ข่าว
อินเดียแบนแอพจีนเพิ่ม 43 แอพ

นิวเดลี/ปักกิ่ง (เอเอฟพี/รอยเตอร์) - ความขัดแย้งระหว่างอินเดียและจีนยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ ล่าสุด รัฐบาลอินเดียสั่งแบนแอพพลิเคชั่นทางสมาร์ทโฟนของจีนอีก 43 แอพ รอบนี้รวมถึงแอพสั่งซื้อสินค้าออนไลน์รายใหญ่อย่าง AliExpress ด้วย ขณะที่จีนออกมาตอบโต้อินเดียอย่างรุนแรง

กระทรวงอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ของอินเดีย แถลงเมื่อวันอังคาร สั่งแบนแอพพลิเคชั่นทางโทรศัพท์มือถือของจีนเพิ่มอีก 43 แอพ ที่เด่นๆ ในรอบนี้คือ AliExpress, WeTV, Lalamove India, DingTalk, Taoboa Live ส่วนที่เหลือเน้นไปที่แอพสำหรับนัดเดท หาคู่ออนไลน์ และเกม พร้อมให้เหตุผลการแบนครั้งนี้ว่า เนื่องจากแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ มีการขโมยและส่งข้อมูลของผู้ใช้อย่างลับๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่นอกประเทศอินเดีย และการห้ามใช้งานแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอินเดียเคยให้แบนแอพพลิเคชั่นจากประเทศจีนมาก่อนแล้ว 3 ครั้ง โดยมีแอพพลิเคชั่นอย่าง TikTok, WeChat, PUBG Mobile แอพเกมแนว Battle Royal ยอดนิยม, Alipayบริการจ่ายเงินของอาลีบาบา รวมถึงแอพพลิเคชั่นจากไป่ตู้ และแอพจากXiaomi ก็ถูกแบนไปด้วย ทำให้จนถึงขณะนี้ มีแอพพลิเคชั่นจีนที่ถูกอินเดียสั่งแบนไปแล้วกว่า 220 แอพ

ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์แสดงความไม่สบายใจต่อท่าทีล่าสุดของอินเดีย เนื่องจากเป็นการกีดกั้นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจของจีนอย่างไม่เป็นธรรม ขัดต่อหลักการขององค์การการค้าโลก ขอเรียกร้องให้อินเดียทบทวนการดำเนินมาตรการที่เป็นการแบ่งแยกบริษัทจีน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือของสองประเทศ

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า การที่อินเดียแบนแอพพลิเคชั่นจากประเทศจีน มีสาเหตุสำคัญจากประเด็นการเมือง กรณีที่อินเดียสร้างถนนบริเวณเส้นแบ่งเขตควบคุมตามความเป็นจริง (Line of ActualControl) แต่รัฐบาลจีนไม่พอใจ เพราะอาจส่งผลต่อความมั่นคงของจีน จึงมีการเคลื่อนกำลังพลไปยังบริเวณดังกล่าวแม้ที่ผ่านมาจะมีการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป

‘ศรีสุวรรณ’จี้ตร.เช็คบิลม็อบ ชี้‘แบงค์เป็ด’ผิดกม.โทษคุกตลอดชีวิต

26 พฤศจิกายน 2563 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มคณะราษฎร หรือม็อบ 25 พฤศจิกา นัดรวมตัวชุมนุมกันบริเวณหน้าสำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ถนนรัชดาภิเษก โดยมีการผลิตธนบัตรหรือแบงค์เป็ด หรือคูปองเป็ดเหลือง 3,000 ใบ แจกจ่ายให้ผู้เข้าร่วมชุมนุมในกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งคูปองเป็ดเหลืองมีมูลค่าใบละ 10 บาท หน้าคูปองประกอบด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย – ลูกชิ้นทอด – นกพิราบขาว – หมุดราษฎร – เป็ดยาง โดยสามารถใช้ได้เฉพาะวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 และใช้ได้กับร้านค้าที่ร่วมรายการประมาณ 10 ร้านเท่านั้นนั้น

