ข่าว
เกาหลีใต้ย้ำคว่ำบาตรต่อจนกว่าเกาหลีเหนือจะเลิกนิวเคลียร์

โซล/ปักกิ่ง (เอเอฟพี/รอยเตอร์) - รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ย้ำ มาตรการคว่ำบาตรยังคงดำเนินต่อไปจนกว่าเกาหลีเหนือจะรับประกันกับทุกฝ่ายรวมทั้งเกาหลีใต้ได้ว่า เสร็จสิ้นการยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดแล้ว

นางคัง คยอง ฮวา รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ แถลงต่อสื่อมวลชนที่กรุงโซล โดยกล่าวคาดหวังว่า เกาหลีเหนือจะยึดมั่นตามสัญญาในการปลดชนวนอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อแลกกับการรับประกันความมั่นคงและความพยายามสร้างสันติภาพ ขณะเดียวกันมาตรการคว่ำบาตรจะยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าทุกฝ่ายจะได้มั่นใจว่าปลดชนวนอาวุธนิวเคลียร์เป็นผลสำเร็จ

ก่อนหน้านี้นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ของจีน ได้หารือกันในกรุงปักกิ่งเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดครั้งแรกระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่สิงคโปร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และแลกเปลี่ยนทัศนะในประเด็นการยุติโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ โดยผู้นำเกาหลีเหนือได้แสดงความขอบคุณประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ที่สนับสนุนการประชุมสุดยอดระหว่างเขากับประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา รวมถึงการปลดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี และบทบาทสำคัญของจีนในการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งเกาหลีเหนือหวังจะร่วมมือกับจีนและประเทศที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมและกำหนดแนวทางของการสร้างสันติภาพที่ถาวรและแข็งแกร่งบนคาบสมุทรเกาหลี ตลอดจนการดำเนินความพยายามร่วมกันในการบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลีต่อไป

ทั้งนี้ ผู้นำเกาหลีเหนือเดินทางไปจีนเป็นครั้งที่ 3 แล้วในปีนี้ หลังจากเพิ่งไปครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ขึ้นเป็นผู้นำประเทศในปลายปี 2554 สื่อทางการเกาหลีเหนือและสื่อทางการจีนรายงานตรงกันว่า นายคิมจะอยู่ในกรุงปักกิ่งเป็นเวลา 2 วัน โดยเดินทางกลับตั้งแต่เมื่อวานนี้

ในอีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะเข้าร่วมการประชุมกันในวันศุกร์นี้ เพื่อหารือเรื่องการจัดงานรวมญาติสองเกาหลีที่กำหนดจะมีขึ้นในวันที่ 15 สิงหาคม หลังจากที่เคยมีการจัดงานครั้งสุดท้ายไปเมื่อปลายปี 2558 ทั้งนี้ มีชาวเกาหลีใต้กว่า 132,000 คน ที่ลงทะเบียนตามหาญาติในฝั่งเกาหลีเหนือแต่ในปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่เพียง 56,800 คนและส่วนใหญ่มีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป

เร่งตั้งองค์กรคุมรถไฟเร็วสูง คมนาคมยืนยันสิ้นปีเดินเครื่อง

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการจัดตั้งองค์กรพิเศษเพื่อกำกับการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาหารือร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จำนวน 3 แห่ง ที่ได้มานำเสนอรูปแบบการจัดตั้ง และโครงสร้างขององค์กรบริหารรถไฟความเร็วสูง การบริหารจัดการ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการกำกับการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง ให้สามารถจัดตั้งองค์กรได้ทันกับการเปิดให้บริการโครงการรถไฟความเร็วสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

องค์กรดังกล่าวจะเป็นหน่วยงานที่มีลักษณะพิเศษแยกอิสระออกจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) คาดว่าจะสรุปรูปแบบขององค์กรและกรอบระยะเวลาการจัดตั้งได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ ก่อนที่จะได้ข้อสรุปว่าจะเป็นสถาบันการเงินใดที่จะได้รับการคัดเลือกให้เข้ามาวางแผนดำเนินการจัดตั้งองค์กร มั่นใจจัดตั้งได้ภายในสิ้นปี 2561 แน่นอน

“จากที่ฟังการนำเสนอแนวทางการจัดตั้งองค์กรบริหารโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน จากทั้ง 3 บริษัท ยอมรับว่ามีความพอใจกับแนวทางที่แต่ละบริษัทนำเสนอ ประเด็นหลักจะคล้ายๆ กัน คือ แนวทางการจัดตั้ง รูปแบบการบริหารจัดการ สัดส่วนการเข้ามาถือหุ้นในการจัดตั้ง รูปแบบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามสถานี และเขตทางรถไฟ” นายไพรินทร์ กล่าว

