ข่าว
รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเตรียมประชุมฉุกเฉินกรณีเมียนมา ก่อนการประชุมผู้นำเดือนหน้า

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 กล่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของชาติอาเซียนเตรียมจัดประชุมฉุกเฉินที่กรุงจาการ์ตาในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์วุ่นวายในเมียนมา ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือนพฤศจิกายนที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ตามรายงานจากแหล่งข่าวทางการทูตเมื่อวันศุกร์

บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศในอาเซียนเตรียมจัดประชุมฉุกเฉินที่กรุงจาการ์ตาในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือประเด็นเมียนมาที่ยังคงมีสถานการณ์รุนแรงในประเทศ ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือนพฤศจิกายนที่กรุงพนมเปญ

สถานการณ์ในเมียนมายังคงไม่สงบ นับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว โดยมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,300 คนจากการปราบปรามผู้เห็นต่างอย่างโหดร้ายของกองทัพ ตามรายงานของกลุ่มสังเกตการณ์ท้องถิ่น

สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) พยายามแก้ไขวิกฤตนี้ในระดับภาคีภูมิภาค แต่กลับไร้ผล และความโหดร้ายด้านสิทธิมนุษยชนยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เห็นได้จากการประหารชีวิตนักโทษการเมืองและการโจมตีทางอากาศในโรงเรียนเมื่อเร็วๆ นี้

ถึงแม้อาเซียนจะประกาศ “ฉันทามติ 5 ประการ” เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วให้รัฐบาลทหารเมียนมาปฏิบัติ แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือ ทั้งการเรียกร้องให้ยุติความรุนแรง, เพิ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ตลอดจนการเจรจาระหว่างกองทัพกับขบวนการต่อต้านรัฐประหาร

เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียยืนยันว่า จะมีการประชุมในวันพฤหัสบดีที่สำนักเลขาธิการอาเซียนในกรุงจาการ์ตา โดยประเด็นหลักอยู่ที่การทบทวนความคืบหน้าของ “ฉันทามติ 5 ประการ” ซึ่งรัฐบาลทหารเมียนมาไม่ตอบรับหรือปฏิบัติตามขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมในการดำเนินการแผนดังกล่าว

“ตอนนี้จำเป็นต้องมีการประชุมพิเศษ เนื่องจากมีปัญหาเฉพาะเจาะจงที่จะตรวจสอบเพิ่มเติมก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำ” เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียกล่าวกับเอเอฟพี

มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเป็นปีที่สองติดต่อกัน และวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมา ก็ถูกแบนจากการเจรจาระดับรัฐมนตรีในเดือนกุมภาพันธ์และสิงหาคมที่ผ่านมา

เผย ‘โคมูโระ’ สามีของอดีตเจ้าหญิงมาโกะ แห่งญี่ปุ่น สอบเนติฯ ผ่านแล้ว ในความพยายามหน 3

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม สำนักข่าวเกียวโดรายงานอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวใกล้ชิดในเรื่องนี้ว่า นายเค โคมูโระ อายุ 31 ปี สามีของอดีตเจ้าหญิงมาโกะ โคมูโระ แห่งราชวงศ์อิมพีเรียล ได้สอบเนติบัณฑิตรัฐนิวยอร์กเพื่อเป็นทนายความผ่านแล้ว ในความพยายามสอบเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งมีขึ้นในเดือนกรกฎาคมปีนี้ หลังจากสอบไม่ผ่านมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว และอีกครั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้

นายโคมูโระได้เริ่มทำงานเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาในสำนักงานทนายความแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์ก หลังจากคว้าปริญญาจูริสดอกเตอร์ (Juris Doctor) จากโรงเรียนกฎหมายแห่งมหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม ในนครนิวยอร์กเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2021

