เมื่อวันที่ 22 ส.ค.68 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (EU) กำลังแสดงความกังวลว่า กฎหมายใหม่ของสหรัฐฯ อาจยิ่งเร่งให้โทเคนดิจิทัลที่อิงกับดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโตขึ้น และมองว่า การผลักดันยูโรดิจิทัลเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อปกป้องความเป็นผู้นำของเงินยูโรในภูมิภาคยุโรป
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ผ่านกฎหมายสำคัญเพื่อกำกับดูแลตลาดสเตเบิลคอยน์มูลค่า 2.88 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่อิงกับเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยกฎหมายดังกล่าวมีชื่อว่า Genius Act ซึ่งได้รับการผลักดันจากอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี
รายงานของไฟแนนเชียลไทม์ส ระบุว่า กฎหมายของสหรัฐฯ ดังกล่าวได้สร้างแรงกระเพื่อมในยุโรปอย่างมาก โดยเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายชี้ว่า ต้องเร่งผลักดันแผนสำหรับยูโรดิจิทัลซึ่งถูกทบทวนอีกครั้งภายหลังจากที่สหรัฐฯ บังคับใช้กฎหมายดังกล่าว
สเตเบิลคอยน์ถือเป็นโทเคนดิจิทัลที่มีการตรึงมูลค่าแบบหนึ่งต่อหนึ่งกับสกุลเงินที่ออกโดยรัฐบาล และมีสินทรัพย์สำรองสนับสนุน เช่น พันธบัตรรัฐบาล
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้มีการพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้บล็อกเชนสาธารณะ เช่น Ethereum หรือ Solana สำหรับยูโรดิจิทัล แทนที่จะเป็นบล็อกเชนแบบปิด (private blockchain) ตามแผนก่อนหน้านี้ซึ่งมีเหตุผลมาจากความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เองก็ศึกษาเรื่องยูโรดิจิทัลมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยตั้งเป้าให้ประชาชนสามารถใช้ได้ฟรีโดยไม่มีค่าธรรมเนียมครอบคลุมทั่วเขตยูโรโซน ขณะที่ผู้สนับสนุนมองว่า เงินดิจิทัลนี้จะช่วยให้ผู้คนเข้าถึงวิธีการชำระเงินที่ได้รับการสนับสนุนโดยธนาคารกลางในช่วงที่การใช้เงินสดลดลง อีกทั้งยังมีส่วนช่วยส่งเสริมสถานะของเงินยูโรในเวทีโลกด้วย
แหล่งข่าวเผย ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เสนอให้ยูเครนยอมยกพื้นที่ภูมิภาคดอนบาสทั้งหมด รวมถึงยกเลิกความพยายามเข้าร่วมองค์การนาโต และห้ามกองกำลังตะวันตกเข้ามาในยูเครน ด้านเจ้าหน้าที่อียูเตือนอย่าตกหลุมพราง
ตามรายงานจากแหล่งข่าวใกล้ชิดรัฐบาลรัสเซีย ระบุว่า รัสเซียเสนอเงื่อนไขใหม่เพื่อยุติสงครามยูเครน หลังการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่รัฐอะลาสกาเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยปูตินเรียกร้องให้ยูเครนยกภูมิภาคดอนบาสทั้งหมดให้กับรัสเซีย รวมถึงยกเลิกความพยายามเข้าร่วมองค์การนาโต รักษาความเป็นกลาง และห้ามกำลังทหารตะวันตกเข้ามาประจำการในประเทศ
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการพบปะระดับสูงสุดรัสเซีย-สหรัฐฯ ในรอบกว่า 4 ปี โดยทั้งสองผู้นำใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง หารือถึงแนวทางประนีประนอมเพื่อยุติสงครามในยูเครน แม้ในการแถลงหลังการประชุมจะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดมากนัก แต่แหล่งข่าวระบุว่าปูตินแสดงท่าทีพร้อมปรับลดข้อเรียกร้องบางส่วนเมื่อเทียบกับข้อเสนอเดิมในปี 2024