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กล่าวว่าบริษัทที่ปรึกษาได้มาให้รายละเอียดการตั้งองค์กรให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยยังคงต้องการให้องค์กรมีความอิสระมีประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งได้มีการเชิญเข้ามาให้รายละเอียด 4 ราย แต่ขณะนี้ได้มีการถอนตัวไป 1 ราย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อบริษัทที่ปรึกษาเนื่องจากยังอยู่ในกระบวนการสำคัญ และต่อจากนี้คณะกรรมการจะเร่งพิจารณาว่ารายใดจะเสนอแนวคิดที่ดี ส่วนรูปแบบขณะนี้ยังไม่มีให้นำไปปฏิบัติได้

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมระบุว่ามีบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน 8 ราย ที่ตอบรับจะร่วมยื่นข้อเสนอประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารยูโอบี, ฟินันซ่า, อาร์เอชบี, เพลินจิตแคปปิตอล, อวานานการ์ แคปปิตอล และไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สเอฟเอเอส ซึ่งการจัดตั้งองค์กรบริหารรถไฟความเร็วสูงเป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2560 ที่มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาแนวทางจัดตั้งองค์กรพิเศษที่เป็นอิสระจากการกำกับกิจการของ ร.ฟ.ท. เพื่อกำกับดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูงให้มีประสิทธิภาพ


ผงะ!กระบะซุกระเบิดเต็มคันรถ ชุดวงจรตั้งเวลา-‘แสวงเครื่อง40ลูก’

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.10 น.วันนี้(21 มิ.ย.61) ชุดตำรวจทางหลวงได้ทำการตั้งจุดตรวจไม่ประจำที่ บนถนน 4057 บริเวณ พิกัด SM722857 บนถนนสายสุไหงโก-ลก-ตากใบ บ้านสะหริ่ง หมู่ 1 ต.โฆษิต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ระหว่างตั้งจุดตรวจได้ทำเรียกรถ อีซูซุ ดีแม็ก สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บท.2788 ปัตตานี ตรวจพบวัตถุระเบิด ไม่ทราบชนิด ขนาด และจำนวน ประกอบด้วย

1.ระเบิดแสวงเครื่องแบบขว้าง 40 ลูก

2.วิทยุสื่อสาร 2 เครื่อง

3.ไฟฉาย 4 อัน

4.ชุดวงจรวิทยุ 2 กล่อง

5.ชุดวงจร ตั้งเวลา 5 นาที 36 กล่อง

6.ชุดวงจร ตั้งเวลา 10 นาที 1 กล่อง

7.ชุดวงจรตั้งเวลา 30 นาที 2 กล่อง

8.ระเบิดท่อเหล็ก 1 ตัว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คุมตัวชายอายุ 36 ปี ที่มากับรถ 1 คน และหลบหนีไป 1 คน โดยล่าสุด เจ้าหน้าที่อีโอดีได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อขยายผลถึงที่มาของวัตถุระเบิดดังกล่าว


นายกอังกฤษเรียกร้องไทยจัดเลือกตั้ง 'บิ๊กตู่'รับปากเกิดขึ้นแน่ต้นปีหน้า

21 มิ.ย.61 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน การพบกันระหว่างนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และ นายประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ในระหว่างที่ผู้นำไทยเยือนทำเนียบรัฐบาลสหราชอาณาจักร ในกรุงลอนดอน อย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

โดยเมย์ได้พูดถึงประเด็นทางการเมืองของไทย เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเดินหน้าสู่กระบวนการการเลือกตั้งที่เสรี เปิดกว้างตามมาตรบานสากล และยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ ที่กำหนดต่อพรรคการเมืองก่อนในเบื้องต้น

ขณะที่ประยุทธ์ ได้รับปากกับผู้นำอังกฤษว่า การเลือกตั้งทั่วไปจะเกิดขึ้นในต้นปีหน้าอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองยังได้หารือเรื่องความร่วมมือในด้านการค้าอีกด้วย

สำหรับกำหนดการต่อไปของ พล.อ.ประยุทธ์ คือการเยือนฝรั่งเศส และมีกำหนดเข้าพบประธานาธิบดีเอมมานูว์แอล มาครง ที่ทำเนียบเลลีเซ ในกรุงปารีส ในวันจันทร์ที่ 25 มิ.ย. นี้.


