เว็บไซต์ “เมโทร” รายงานเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา ถึงคุณแม่ชาวแคนาดาที่เผยแพร่ภาพลูกชายสวมกระโปรงในอิริยาบทต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้พ่อแม่คนอื่นๆยอมรับสิ่งที่ลูกๆเป็น
คริสตัล เคลล์ส แม่ชาวแคนาดาเจ้าของเว็บไซต์ kellsnaturalphotography ระบุว่า เคียน ลูกชายวัย 5 ขวบเลือกสิ่งที่อยากจะใส่เองทุกๆวันและเคียน ก็ชอบใส่ชุดเดรสมากๆ และว่า 99 เปอร์เซ็นต์เคียนจะเลือกใส่ชุดกระโปรงมากกว่าที่จะใส่เสื้อเชิร์ตหรือกางเกง และสิ่งที่เขาชอบมากที่สุดก็คือการหมุนตัว
คริสตัล ผู้มาจากเมืองแฮมิลตัน รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา ระบุว่า ตนถูกเลี้ยงมาอย่างเสรี และเมื่อลูกของเธออยากที่จะใส่เดรสเธอจึงไม่ขัดข้อง ขณะที่ภาพชุดดังกล่าวนั้นเธอเริ่มถ่ายตั้งแต่ปีก่อนที่ลูกชายของเธอรู้สึกมีอิสระที่จะใส่อะไรก็ได้ที่ต้องการ ก่อนที่จะนำมาเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างพลังให้กับทั้งตัวเด็กๆให้รักตัวเอง รวมถึงบรรดาพ่อแม่ให้รักในสิ่งที่ลูกๆเป็น
เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2560 ที่ เรือนจำกลางขอนแก่น อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณภายในจุดเยี่ยมญาติ ด้านหน้าเรือนจำกลาง จ.ขอนแก่น ยังคงมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาติดต่อขอเยี่ยมผู้ต้องขังที่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำกลาง จ.ขอนแก่น อย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่พบเห็นญาติของผู้ต้องขัง ฆ่าหั่นศพ น.ส.น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ แอ๋ม ที่ถูกฆาตกรรมหั่นศพ เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 60 เข้ามาเพื่อขอเยี่ยมผู้ต้องขังทั้ง 4 เลย
ซึ่งจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีญาติของผู้ต้องขัง ที่ได้ถูกขังอยู่ที่เรือนจำกลางขอนแก่น มาขอเยี่ยมผู้ต้องขังเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่พบว่ามีญาติและครอบครัวของผู้ตองขังทั้ง 4 คือ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือ เปรี้ยว น.ส.กวิตา ราชดา หรือ เอิน และ น.ส.อภิวันท์ สัตยบัณฑิต หรือ แจ้ และน.ส.จิดารัตน์ พรหมคุณ หรือเบนซ์ เข้ามาทำการขอเยี่ยมผู้ต้องขังทั้ง 4 คนเลย
จากการสอบถามกับแหล่งข่าวถึงสภาพจิตใจของผู้ต้องขัง คือ น.ส.กวิตา ราชดา หรือ เอิร์น และ น.ส.อภิวันท์ สัตยบัณฑิต หรือ แจ้ ที่ได้นำตัวมาคุมขังอยู่ที่ เรือนจำกลางขอนแก่น เป็นวันที่ 4 แล้ว ซึ่งทั้ง 3 ผู้ต้องขัง ขณะนี้ทุกคนปรับสภาพจิตใจได้แล้ว และทุกคนต้องทำตามกฎระเบียบของเรือนจำเหมือนกับผู้ต้องขังรายอื่นที่ถูกคุมขังอยู่ในแดนหญิง รวมกว่า 500 คน ซึ่ง น.ส.เปรี้ยวที่มีอาการเครียดเป็นบางครั้ง แต่วันนี้สภาพจิตใจเริ่มคลายความกังวลกว่าทุกวันที่ผ่านมา และทั้งหมดยังคงแยกการคุมขังออกจากกัน เนื่องจากผู้ต้องหาคดีเดียวกันจะไม่สามารถคุมขังร่วมกันได้ ซึ่งคาดว่าผู้ต้องขังจะค่อยๆปรับตัวได้เรื่อยๆ
เว็บไซต์บิสซิเนสอินไซเดอร์ ออสเตรเลีย รายงานเมื่อวันท่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม เผยแพร่รายงานการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว จากการวิเคราะห์ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวใน 136 ประเทศทั่วโลก พบว่าประเทศไทยติด 1 ใน 20 ประเทศที่อันตรายสำหรับนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก โดยไทยติดอยู่ในอันดับที่ 19