นายศรีสุวรรณ ระบุว่า การผลิต การจ่ายแจก หรือนำออกมาใช้ซึ่งธนบัตรเป็ดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งผู้ผลิต ผู้จ่ายแจก ผู้นำไปใช้ และร้านค้าผู้รับธนบัตรดังกล่าว เนื่องจากประเทศไทยมีกฎหมายที่ควบคุมเรื่องดังกล่าวไว้ คือ พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2501 ซึ่งในมาตรา 9 ได้บัญญัติไว้ว่า ห้ามผู้ใดทำ จำหน่าย ใช้หรือนำออกใช้ซึ่งวัตถุหรือเครื่องหมายใดๆ แทนเงินตรา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และมีการกำหนดโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนไว้ คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“นอกจากนั้นยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 อีกด้วยที่บัญญัติว่า ผู้ใดทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตรา ไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกระษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้น ๆ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเงินตรา ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 10 ปีถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาทถึง 400,000 บาท” นายศรีสุวรรณ กล่าว

นายศรีสุวรรณ กล่าวด้วยว่า ส่วนผู้ที่นำธนบัตรเปิดออกใช้จ่ายก็มีความผิดตาม มาตรา 244 ที่บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งสิ่งใด ๆ อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นของปลอมตามมาตรา 240 หรือของแปลงตามมาตรา 241 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 300,000 บาท ดังนั้น การผลิตและนำออกมาจ่ายแจกให้ผู้ชุมนุมและร้านค้าใช้ธนบัตรเป็ด จึงเข้าข่ายความผิดทั้งหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถดำเนินการจับกุมดำเนินคดีได้ทันที


'ช่องGMM25'หยุดดำเนินกิจการสิ้นปีนี้ ยุบฝ่ายข่าว-ให้ในเครือเช่าเวลา

26 พฤศจิกายน 2563 รายงานข่าวแจ้งว่า บริษัท GMM Channel จะหยุดดำเนินกิจการ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เนื่องจากประสบปัญหาขาดทุน ส่งผลทำให้พนักงานประมาณ 190 คน โดยเฉพาะฝ่ายข่าว GMM 25 ต้องพ้นสภาพ โดยมีพนักงานประมาณ 50 คน ที่จะย้ายไปทำงานต่อกับบริษัทในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ส่วนพนักงานประจำที่เหลือ จะได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงานทุกประการ

ขณะเดียวกัน ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Preeya luck ระบุว่า "...ยอมรับว่า เรื่องนี้ส่งผลกระทบทางจิตใจพอสมควร เพราะทีมงานทุกคนก็ชวนกันมาจากที่ทำงานเก่าบ้าง หรือชวนกันมาเพิ่มเป็นทอดๆ แม้จะมีปัญหาเกิดขึ้นบ้างระหว่างการทำงาน แต่ตั้งใจ ทุ่มเท และสร้างสรรค์ผลงาน เรตติ้งเพิ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อท้ายที่สุดจะต้องแยกย้ายกันไปก็ต้องยอมรับ เพราะเป็นเรื่องที่เหนือการควบคุมจริงๆ..."


ล่าโจร! ขับกระบะแต่งซิ่งขโมยข้าวเปลือก ชาวนาผวาเฝ้าทั้งวันคืน

26 พฤศจิกายน 2563 จากกรณีที่มีแก๊งวัยรุ่นขับรถกระบะแต่งซิ่ง มาตระเวนขโมยข้าวเปลือกของนายปัญญา เชนประโคน อายุ 47 ปี และน.ส.ลันทรา วิงประโคน อายุ 44 ปี สองสามีภรรยา ชาวนาบ้านปังกู ที่ตากไล่ความชื้นไว้บริเวณริมถนนสายบ้านหัวเสือ-ปังกู ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ หายไปเกือบ 1 ตัน เมื่อคืนวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา

ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ประโคนชัย ก็ได้ลงพื้นที่หาข้อมูลหลักฐาน พร้อมไล่ดูภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียง ที่คาดว่าคนร้านจะขับรถผ่าน เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามตัวกลุ่มแก๊งคนร้ายดังกล่าวมาดำเนินคดี เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นคนนอกพื้นที่ และน่าจะเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้ว จึงเตือนให้ชาวนาระมัดระวังด้วย

ขณะที่ชาวนาในพื้นที่เองที่จำเป็นต้องนำข้าวเปลือกไปตากบนถนนเพื่อลดความชื้น เพราะไม่มีสถานที่ตาก ก็ได้มีการผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าข้าวที่ตากไว้ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายมาก่อเหตุลักขโมยซ้ำเติมอีก