'ตร.อินโดฯ'จับกัปตันเรือเฟอร์รารี่ ลำที่ประสบเหตุล่ม-เร่งค้นหาอีก 200 ชีวิต

21 มิ.ย.61 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ตำรวจอินโดนีเซียสามารถจับกุมกัปตันเรือเฟอร์รารี่ ที่ประสบอุบัติเหตุล่มในทะเลสาบโตบา ทางเหนือเกาะสุมาตรา เมื่อช่วงเย็นวันจันทร์ที่ผ่านมา (18 มิ.ย.) ได้แล้ว พร้อมเร่งดำเนินการสอบสวน โดยกัปตันเรือรายนี้ ซึ่งเป็นเจ้าของเรือด้วย เป็นหนึ่งใน 18 คน ที่ได้รับการช่วยเหลือได้ทันในวันที่เกิดเหตุ

สำหรับรายงานผู้เสียชีวิตยังคงอยู่ที่ 3 ราย มีผู้สูญหายเกือบ 200 คน ด้านเจ้าหน้าระดมกำลังเร่งค้นหาเรือที่อัปปางอยู่ใต้ทะเลสาบที่มีความกว้างถึง 1,145 ตารางกิโลเมตร และลึกถึง 450 เมตร คาดอาจมีผู้เสียชีวิตมากถึง 180 ราย ที่ติดอยู่ภายในเรือ

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเรือลำนี้ให้บริการโดยผิดกฎหมาย ไม่มีการจำหน่ายตั๋วโดยสาร จึงเป็นการยากที่จะระบุจำนวนผู้โดยสารได้อย่างชัดเจน เบื้องต้นตัวเลขผู้โดยสารมาจากการแจ้งของญาติเท่านั้น ซึ่งถ้าได้รับการยืนยันเท่ากับเรือลำนี้ได้บรรทุกผู้โดยสารเกินความสามารถบรรทุกสูงสุดของเรือถึง 3-4 เท่า และยังไม่มีการยืนยันว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมอยู่ด้วยหรือไม่


'บิ๊กป้อม' จ่อถกหน่วยงานเกี่ยวข้อง เลิกนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์

20 มิ.ย. 61 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาอิเล็กทรอนิกส์ จะมีการยกเลิกการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ว่า เรื่องนี้ต้องพูดคุยหลายฝ่าย ไม่ว่า จะเป็นกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กรมศุลกากร ตำรวจ โดยตนจะนัดประชุมอีกครั้ง ได้ข้อมูลอย่างไรแล้วจะมีการชี้แจงออกมา

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า เรื่องนี้เราสามารถรับมือได้ แค่ไม่ให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาก็ได้แล้ว แต่ต้องดูว่า ห้ามนำเข้ามันจะผิดกฎหมายหรือไม่ จะต้องดูกฎหมาย ถ้ากฎหมายให้เข้าได้เราก็ต้องแก้กฎหมาย หรือจะดำเนินการอย่างไรค่อยว่ากันไป เราต้องดำเนินการตามกฎหมายทุกอย่าง

65 ปีได้คืนสู่มาตุภูมิ 'โสมแดง'เตรียมส่ง'กระดูก'ทหารอเมริกากลับบ้าน

20 มิ.ย.61 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เกาหลีเหนือเตรียมส่งกระดูกทหารอเมริกาล็อตแรก จากทั้งหมด 200 นาย ที่เสียชีวิตในสงครามเกาหลี ส่งคืนอเมริกาในเร็ววันนี้ ซึ่งเป็นความคืบหน้าหลังการประชุมสุดยอดระหว่าง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และนายคิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ

โดยกระทรวงกลาโหมได้ออกหนังสือชี้แจงฉบับล่าสุด เกี่ยวกับทหารที่หายสาบสูญไปในสงครามเกาหลีเมื่อปี 1950-1953 โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือเคยพูดหลายครั้งว่า มีกระดูกทหารกว่า 200 นาย ที่ถูกพบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การลงนามร่วมกันระหว่างสองผู้นำทำให้กระดูกทหารได้กลับคืนสู่มาตุภูมิ เหมือนที่เคยถูกส่งคืนมาแล้ว 229 ชุด ในช่วงระหว่างปี 1990-2005 และจะดำเนินการอย่างถูกต้องตามหลักมนุษยธรรม

ทั้งนี้ สหรัฐต้องเสียกำลังพลไปมากกว่า 35,000 นาย ในสงครามเกาหลี ซึ่งกว่า 7,700 นาย ยังคงมีสถานะสูญหาย ในจำนวนนี้คาดว่าอยู่ในเกาหลีเหนือ 5,300 นาย

สำหรับความเคลื่อนไหวนี้ เป็นไปตามการลงนามร่วมกันในเอกสารสำคัญของทั้งสองผู้นำ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในข้อที่ระบุว่า "สหรัฐและเกาหลีเหนือให้คำมั่นว่าจะค้นหาร่างเชลยสงครามและหรือทหารที่สูญหายขณะปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งเร่งส่งคืนร่างที่พบแล้ว"