทั้งภาครัฐและเอกชน คาดว่าโรงงานจะเปิดการผลิตได้ภายในเดือนก.ค. 2558
“การผลิตซิเดกร้าออกมาจำหน่ายถือเป็นเรื่องที่ดีทำให้ครอบครัวที่มีปัญหาด้านการหย่อนสมรรถภาพทางเพศกลับมามีความสุขอีกครั้ง เพราะเรื่องแบบนี้ถือเป็นศักดิ์ศรีของมนุษยชาติ ส่วนเป้าหมายต่อไปของ อภ. คือภายใน 3-4 เดือนข้างหน้า อภ.จะต้องมียาไปวางจำหน่ายในระดับอำเภอให้ได้ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่เกิดความเท่าเทียมกัน เพราะคนที่อาศัยอยู่ในตัวอำเภอต้องมาซื้อยาในตัวจังหวัด ดังนั้น อภ.พยายามหาทางแก้ปัญหานี้ และเชื่อว่าเมื่อโรงงานรังสิตเปิดก็จะขยายไปส่งในตัวอำเภอได้ ”นพ.นพพร กล่าว
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012