ส่วนหนึ่งของรายงานดังกล่าวซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศใดที่มีความปลอดภัยและมีความมั่นคง สำหรับนักท่องเที่ยวมากที่สุดโดยประเทศฟินแลนด์อยู่ในอันดับที่ 1 ตามมาด้วยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไอซ์แลนด์ และโอมาน ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ 6 ส่วนมาเลเซีย อยู่ในอันดับที่ 40 จาก 136 ประเทศ
ในส่วนของรายงานประเทศซึ่งมีความเสี่ยงด้านความมั่นคงโดยดูจากความรุนแรงและการก่อการร้ายในประเทศ ไม่นับรวมอาชญากรรมเล็กๆน้อยๆ นั้น 5 อันดับแรกคือประเทศไนจีเรีย ปากีสถาน เอลซัลวาดอร์ เยเมน และกัมพูชา ส่วนประเทศฟิลิปปินส์ นั้นอยู่ในอันดับที่ 11
รายงานของ ‘เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรัม’ ระบุว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 19 ของประเทศซึ่งอันตรายกับนักท่องเที่ยว โดยเหตุผลหลักมาจากสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา ที่นับว่าเป็นพื้นที่ซึ่งอันตรายที่สุดในประเทศไทย โดยในช่วง 13 ปีที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงแล้วกว่า 6,500 ราย และยังคงมีการประกาศใช้ ‘กฎอัยการศึก’ ในพื้นที่ในเวลานี้
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) กล่าวถึงการชำระยอดค้างจ่ายค่าน้ำของส่วนราชการว่า เราก็ทวงถามให้มาชำระ เป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่ได้กำหนดกรอบการชำระแต่อย่างใด โดยจะไม่มีการฟ้องร้องหรือตัดน้ำเพราะจะส่งผลเดือดร้อนแก่ประชาชนที่มาติดต่องานราชการ แต่ที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐก็ชำระได้ดีขึ้น ซึ่งส่วนของประปามีค้างชำระน้อย ที่ค้างชำระก็เป็นของหน่วยงานส่วนท้องถิ่นที่ไม่ได้อยู่ในคำสั่งมติครม.ครั้งนี้ แต่เราก็มีการเร่งรัดมาโดยตลอด ทั้งนี้ในปี 59 พบว่าหน่วยราชการต่างๆ ค้างจ่ายค่าน้ำประมาณโดยรวม 49 ล้านบาท ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นค้างจ่ายกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งเราจะเร่งรัดติดตามต่อไป
นายนายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) กล่าวว่า ทางกฟภ. มีหนังสือแจ้งหนี้ทุกเดือนอยู่แล้ว แต่หลังจากมีมติครม.ออกมาทาง กฟภ.ก็จะทำหนังสือแจ้งหนี้ไปอีกครั้ง ซึ่งกรอบเวลาการชำระเงินคงต้องหารือในที่ประชุมก่อน ส่วนยอดค้างชำระค่าไฟของส่วนราชการต่างๆ นั้น มีอยู่ประมาณหลักพันล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้จะไม่มีการฟ้องร้องหรือตัดไฟ แต่จะเป็นการส่งหนังสือแจ้งย้ำเตือนไปเท่านั้น
รายการข่าวกู๊ดมอร์นิ่ง อเมริกา ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซีรายงานว่า “แคโรไลนา วิลเลียมส์” เด็กสาวชาวเมืองเบรนท์วู้ด รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์เปิดใจว่า เธอรู้สึก”เหมือนฝัน”เมื่อพบว่ามหาวิทยาลัยเยล หนึ่งในมหาวิทยายชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ตอบรับเธอเข้าเรียนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากเธอเขียนเรียงความบอกเล่าความรู้สึกที่เธอชอบสั่งพิซซ่าจากร้านปาป้า จอห์น มากินมากจนชนะใจกรรมการ นอกจากนั้นเธอยังได้รับข้อความจากทีมงานคณะกรรมการคัดเลือกรับนักศึกษาใหม่ส่งมาถึงด้วย
