ข่าว
ผวาไต้ฝุ่นขนุน! 'ไต้หวัน'ประกาศยกเลิกเที่ยวบินเกือบ 40 เที่ยว สั่งปิดห้างร้าน-โรงเรียนรับมือภัยพิบัติ

3 สิงหาคม 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานอุตุนิยมวิทยาไต้หวัดจัดให้ 'ไต้ฝุ่นขนุน' เป็นไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงมากในระดับ 2 มุ่งหน้าไปยังชายฝั่งทะเลดด้านตะวันออกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลมสูงสุด 198 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ศูนย์กลางของไต้ฝุ่นอยู่ห่างจากกรุงไทเป 360 กิโลเมตรในทะเลจีนตะวันออก เคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปทางตะวันตกด้วยความเร็ว 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดพายุจะผ่านพื้นที่ทางตอนเหนือของไต้หวันในช่วงค่ำของวันนี้ ก่อนจะหักเลี้ยวกลับมายมาทางตะวันออกเฉียงเหนือในวันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.66) ทำให้เกิดฝนตกหนักถึง 600 มิลลิเมตรในเขตภูเขาในภาคกลางของไต้หวันและ 300 มิลลิเมตรในเขตภูเขาสูงใกล้กรุงไทเป

ทางด้านเมืองทางตอนเหนือของไต้หวัน รวมทั้งกรุงไทเป ได้ปิดห้าง ร้าน ธุรกิจ และโรงเรียน ตลาดหุ้นและตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศก็ปิดทำการด้วยเช่นกัน เที่ยวบินต่างประเทศเกือบ 40 เที่ยวถูกยกเลิกในชณะที่เส้นทางเดินเรือในประเทศระงับการให้บริการ ในกรุงไทเป บริการรถไฟใต้ดินลดจำนวนบริการในขณะที่ทหารหลายร้อยคนเตรียมพร้อมในเมืองต่างๆ เพื่อรับมือกับ'ไต้ฝุ่นขนุน'ที่อาจจะเกิดขึ้น

กูว่าแล้ว!! 'พิชิต'ขำก๊าก รองเท้าผ้าใบยังไม่ทันเปื้อน ม็อบ'ลายจุด'ประกาศจะเลิกแล้ว

3 สิงหาคม 2566 ภายหลังจากนายสมบัติ บุญงสมอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนำม็อบ "#พร้อม" ออกแถลง 10 ข้อ ประกาศยุติการชุมนุมทันทีหากพรรคเพื่อไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วสำเร็จ และพบกันใหม่ในคูหาเลือกตั้ง

ล่าสุด นายพิชิต ไชยมงคล อดีตแกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) และอดีตแกนนำพันธมิตรฯ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก “Pichit Chaimongkol” ระบุว่า

กูว่าแล้ว

เคยพูดไว้แล้วว่า ร้องเท้าจะยังไม่สึก

เยี่ยงไรละ นี่รองเท้ายังไม่เปื้อนเลย ถอดรองเท้าเสียแล้ว

คิดจะใช้รองเท้าผ้าใบ ใจมันต้องถึง ถ้าใจ .....ห.....มด มันก็ ....ค.....หดๆยามฝนตกนั่นละ

แล้วที่ ออกมา ..ห..

ออกมา ....ค...

2 วันนี้ ทำเพื่อพรรคเพื่อไทยใช่ไหมครับ ถ้าเช่นนั้น กรุณาคืน "รองเท้าผ้าใบ" และขอโทษอดีตด้วยครับ (เห็นถนัดเรียกร้องให้ คนเป่านกหวีด มือตบ ขอโทษคนอื่นเขานี่)

ว่าแต่ ได้คุยกับแกนนำกลุ่มด้อมส้มยังครับ เห็นเขาเชียร์ก่อนหน้านี้ว่า มวลชนจุดติดแล้ว

555555 แกนนำคนอื่นเชียร์ก้าวไกล

อีกคนเชียร์ เพื่อไทย

MOU ถูกฉีก บนถนนเลยเหี่ยวไปด้วย

สู้เพื่อพรรคก็เช่นนี้ละครับ นักการเมืองเขาหักกันง่ายๆ

รองเท้าผ้าใบ ใจมันต้องถึง


‘ปิติพงศ์’ย้ำจุดยืนเป็นธรรมชัดเจนไม่ร่วมรัฐบาลมี‘พปชร.-รทสช.’