โคมูโระและอดีตเจ้าหญิงมาโกะ ปัจจุบันอายุ 30 ปี ผู้เป็นพระราชนัดดา (หลาน) ในสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ แห่งญี่ปุ่น ได้ย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในประเทศสหรัฐฯ ตั้งแต่ปลายปี 2021 หลังจากอดีตเจ้าหญิงมาโกะได้แต่งงานกับนายโคมูระ คนรักสามัญชนในเดือนตุลาคมปีเดียวกันและได้สละฐานันดรไป ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมที่มีต่อปัญหาทางการเงินของครอบครัวของฝ่ายชาย

ทั้งนี้ การสละฐานันดรของอดีตเจ้าหญิงมาโกะเป็นไปตามกฎมณเฑียรบาลของญี่ปุ่นที่กำหนดให้ราชนิกุลหญิงต้องสละฐานันดรเมื่อแต่งงานกับคนรักสามัญชน


ปูตินประกาศกฎอัยการศึก ยูเครนจำกัดใช้ไฟทั้งประเทศ

วันศุกร์ ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2565:มอสโก/เคียฟ (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - ผู้นำของรัสเซียประกาศกฎอัยการศึกใน 4 แคว้นที่ยึดครองมาจากยูเครน รวมถึงยกระดับมาตรการรักษาความมั่นคงภายในรัสเซีย ด้านยูเครนจำกัดการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศเป็นครั้งแรก หลังจากถูกรัสเซียใช้ขีปนาวุธและอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนยิงถล่มโรงไฟฟ้าบางแห่งขณะที่ยูเครนกำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว

ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศในระหว่างการประชุมสภาความมั่นคง ว่าจะใช้กฎอัยการศึกในดินแดนของยูเครนทั้ง 4 แห่ง ที่รัสเซียได้ประกาศผนวกรวมเข้าเป็นดินแดนของตนเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ได้แก่ โดเนตสก์ ลูฮันสก์ ซาโปริซเซียและ เคอร์ซอน ซึ่งเท่ากับเป็นการให้อำนาจกองทัพและทางการท้องถิ่นมากขึ้นในการรักษาความมั่นคง แล้วยังกำหนดให้จัดตั้งศูนย์บัญชาการที่รวมเอาหัวหน้าหน่วยงานพลเรือน ทหารและตำรวจ มาทำงานร่วมกัน คำสั่งนี้ยังกำหนดให้ทางการท้องถิ่นอำนวยความสะดวกและจัดหาสิ่งจำเป็นให้กับกองทัพรัสเซียด้วย

ไม่เพียงแต่ในยูเครนเท่านั้น รัฐบาลของปูติน ยังได้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยในรัสเซียเองด้วย แบ่งเป็น 3 ระดับ โดยพื้นที่ที่ใช้มาตรการระดับสูงสุดคือ บริเวณพรมแดนติดกับยูเครนนั่นเอง เพื่อให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย กำหนดข้อจำกัดในการเดินทาง และการตรวจค้นยานพาหนะ

ความเคลื่อนไหวของปูตินครั้งนี้ มองกันว่า เป็นสัญญาณว่าการสู้รบอาจจะรุนแรงขึ้น หลังจากที่รัสเซียได้ยอมรับเองว่า กองทัพยูเครนได้รุกคืบโต้กลับเข้าไปในพื้นที่ที่รัสเซียยึดครองอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่เมืองเคอร์ซอน เมืองท่าใหญ่ริมชายฝั่งทะเลดำ ที่รัสเซียได้บุกเข้าไปยึดครองได้เป็นเมืองแรกในสงครามครั้งนี้

ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้กล่าวถึงการประกาศกฎอัยการศึกของปูตินว่าเป็นสิ่งที่ย้อนแย้ง เพราะรัสเซียยกทัพบุกยูเครน มานานเกือบ 8 เดือน เขาได้สั่งห้ามไม่ให้ใช้คำว่าสงคราม แล้วยังลงโทษชาวรัสเซียที่ใช้คำนี้ด้วย แต่แล้วปูตินกลับประกาศกฎอัยการศึกซึ่งใช้ในภาวะสงครามขึ้นมา สะท้อนถึงความหลอกลวงเช่นเดียวกับที่รัสเซียตั้งข้อกล่าวหาปลอมๆ เพื่อเป็นข้ออ้างในการบุกยูเครน