“ฉันรู้สึกสะดุดใจมากจริงๆ ที่มีคณะกรรมการมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรียงความของฉัน เพราะต้องมีคนส่งเรียงความไปเยอะแยะมาก” วิลเลียมส์ เล่าว่า เธอเขียนเรียงความส่งไปสมัครเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเยลถึง 10 เรื่องโดยเรียงความเรื่องพิซซ่าปาป้า จอห์น เป็นหนึ่งในนั้น “ฉันคิดว่าที่เรียงความเรื่องนี้มันโดดเด่น ก็เพราะมันเขียนมาจากความรู้สึกจริงๆ และสะท้อนถึงความเป็นตัวฉัน และยังเป็นเรียงความที่มีความเสี่ยงด้วย ”
รายการข่าวกู๊ดมอร์นิ่ง อเมริกา ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซีรายงานว่า “แคโรไลนา วิลเลียมส์” เด็กสาวชาวเมืองเบรนท์วู้ด รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์เปิดใจว่า เธอรู้สึก”เหมือนฝัน”เมื่อพบว่ามหาวิทยาลัยเยล หนึ่งในมหาวิทยายชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ตอบรับเธอเข้าเรียนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากเธอเขียนเรียงความบอกเล่าความรู้สึกที่เธอชอบสั่งพิซซ่าจากร้านปาป้า จอห์น มากินมากจนชนะใจกรรมการ นอกจากนั้นเธอยังได้รับข้อความจากทีมงานคณะกรรมการคัดเลือกรับนักศึกษาใหม่ส่งมาถึงด้วย
“ฉันรู้สึกสะดุดใจมากจริงๆ ที่มีคณะกรรมการมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรียงความของฉัน เพราะต้องมีคนส่งเรียงความไปเยอะแยะมาก” วิลเลียมส์ เล่าว่า เธอเขียนเรียงความส่งไปสมัครเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเยลถึง 10 เรื่องโดยเรียงความเรื่องพิซซ่าปาป้า จอห์น เป็นหนึ่งในนั้น “ฉันคิดว่าที่เรียงความเรื่องนี้มันโดดเด่น ก็เพราะมันเขียนมาจากความรู้สึกจริงๆ และสะท้อนถึงความเป็นตัวฉัน และยังเป็นเรียงความที่มีความเสี่ยงด้วย ”
ขณะที่มีข้อความจากคณะกรรมการอีกคนหนึ่งเขียนมาว่า “ฉันขำหนักมากเมื่ออ่านเรียงความของเธอ และคิดว่าเธอเป็นคนที่ฉันอยากจะคบเป็นเพื่อนสนิท”
วิลเลียมส์เล่าว่า หลังจากได้รับการตอบรับเข้าเรียนจากมหาวิทยาลัยเยล คืนนั้นเธอก็สั่งพิซซ่าปาป้า จอห์น มาฉลอง และว่า “ที่ฉันดีใจอย่างยิ่งต่อเสียงตอบรับเรียงความของฉันก็เพราะมันทำให้ฉันมั่นใจว่าพวกเขาต้องการรับฉันจริงๆ ”
อย่างไรก็ตาม วิลเลียมส์ เล่าว่าแม้เธอจะตื่นเต้นดีใจ แต่สุดท้ายเธอตัดสินใจจะเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยออเบิร์น ในรัฐอลาบามา โดยตั้งใจจะศึกษาสาขาบริหารธุรกิจ “ที่ฉันเลือกมหาวิทยาลัยออเบิร์นก็เพราะฉันชอบทางใต้ และรักจิตวิญญาณของออเบิร์น มหาวิทยาลัยเยลเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่มหาวิทยาลัยออเบิร์นเปรียบเหมือนบ้านสำหรับฉัน ที่ดีอีกอย่างก็คือ ที่ออเบิร์น มีปาป้า จอห์นอยู่ที่ศูนย์นักศึกษาในมหาวิทยาลัย ดังนั้นฉันจึงซื้อพิซซ่าได้ตลอดเวลา ”
ทั้งนี้ วิลเลียมส์บอกว่า เธออยากจะแชร์ประสบการณ์ของเธอให้แก่นักเรียนที่กำลังจะสมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้รู้ว่า ” แค่เขียนถึงสิ่งที่สะท้อนถึงความเป็นตัวคุณ และถ้ามหาวิทยาลัยตอบรับคุณก็ขอให้รู้ไว้เลยว่า เขาต้องการคุณจริงๆ พยายามเขียนให้มีครีเอทีฟ มีความคิดสร้างสรรค์ และคิดนอกกรอบ แต่ก็ต้องเป็นเรื่องที่มาจากความรู้สึกจริงๆของคุณด้วย”