ข้อเสนอล่าสุดของรัสเซียยังคงยืนยันให้ยูเครนสละพื้นที่ภูมิภาคดอนบาสที่ยังอยู่ในการควบคุม แต่ในทางกลับกัน รัสเซียพร้อมที่จะหยุดการรุกคืบในแคว้นซาโปริชเชียและเคอร์ซอน และอาจคืนพื้นที่เล็กน้อยที่ครอบครองในแคว้นคาร์คิฟ ซูมี และดนีโปรเปตรอฟสค์ ให้กับยูเครน ข้อมูลจากสหรัฐฯ ระบุว่าปัจจุบันรัสเซียครองพื้นที่ 88% ของดอนบาส และ 73% ของซาโปริชเชียและเคอร์ซอน
อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องสำคัญอื่น ๆ ของปูตินยังไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งการห้ามยูเครนเข้าร่วมนาโต การจำกัดกองทัพยูเครน และการรับรองอย่างเป็นทางการว่าจะไม่มีกำลังตะวันตกเข้ามาประจำการในยูเครน ขณะที่รัฐบาลเคียฟยังคงยืนยันไม่ยอมถอนตัวจากดินแดนที่ได้รับการยอมรับตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี กล่าวว่าภูมิภาคดอนบาสเป็นปราการสำคัญในการสกัดกั้นรัสเซียและไม่อาจสละได้ พร้อมย้ำว่ายูเครนมีเป้าหมายตามรัฐธรรมนูญในการเข้าร่วมนาโต และเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่รัสเซียมีสิทธิ์กำหนด ขณะที่ทำเนียบขาวและนาโต้ยังไม่ให้ความเห็นต่อข้อเสนอนี้
ด้านนักการทูตระดับสูงของสหภาพยุโรป (อียู) ได้ออกมาเตือนว่าไม่ควรกดดันให้ยูเครนยอมยกดินแดนให้รัสเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพในอนาคต
ในการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกนับตั้งแต่ผู้นำสหภาพยุโรปเข้าร่วมการเจรจาสันติภาพระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์กับยูเครนที่ทำเนียบขาว คายา คัลลาส กล่าวกับรายการทูเดย์ของบีบีซีว่า การปล่อยให้รัสเซียยึดครองดินแดนของยูเครนเป็น "กับดักที่ปูตินต้องการให้เราเดินเข้าไป" เธอยอมรับว่ายังไม่มี "ขั้นตอนที่เป็นรูปธรรม" มากนักสำหรับการใช้กำลังยับยั้งในขั้นตอนการเจรจานี้
เธอกล่าวว่าเป็นหน้าที่ของรัฐสมาชิกของ "พันธมิตรผู้สนับสนุนยูเครนสู่สันติภาพ" ที่จะกำหนดว่าพวกเขาสามารถมีส่วนร่วมได้มากเพียงใด และยังไม่ชัดเจนว่ากองกำลังเหล่านี้จะปฏิบัติการในฐานะใด
แม้รัสเซียยังควบคุมพื้นที่ยูเครนราว 1 ใน 5 แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดรัฐบาลรัสเซียมองว่าการประชุมที่รัฐอะลาสกา อาจเป็นโอกาสดีที่สุดในการเจรจาสันติภาพตั้งแต่สงครามเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักยังอยู่ที่การยอมรับของยูเครนและท่าทีของสหรัฐฯ รวมถึงข้อกังขาต่อความชอบธรรมของเซเลนสกี ซึ่งปูตินตั้งคำถามซ้ำ ๆ หลังวาระการดำรงตำแหน่งของเขาหมดไปตั้งแต่กลางปี 2024 แต่ยูเครนยืนยันว่าเซเลนสกียังเป็นประธานาธิบดีโดยชอบธรรม
ผู้นำยุโรปอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ยังคงแสดงความไม่มั่นใจว่าปูตินมีความจริงใจต้องการยุติสงคราม ขณะที่ทรัมป์ย้ำว่าเขาต้องการยุติ "การนองเลือด" และพร้อมเดินหน้าจัดการประชุมสามฝ่ายระหว่างสหรัฐฯ รัสเซีย และยูเครนในอนาคตอันใกล้.