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รัฐบาลยูเครนและอูเครเนอร์โอ (Ukrenergo) บริษัทดูแลระบบส่งไฟฟ้าแห่งเดียวของยูเครนแถลงวันนี้ว่า จะจำกัดการส่งไฟฟ้าตั้งแต่เวลา 07.00-23.00 น. ของวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น และอาจต้องขอความร่วมมือจากประชาชนถี่ขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ที่ปรึกษาประธานาธิบดีเตือนว่า อาจต้องดับไฟเป็นการชั่วคราวหากประชาชนไม่ช่วยกันประหยัดไฟฟ้า ผู้นำยูเครนกล่าวในคลิปที่เผยแพร่เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาว่า โครงสร้างพื้นฐานสำคัญเสียหายครั้งใหม่ ศัตรูได้ทำลายสาธารณูปโภคด้านพลังงาน 3 แห่ง

ยูเครนกำลังเตรียมตัวรับมือกับทุกความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวนี้ และคาดว่ารัสเซียจะมุ่งหน้าทำลายสาธารณูปโภคด้านพลังงานของยูเครนต่อไป จนกว่ายูเครนจะสามารถยิงทำลายขีปนาวุธและโดรนของรัสเซียได้หมดสิ้น โดยรับความช่วยเหลือจากหุ้นส่วนของยูเครน ผู้นำยูเครนกล่าวเมื่อต้นสัปดาห์ว่า โรงไฟฟ้า 1 ใน 3 ของประเทศตกเป็นเป้าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย


ตำแหน่งนายกฯอังกฤษง่อนแง่นหนัก

วันศุกร์ ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2565:ลอนดอน (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) -ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสส์ ของอังกฤษตกอยู่ในภาวะง่อนแง่นอย่างหนัก หลังจากเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีแล้ว 2 คน ทั้งที่บริหารประเทศได้เพียง 6 สัปดาห์ และสภาสามัญหรือสภาล่างเกิดความวุ่นวายในการลงมติ

นายกรัฐมนตรีทรัสส์ วัย 47 ปี เผชิญปัญหารุมเร้าทั้งเรื่องตลาดพันธบัตรปั่นป่วน และกลายเป็นผู้นำที่คะแนนนิยมต่ำที่สุดในรอบหลายทศวรรษ และต้องละทิ้งนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ประกาศไว้ตอนหาเสียงชิงงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลเกือบทั้งหมด ล่าสุด กำลังเผชิญวิกฤตซ้ำ เมื่อ ซูเอลลา เบรเวอร์แมน รัฐมนตรีมหาดไทย ยื่นหนังสือลาออกเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะใช้อีเมลส่วนตัวส่งเอกสารราชการ ซึ่งเป็นความผิดพลาดส่วนตัว หลังจากที่ทรัสส์เพิ่งปลดและเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีคลังได้ไม่ถึง 1 สัปดาห์

ขณะที่สื่ออังกฤษ รายงานว่า เบรเวอร์แมนเข้าพบนายกรัฐมนตรีทรัสส์ และโต้เถียงกันนาน 90 นาที

ก่อนทรัสส์จะปลดเบรเวอร์แมนออกจากตำแหน่ง พร้อมทั้งระบุว่า สองฝ่ายมีความเห็นขัดแย้งกันในเรื่องนโยบายบริหารจัดการผู้อพยพ โดยทรัสส์แต่งตั้งให้ แกรนท์ แช็พพส์ เข้ามาดำรงตำแหน่งแทน