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานเมื่อเวลา 18.43 น. วันที่ 7 มิถุนายนว่า เครื่องบินของกองทัพพม่า ซึ่งมีผู้อยู่บนเครื่องบิน 105 คน ได้ขาดการติดต่อระหว่างมุ่งหน้าจากเมืองมะริด ไปยังนครย่างกุ้ง ก่อนจะพบชิ้นส่วนกระจัดกระจายอยู่ในทะเลอันดามัน ห่างจากเมืองทวายราว 218 กิโลเมตร
โดยสำนักงานการบินทหารและพลเรือนของพม่า ระบุว่า เครื่องบินที่หายไป เป็นเครื่องบินลำเลียงอเนกประสงค์ รุ่น วาย-8 ทำในประเทศจีน เดินทางออกจากเมืองมะริด เมื่อเวลา 13.06 น. มุ่งหน้าไปยังนครย่างกุ้งของพม่า และขาดการติดต่อขณะบินอยู่เหนือทะเลอันดามัน ห่างจากเมืองทวายราว 32 กิโลเมตร
นายจ่อ จ่อ ฮเต เจ้าหน้าที่ของสำนักงานการบินทหารและพลเรือน ของสนามบินเมืองมะริด เปิดเผยว่า จากข้อมูลที่ได้รับก่อนที่เครื่องบินจะออก พบว่า มีผู้อยู่บนเครื่องบินทั้งหมด 105 คน และขณะนี้ยังไม่รู้ได้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินหลังจากเครื่องบินขาดการติดต่อไป เนื่องจากสภาพอากาศขณะที่เครื่องบินบินออกไปก็อยู่ในสภาวะปกติ
สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานความคืบหน้าเหตุที่คนร้ายบุกโจมตีและก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่อาคารรัฐสภาในกรุงเตหะราน ของอิหร่าน และที่สุสานของอยาตอลเลาะห์ โคไมนี เมื่อวันที่ 7 มิถุนายนว่า หลังเกิดเหตุราว 5 ชั่วโมง สื่อของอิหร่านรายงานว่า คนร้ายที่บุกโจมตีอาคารรัฐสภาได้เสียชีวิตแล้ว และเหตุการณ์ได้จบลงแล้ว โดยนายปีร์ ฮอสเซน โคลิวานด์ หัวหน้าหน่วยฉุกเฉินอิหร่าน เปิดเผยว่า มีผู้ที่ถูกคนร้ายสังหารรวมทั้งสิ้นอย่างน้อย 12 ราย
ขณะที่นานาชาติต่างพากันออกมาประณามเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นในอิหร่าน โดยทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ออกมาประณามการก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่เกิดขึ้นในอิหร่าน โดยระบุว่า รัสเซียขอประณามการก่อการร้ายดังกล่าว และว่า การก่อการร้ายที่มีขึ้นอย่างต่อเนื่องชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันต่อสู้กับการก่อการร้าย
ด้านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ออกมาประณามเหตุโจมตีทั้งสองแห่งที่เกิดขึ้นในอิหร่าน โดยระบุว่า จุดยืนของยูเออีชัดเจน คือการก่อการร้ายในประเทศใดๆ หรือในเมืองใดๆ ที่มีผลโดยตรงกับผู้บริสุทธิ์ ยูเออีจะขอประณามการกระทำดังกล่าว
ส่วนกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงต่อเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นที่อิหร่านทั้งที่รัฐสภาและที่สุสานของโคไมนี และสถานทูตฝรั่งเศสจะเฝ้าจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกับแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของเหยื่อที่เสียชีวิต
ทั้งนี้ อิหร่านเป็นประเทศหลักในการต่อสู้กับกลุ่มไอเอสทั้งในซีเรียและอิรัก โดยเหตุโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่นายฮัสซัน รูฮานี เพิ่งได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีอิหร่านอีกสมัยได้เพียงเดือนกว่า
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012