นายติณประวิทย์ หอมดวง ชาวนาที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คืนเกิดเหตุตนขับรถมาจากบ้านโคกสะอาดจะเข้าไปในตัว อ.ประโคนชัย ก็มองไปเห็นกลุ่มวัยรุ่น ประมาณ 5-6 คน ซึ่งมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงด้วย กำลังช่วยกันกรอกข้าวเปลือกใส่กระสอบเอาขึ้นรถกระบะลักษณะเป็นรถแต่งซิ่ง ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนร้าย กระทั่งมารู้ทีหลัง ก็สงสารเจ้าของข้าวเพราะกว่าจะได้ข้าวมาลำบากมาก เจอทั้งภัยแล้งและน้ำท่วม แต่กลับมาถูกคนร้ายลักขโมยไปอีก ก็อยากฝากถึงกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุว่าให้นึกถึงหัวอกชาวนาด้วย ถ้าเป็นพ่อแม่ญาติพี่น้องตัวเองจะรู้สึกยังไงบ้าง ถ้าไม่มีเงินก็ควรจะไปรับจ้างหาเงินไม่ควรจะมาทำแบบนี้ ทั้งนี้ ก็อยากฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้ายด้วย จะได้ไม่ไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก

ด้านนายเขียว ปลีประโคน ชาวนาบ้านปังกู ก็บอกว่า หลังเกิดเหตุลักขโมยข้าวเปลือที่ตากไว้ตามริมถนน ชาวนาคนอื่นก็ระมัดระวังมากขึ้นด้วยการผลัดเปลี่ยนกันมาเฝ้าข้าวเปลือกที่ตากไว้ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน เพราะเกรงจะมีคนร้ายมาลักขโมยอีก


สร้างอาชีพ! หนุ่มเลี้ยงปลาในกระชังแปรรูปเป็น 'ปลานิลแดดเดียวออร์แกนิค'กิโลละ100บาท

นายภูษิต พูลเพิ่ม อายุ 30 ปี หนุ่มนายช่างชลประทาน ที่ 3 ได้สานต่ออาชีพของพ่อและแม่ คือการเลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำน่านหลังบ้าน หารายได้เสริมจากงานประจำ ดีกว่าปล่อยให้กระชังปลาผุพังไปตามกาลเวลา เพื่อหารายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว

นายภูษิต พูลเพิ่ม เล่าให้ฟังว่า ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้การที่มีงานประจำนั้นถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ไม่ใช่การการันตีว่ารายได้จะเพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จึงปรึกษากับภรรยาว่าควรหาอาชีพเสริมในครอบครัวที่สามารถปันเวลาที่ว่าง มาหารายได้เพิ่ม ยิ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมาหลายอาชีพต้องกระทบกับโควิด-19 ด้วยก็มองว่าจะทำอะไรกันดี พอดีเห็นกระชังปลาหลังบ้าน ที่พ่อเคยยึดเป็นอาชีพ และพักหลังไม่ได้ทำแล้วเพราะอายุมากขึ้น จึงตัดสินใจว่าจะเลี้ยงปลาในกระชัง สานต่ออาชีพของพ่อ เพื่อหารายได้เสริม อย่างน้อยปลาที่เลี้ยงหากขายไม่ได้ หรือขายไม่หมด เราก็ยังสามารถนำมาทำเป็นอาหารภายในครัวเรือนได้ จึงตัดสินใจลงปลานิล ปลาทับทิม และปลาสลิด ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมาโดยเลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่ได้เข้าร่วมกับบริษัทฯ ชื่อดังไม่ใช้สารเร่งการเจริญเติบโต ผ่านมาประมาณ 8 เดือน จนขนาดปลาพอเหมาะกับการทำปลาแดดเดียวจึงเริ่มจับขาย แต่ค่อยๆ จับ จะไม่จับเยอะครั้งละประมาณ 100-200 ตัว เพื่อทำปลาและใส่เกลือทิ้งไว้ 1 คืน พอตอนเช้าก่อนจะออกไปทำงานก็จะนำปลาที่ใส่เกลือไว้มาล้างทำความสะอาดและตากแดดไว้ 1 วัน ให้แห้ง เย็นมาก็จะมาแพ็คด้วยถุงสุญญากาศอย่างหนา ที่สามารถทนต่อความร้อนได้ถึง 200 องศา ความเย็น -40 องศาเซลเซียสโดยถุงไม่แตกไม่พอง จากนั้นก็จะนำใส่รถส่งให้กับลูกค้าตามเส้นทางที่นัดรับ