ในวันเดียวกัน สภาสามัญ หรือสภาล่างอังกฤษ ก็เกิดความวุ่นวายในการลงมติเรื่องห้ามการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติจากหินดินดานตามที่ฝ่ายค้านเรียกร้อง มติเป็นอันตกไปเนื่องจากพรรคอนุรักษนิยมครองเสียงข้างมากแต่ สส.บางคนไม่พอใจที่ผู้คุมเสียงข้างมากในสภาหรือวิปของพรรคอนุรักษ์นิยมกล่าวก่อนการลงมติว่า หากมติผ่านจะเท่ากับการเป็นลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เนื่องจากทรัสส์ต้องการให้ฟื้นการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน ส.ส.พรรคแรงงานที่เป็นฝ่ายค้านกล่าวหาวิปรัฐบาลว่า ใช้ลูกเล่นเพื่อให้ได้คะแนนเสียง พร้อมกับอ้างว่า มีการใช้กำลังกับ ส.ส.ในสภาด้วย

ขณะเดียวกัน ในช่วงที่ทรัสส์กำลังแถลงต่อสภา สส.ฝ่ายค้านบางคนตะโกนขับไล่ให้เธอลาออก เช่นเดียวกับ ส.ส.พรรคอนุรักษ์นิยมบางคนถึงขั้นกลอกตามองบนเพดาน และพูดถึงเธอว่า “ไร้ประโยชน์” เป็นบรรยากาศที่ผู้สันทัดกรณีมองว่า บรรยากาศไม่ต่างอะไรกับคน 649 คน รุมคนเพียงคนเดียว อย่างไรก็ดีทรัสส์ตอบว่า เธอเป็นนักสู้ ไม่ใช่นักลาออกและไม่ใช่คนที่ถอดใจง่ายๆ ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ต่อไปทำโดยคำนึงถึงประโยชน์ของชาติ เพื่อให้มั่นใจว่า อังกฤษมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดพบว่า พรรคแรงงานกำลังมีคะแนนนิยมนำแบบทิ้งห่าง ทำให้สมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมส่วนใหญ่เชื่อว่า ความหวังเดียวที่จะหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง คือ เปลี่ยนตัวทรัสส์ แต่จนถึงตอนนี้ เธอยังคงยืนยันไม่ลาออกจากตำแหน่ง

ชาวออสเตรเลียมีลุ้น แจ็กพอตพาวเวอร์บอล 160 ล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ชาวออสเตรเลียที่ชื่นชอบการเสี่ยงดวงมีเฮ เมื่อแจ็กพอตของลอตเตอรี่พาวเวอร์บอลออสเตรเลียงวดที่จะถึงนี้พุ่งสูงถึง 160 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนับว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา

เว็บไซต์เดอะ ล็อตต์ส เปิดเผยถึงจำนวนเงินแจ็กพอต พาวเวอร์บอลงวดที่กำลังจะมาถึงในออสเตรเลีย ที่จะมีเงินรางวัลแจ็กพอตสูงถึง 160 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นเงินรางวัลสูงสุดนับตั้งแต่เคยมีมาในออสเตรเลีย หลังจากที่ไม่มีผู้ถูกรางวัลต่อเนื่องในงวดนี้

โดยตัวเลขที่ออกรางวัลในงวดที่ 1379 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาได้แก่ 14, 33, 11, 25, 17, 24 และ 6 ส่วนรางวัลพาวเวอร์บอลคือ 18 ซึ่งผลปรากฏว่าไม่มีผู้โชคดีรายใดที่ถูกรางวัลครบหมดทุกตัวเลขในดิวิชันหนึ่ง คิดเป็นมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ โดยมีผู้โชคดีถูกรางวัลในดิวิชันสองจำนวน 15 คน แบ่งเงินรางวัลกันไปคนละกว่า 2 ล้านดอลลาร์

สำหรับการออกรางวัลครั้งถัดไปในงวดที่ 1380 จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีหน้า โดยจะมีสิทธิลุ้นรางวัลแจ็กพอตใหญ่คิดเป็นมูลค่ารวมถึง 160 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว โดยผู้โชคดีที่เคยถูกลอตเตอรี่พาวเวอร์บอลรางวัลใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียเกิดขึ้นเมื่อปี 2019 โดยเป็นนางพยาบาลในนครซิดนีย์ที่คว้าเงินรางวัลไปถึง 107 ล้านดอลลาร์

ที่มา : ไนน์นิวส์