ที่มา Reuters BBC
ยูเอ็นประกาศ “กาซาเข้าสู่ภาวะทุพภิกขภัย” มีคนอดตายแล้ว 2 ศพในรอบ 24 ชั่วโมง ขณะที่ยอดตายจากการโจมตีอิสราเอลพุ่งเกิน 62,000 ศพ ชี้นี่คือ “ความล้มเหลวของมนุษยชาติ”
วันที่ 22 สิงหาคม 2568 องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ประกาศว่า ฉนวนกาซาเข้าสู่ภาวะทุพภิกขภัย (Famine) อย่างเป็นทางการ หลังมีรายงานว่าชาวปาเลสไตน์ 2 คนเสียชีวิตจากความอดอยากภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขกาซา ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลอีก 71 ศพทั่วฉนวนกาซา
โดยหน่วยงานระบบการจัดระดับความมั่นคงทางอาหารแบบบูรณาการ (Integrated Food Security Phase Classification -IPC) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากยูเอ็น ระบุว่า ประชาชนกว่า 500,000 คน ในกาซากำลังเผชิญ “ความอดอยาก ความยากไร้ และความตาย” โดยมีการยืนยันว่าภาวะทุพภิกขภัยเกิดขึ้นจริงในเมืองกาซาซิตีและพื้นที่โดยรอบ และมีแนวโน้มลุกลามไปยังพื้นที่อื่นในเดือนหน้า
ทางด้านนายอันโตนิโอู กูเตียร์เรส เลขาธิการยูเอ็น กล่าวว่า วิกฤตการณ์ในกาซาถือเป็นความล้มเหลวของมนุษยชาติ พร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลเปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่พื้นที่โดยไม่จำกัด
ขณะเดียวกัน นายมาร์ติน กริฟฟิทส์ อดีตหัวหน้าฝ่ายมนุษยธรรมยูเอ็น และผู้อำนวยการองค์กรกลางด้านการไกล่เกลี่ยสากล (Mediation Group International) กล่าวว่า การประกาศครั้งนี้เป็น อาชญากรรมอันเลวร้ายที่มนุษย์สร้างขึ้น พร้อมโจมตีว่าชาติตะวันตกล่าช้าเกินไปในการตอบสนองต่อการกระทำของอิสราเอลในกาซา และตั้งคำถามว่า อีกเท่าไรที่รัฐบาลโลกจะลงมือจริงจังตามคำวินิจฉัยของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ที่สั่งห้ามการขายอาวุธให้อิสราเอล และให้สอบสวนการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้น
ขณะที่เด็กจำนวนมากกำลังเผชิญภาวะขาดสารอาหาร เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์รายหนึ่งที่อาศัยอยู่ในกาซาซิตีกับลูกชายสองคน เปิดเผยว่า เด็กจำนวนมากกำลังเผชิญภาวะขาดสารอาหาร พวกเขาไม่ได้กินอาหารเช้า เด็กหลายคนเวียนหัวเพราะความหิว
ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มสงครามเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 การโจมตีของอิสราเอลในกาซาทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 62,263 ศพและบาดเจ็บกว่า 157,365 คน ขณะที่อิสราเอลสูญเสียประชาชนไป 1,139 ศพและถูกจับตัวเป็นเชลยกว่า 200 คน
กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลปฏิเสธรายงานของยูเอ็น โดยอ้างว่า “กาซาไม่ได้เผชิญภาวะทุพภิกขภัย” และกล่าวหาว่าข้อค้นพบทั้งหมด “เป็นคำโกหกของฮามาส” พร้อมยังคงไม่อนุญาตให้องค์กรสื่อสากล รวมถึง BBC เข้าพื้นที่กาซาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างอิสระ.