3 สิงหาคม 2566 นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังพรรคเพื่อไทย ประกาศจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยไม่มีพรรคก้าวไกลและยกเลิกเอ็มโอยู 8 พรรคร่วมว่า พรรคเป็นธรรมได้รับแจ้งจากพรรคเพื่อไทย เมื่อเย็นวันที่ 2 ส.ค. ซึ่งต้องขอบคุณที่ได้แจ้งเจตจำนงฉีกเอ็มโอยู 8 พรรคมาให้ทราบ โดยพรรคเป็นธรรมน้อมรับ ณ วันนี้พรรคเป็นธรรมต้องพิจารณา 2-3 เรื่องใหญ่ว่า ตกลงแล้วการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ของพรรคเพื่อไทย จะนำใครไปร่วมรัฐบาลบ้าง และจะทำงานอย่างไร มีนโยบายอย่างไรในการแก้ปัญหาพี่น้องประชาชน

“เงื่อนไขที่สำคัญหากว่าการร่วมกับพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งใหม่ เป็นการรวมตัวโดยยังเป็นขั้วรัฐบาลเดิมอยู่ คือ มีพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ทางพรรคเป็นธรรมต้องขออนุญาตแสดงจุดยืนไม่เข้าร่วมด้วย พรรคเป็นธรรมเป็นพรรคที่มีเสียงเดียว การจะยืนอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง มันไม่มีผลกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรอก แต่พรรคเป็นธรรมต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนในการตอบคำถามประชาชนที่หาเสียงมาตลอด เรายึดโยงกับพรรคการเมืองที่ได้รับอาณัติจากประชาชนในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อมาบริหารประเทศตามที่ประชาชนมอบหมายมา ณ วันนี้เรายังยึดอยู่ว่าฝั่งประชาธิปไตย ควรที่จะเป็นฝั่งจัดตั้งรัฐบาลได้ มากกว่าที่จะเป็นฝั่งอนุรักษ์นิยม หรือพรรครัฐบาลปัจจุบัน ยังคิดอยู่ว่าควรจะจับมือทำงานร่วมกันดีกว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใหม่ พรรคเป็นธรรมก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ถ้าผิดจากจุดยืน อุดมการณ์ที่ได้พูดกับประชาชนไว้” นายปิติพงศ์ กล่าว

นายปิติพงศ์ กล่าวว่า จริงๆแล้วเราไม่ได้มีปัญหากับใคร พรรคเป็นธรรมเป็นพรรคใหม่ แตรยืนยันไม่ได้มีปัญหากับพรรคการเมืองใดๆ เพียงแต่พรรคเป็นธรรมยึดในอุดมการณ์เป็นหลัก มากกว่าเรื่องตัวบุคคล เรารับฟังเสียงประชาชนเป็นหลักมากกว่า ที่จะเอาความต้องการเป็นรัฐบาล ของพรรคการเมืองหรือตัวบุคคลมาเป็นเรื่องหลัก เรื่องสำคัญก็อยากจะฝากทิ้งท้าย ฝากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้พิจารณาถึงเอ็มโอยูในเนื้อหาที่เป็นนโยบายหลักในการที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนเป็นหลัก อย่าขึ้นอยู่กับการต่อรองของแต่ละพรรคที่จะเสนอตัวเข้าไป


ไทยคาด'ส่งออกผลไม้'ครึ่งปีหลังหดตัว จีนขึ้นแท่นจุดเติบโต

3 ส.ค.66 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า การส่งออกผลไม้ของไทยจะชะลอตัวลงช่วงครึ่งหลังของปี 2023 (กรกฎาคม-ธันวาคม) โดยมีจีนเป็นแหล่งต้นทางหลักของการเติบโต

รายงานดังกล่าวเน้นย้ำความท้าทายช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งรวมถึงการผ่านพ้นฤดูกาลที่การส่งออกพุ่งแตะจุดสูงสุด เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวในตลาดส่งออกหลัก และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อคุณภาพและผลผลิตของผลไม้ ซึ่งอาจทำให้มูลค่าการส่งออกผลไม้โดยรวมของไทยในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ลดลง

รายงานคาดการณ์ว่าการส่งออกผลไม้สดและผลไม้แช่เย็นจะขยายตัวด้วยแรงขับเคลื่อนจากการกลับมาฟื้นการค้ากับจีน ขณะการส่งออกผลไม้กระป๋องและผลไม้แปรรูปอาจประสบปัญหาชะลอตัวเนื่องจากคำสั่งซื้อจากตลาดอย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปลดลง

มูลค่ารวมการส่งออกผลไม้สด ผลไม้แช่เย็น และผลไม้แปรรูปของไทย ช่วงครึ่งปีแรก อยู่ที่ 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.89 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ (low base) ในปี 2022 และคำสั่งซื้อที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งจากจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดหลักของไทย

เมื่อพิจารณาความท้าทายที่อาจส่งผลให้มูลค่าการส่งออกผลไม้ของไทยช่วงครึ่งปีหลังลดลง รายงานคาดการณ์การเติบโตโดยรวมอยู่ที่ราวร้อยละ 2.3 ซึ่งจะทำให้มูลค่าการส่งออกทั้งหมดสูงแตะ 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.67 แสนล้านบาท) ตลอดทั้งปี

ศูนย์ฯ ยังเตือนถึงโอกาสเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญอันยืดเยื้อตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังปี 2023 จนถึงปี 2024 จนก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเพาะปลูกผลไม้ เนื่องจากการรุกล้ำของน้ำเค็ม (saltwater intrusion) ในพื้นที่เพาะปลูกผลไม้อาจทำให้ดินเค็มสูงขึ้น และอาจทำให้คุณภาพวัตถุดิบผันผวน อุปทานขาดแคลน และราคาสินค้าสูงขึ้น


‘เวียดนาม’ได้อานิสงส์ราคาข้าวเพิ่มขึ้น หลัง‘อินเดีย’งดส่งออก-‘ไทย’เจอเอลนิโญต้องลดพื้นที่ปลูก

3 สิงหาคม 2566 Gulf News นสพ.ท้องถิ่นเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เสนอข่าว Global rice supply faces new threat as Thailand urges crop curbs ระบุว่า หลังจากอินเดียระงับการส่งออกข้าว ล่าสุดนานาชาติเริ่มกังวลปัญหาขาดแคลนอาหารมากขึ้น เมื่อประเทศไทยซึ่งเป็นชาติส่งออกข้าวเป็นอันดับ 2 ของโลก กำลังพยายามลดการปลูกข้าว โดยรัฐบาลได้ขอความร่วมมือเกษตรกรหันไปปลูกพืชชนิดอื่นที่ใช้น้ำน้อยลงแทน เนื่องด้วยเหตุผลจากปรากฎการณ์เอลนิโญ ที่ทำให้ปริมาณฝนในภาคกลางลดลงถึงร้อยละ 40

ราคาข้าวในเอเชียพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปีเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากอินเดียซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในโลก สั่งห้ามข้าวบางส่วน การจัดส่ง ธัญพืชมีความสำคัญต่ออาหารของผู้คนหลายพันล้านคน และการเพิ่มขึ้นของราคาจะทำให้ผู้บริโภคได้รับแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ชูเกียรติ โอภาสวงศ์ (Chookiat Ophaswongse) นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการส่งออกข้าวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะขอให้ชาวนาหยุดปลูกข้าวในขณะที่ราคาดีขนาดนี้ เรากังวลมากขึ้นว่าฝนที่ตกเป็นช่วงๆ ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงตุลาคมจะส่งผลให้ผลผลิตข้าวในฤดูเก็บเกี่ยวหลักลดลง

สุรสีห์ กิตติมณฑล (Surasri Kidtimonton) เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำหลักในพื้นที่อยู่ที่ประมาณร้อยละ 51 ของความจุ ขณะที่ข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย ระบุว่า ภาคกลางของไทยคาดว่าจะคิดเป็นเกือบร้อยละ 14 ของพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมดในปี 2566 และคาดการณ์ว่าจะคิดเป็นประมาณร้อยละ 19 ของพื้นที่เก็บเกี่ยวข้าวเปลือกหลักในปี 2566/67

ก่อนหน้านี้รัฐบาลไทยเตือนว่าเอลนิโญอาจนำไปสู่ปริมาณน้ำฝนที่ต่ำผิดปกติ และแนะนำให้ชาวนาทำนาเพียง 1 ครั้ง ต่อปี จากเดิมที่ทำ 2 ครั้งต่อปี แต่การขาดแคลนที่อาจเกิดขึ้นจากประเทศไทยอาจถูกชดเชยด้วยการจัดส่งที่เพิ่มขึ้นจากเวียดนาม ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเกินเป้าหมายในปีนี้ โดยเวียดนามส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 ในช่วง 6 เดือนแรกจากปีก่อนหน้า ส่งไปยังฟิลิปปินส์ จีน และอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น แต่ยืนยันว่ายอดขายในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหาร

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงงเกษตรสหรัฐอเมริกา ระบุว่า อินเดียเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยคิดเป็นร้อยละ 40 ของการค้าโลก ขณะที่ไทยและเวียดนามคิดเป็นร้อยละ 15 และประมาณร้อยละ 14 ตามลำดับ


'สิงคโปร์'ประหารชีวิตนักโทษคดีค้ายาเสพติดรายที่ 5 ในปีนี้

3 ส.ค.66 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สิงคโปร์ประหารชีวิตนักโทษชายวัย 39 ปี ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานค้าเฮโรอีน ซึ่งเป็นการประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ รายที่ 5 ของปีนี้ และเป็นรายที่ 3 ในช่วงเวลาเพียง 1 สัปดาห์

โมฮัมเหม็ด แชลเลห์ อาดุล ลาติฟ ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานครอบครองเฮโรอีน 55 กรัม เพื่อจุดประสงค์ในการจำหน่ายในปี 2019 สำนักงานยาเสพติดกลาง หรือ ซีเอ็นบี ของสิงคโปร์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า การลงโทษประหารชีวิตเขาได้ดำเนินการในวันนี้ จากเอกสารของศาลระบุว่า นายโมฮัมเหม็ด แชลเลห์ ทำงานเป็นคนขับรถส่งของ ก่อนที่เขาจะถูกจับกุมในปี 2016

ในระหว่างการพิจารณาคดี เขาอ้างว่า เขามีความเชื่อว่ากำลังขนส่งบุหรี่เถื่อนให้กับเพื่อนที่เขาค้างชำระหนี้อยู่ เขาเป็นนักโทษรายที่ 16 ที่ถูกประหารชีวิต นับตั้งแต่รัฐบาลสิงคโปร์กลับไปใช้โทษประหารชีวิตอีกครั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2022 หลังจากที่ระงับการลงโทษด้วยวิธีนี้ไป 2 ปี เนื่องจากการระบาดของโควิด-19

จีนเอาจริง!! ประกาศกฏเหล็กควบคุมการใช้สมาร์ทโฟน-อินเทอร์เน็ตของเยาวชน

3 ส.ค.66 สำนักงานบริหารไซเบอร์สเปซแห่งประเทศจีน หรือซีเอซี ประกาศใช้ระเบียบใหม่เมื่อวานนี้ กำหนดให้เด็กๆ และวัยรุ่นจีนลดเวลาการเขาถึงอินเทอร์เน็ตในเวลากลางคืนและควบคุมการใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งกฎใหม่นี้มีเป้าหมายในการต่อสู้กับการติดอินเทอร์เน็ต

ระเบียบใหม่ของซีเอซี ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแการใช้ไซเบอร์สเปซของจีน มีกำหนดจะเริ่มใช้บังคับในวันที่ 2 กันยายนนี้ หลังจากได้มีการรับฟังความเห็นประชาชนแล้ว ซึ่งภายใต้ระเบียบใหม่นี้ ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะถูกตัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยโทรศัพท์สมาร์ทโฟนระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 6.00 น.

นอกจากนั้น ยังมีการใช้บังคับระบบลำดับขั้นบันไดสำหรับบริหารจัดการการใช้สมาร์ทโฟน ตั้งแต่สูงสุดไม่เกินวันละ 40 นาที สำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 8 ปี ไปจนถึงไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมงสำหรับผู้ที่อายุ 16-17 ปี ระเบียบใหม่ดังกล่าวถือว่ามีความเข้มงวดมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองสามารถที่จะยกเว้นการบังคับใช้ระเบียบนี้ได้

ซีเอซี กล่าวว่า ระเบียบนี้จะช่วยปรับปรุงบทบาทในเชิงบวกของอินเทอร์เน็ต สร้างสภาพแวดล้อมของเครือข่ายที่เหมาะสม ป้องกันและแทรกแซงปัญหาการติดอินเทอร์เน็ตในกลุ่มเยาวชนและเป็นแนวทางสำหรับเยาวขนในการสร้างนิสัยการใช้อินเทอร์เน็ตทีดี นอกจากนั้น ยังเป็นการลดอิทธิพลของข้อมูลข่าวสารที่ไม่ดีด้วย