22 สิงหาคม 2568 องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ออกรายงานและคำแนะนำร่วมกัน เน้นย้ำเรื่องความท้าทายด้านสุขภาพทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น จากการที่สภาพอากาศร้อนจัดส่งผลต่อสุขภาพของคนทำงาน
ดร.เจเรมี ฟาร์ราร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกด้านการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันและควบคุมโรคกล่าวว่า ภาวะเครียดจากความร้อน (heat stress) กำลังเป็นอันตรายต่อสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ของคนทำงานหลายพันล้านคน โดยเฉพาะในชุมชนที่เปราะบางมากที่สุด คำแนะนำใหม่นี้เสนอทางออกที่ปฏิบัติได้และอ้างอิงจากหลักฐานที่ปรากฏ เพื่อปกป้องชีวิต ลดความไม่เท่าเทียม และสร้างกำลังแรงงานที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในโลกที่กำลังร้อนขึ้น
รายงานชื่อ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะเครียดจากความร้อนในที่ทำงาน” ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์องค์การอนามัยโลกวันนี้ รวบรวมจากการวิจัยและหลักฐานต่าง ๆ ตลอด 5 ทศวรรษ เน้นย้ำเรื่องสุขภาพและประสิทธิภาพในการทำงานของคนทำงานได้รับผลกระทบร้ายแรงจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น โดยพบว่าประสิทธิภาพในการทำงานจะลดลงร้อยละ 2-3 ต่ออุณหภูมิที่สูงขึ้น 1 องศาเซลเซียสจาก 20 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ยังส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว รายงานพบด้วยว่า ประชากรโลกราวครึ่งหนึ่งได้รับผลกระทบทางลบจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น
ด้านองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกระบุว่า ปี 2567 ที่ผ่านมาเป็นปีที่โลกร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ นางโค แบร์เร็ตต์ รองเลขาธิการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกกล่าวว่า ภาวะเครียดจากความร้อนในที่ทำงานได้กลายเป็นความท้าทายเชิงสังคมในระดับโลก การปกป้องคนทำงานจากอากาศร้อนจัดไม่เพียงเป็นเรื่องจำเป็นทางสุขภาพ แต่ยังเป็นเรื่องจำเป็นทางเศรษฐกิจด้วย
เมื่อไม่นานมานี้องค์การแรงงานระหว่างประเทศหรือไอแอลโอ (ILO) ได้ออกรายงานเตือนว่า คนทำงานมากกว่า 2,400 ล้านคนเสี่ยงภัยจากอากาศร้อนจัดทั่วโลก ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการทำงานปีละไม่ต่ำกว่า 22.85 ล้านคน
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม โคเรียน ไทม์ส รายงานว่า ผู้ต้องหาชาวจีนคดีแฮกเกอร์ขโมยเงินกว่า 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเหยื่อชาวเกาหลี รวมทั้งนักร้องดัง จองกุก วง BTS ถูกส่งตัวจากประเทศไทยไปยังเกาหลีใต้แล้ว
“เราได้ขอหมายจับหลังจากสอบสวนผู้ต้องสงสัยและวิเคราะห์วัตถุที่ยึดมาได้ เนื่องจากคดีนี้ส่งผลกระทบทางสังคมอย่างมาก เราจะดำเนินการสืบสวนอย่างละเอียด” หน่วยอาชญากรรมไซเบอร์ของสำนักงานตำรวจนครบาลโซล ระบุ
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า หุ้นของจองกุก จำนวน 33,500 หุ้น มูลค่ากว่า 8.3 พันล้านวอน หรือประมาณ 192 ล้านบาท ถูกแอบโอนไปยังบัญชีที่ไม่ได้รับอนุญาตระหว่างเข้ารับราชการทหาร...
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012