นายภูษิต พูลเพิ่ม เล่าให้ฟังต่อว่า โดยปลาจะเน้นจับสดวันต่อวันเท่านั้น ไม่จับทีเดียวแล้วใส่เกลือทิ้งไว้ เพราะจะดูไม่สด โดยก่อนจับจะเริ่มโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อรับออเดอร์ แล้วจึงจับตามจำนวนแต่จะไม่ให้เยอะเกิน เพราะไม่อยากให้กระทบงานประจำ ตอนนี้จะเริ่มจับปลานิลก่อนมาแปรรูปก่อน ส่วนราคาขายก็ต้องยอมรับว่าบรรจุภัณฑ์นั้นเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ลูกค้าสนใจ แต่เรื่องของตนทุนนั้นค่อนข้างสูง แต่ในช่วงเปิดตัวและเริ่มเปิดตลาดจึงจัดเป็นราคาโปรโมชั้นถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้เท่านั้น ในราคา ปลานิลแดดเดียวกิโลกรัมละ 100 บาท (จากปกติ 120 บาท)จากนั้นหากปลานิลหมดจึงจะเริ่มจับปลาทับทิม และปลาสลิด นำมาแปรรูปเป็นปลาแดดเดียวต่อไป

ท่านใดสนใจอยากอุดหนุน ปลานิลแดดเดียวออแกนิค ก็สามารถโทรสั่งออเดอร์ล่วงหน้าได้ทางเบอร์โทรศัพท์ 091-8363368 ในเขตตัวเมืองพิษณุโลกสามารถนัดรับได้


รัสเซียจ่อฉีด‘วัคซีนโควิด-19’ให้ประชาชนครั้งใหญ่ในปี 2021

25 พฤศจิกายน 2563 สำนักข่าวซินหัวรายงาน สำนักข่าวทาสส์ (Tass) อ้างคำกล่าวของทัตยานา โกลิโควา รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย รายงานว่ารัสเซียวางแผนจะฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ขนานใหญ่ให้ประชาชนที่สมัครใจในปี 2021

โกลิโควาระบุว่าบุคลากรทางการแพทย์ ครูอาจารย์ และบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง จะได้รับสิทธิเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ก่อนเป็นลำดับแรก โดยรัสเซียจัดเตรียมวัคซีนสปุตนิก ไฟว์ (Sputnik V) ที่พัฒนาในประเทศมากกว่า 117,000 โดส สำหรับพลเรือนนับตั้งแต่มีการขึ้นทะเบียน

“กลุ่มผู้ผลิตวางแผนจะผลิตวัคซีนตัวดังกล่าวมากกว่า 2 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้” โกลิโควากล่าว

ทั้งนี้ รัสเซียได้ขึ้นทะเบียนสปุตนิก ไฟว์ ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตัวแรกของโลก เมื่อเดือนสิงหาคม ก่อนที่ศูนย์วิจัยไวรัสและเทคโนโลยีชีวภาพรัสเซีย (VECTOR) ในเมืองโนโวซีบีรสก์ จะขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตัวที่ 2 ของประเทศในชื่อเอพิวัคโคโรนา (EpiVacCorona) เมื่อเดือนตุลาคม

โกลิโควาเสริมว่าศูนย์วิจัยและพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันและผลิตภัณฑ์ด้านชีวภาพชูมาคอฟ กำลังดำเนินงานพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตัวที่ 3 ของประเทศ โดยการทดลองทางคลินิกของวัคซีนตัวดังกล่าวมีกำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2020

พอกันทีอเมริกาเฟิร์ส! 'ไบเดน'ประกาศจะนำสหรัฐกลับมาเป็นผู้นำโลกอีกครั้ง

25 พ.ย.63 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศว่า สหรัฐพร้อมที่จะเป็นผู้นำอีกครั้งในเวทีโลก โดยจะยกเลิกนโยบายไม่เอาใครของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทิ้งไป และให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกับพันธมิตรของสหรัฐ หลังจากที่ผ่านมาทรัมป์ได้ทำให้พันธมิตรของสหรัฐทั้งในยุโรปและที่อื่นๆ เกิดความเคลือบแคลง ทั้งจากการทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อพันธมิตรนาโต การสะบั้นความสัมพันธ์ทางการค้า การไม่สนใจข้อตกลงระหว่างประเทศ และการสานสัมพันธ์กับผู้นำเผด็จการ

ทั้งนี้ ระหว่างการแนะนำทีมนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงแห่งชาติในรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐ อดีตรองประธานาธิบดีไบเดน จากพรรคเดโมแครตประกาศว่า เขาจะพาสหรัฐออกจากลัทธิชาตินิยม “อเมริกาเฟิร์ส” ของทรัมป์ในทันทีที่เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม

ที่ผ่านมาโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก นับตั้งแต่พรรคเดโมแครตว่างเว้นจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน โดยจีนได้ผงาดขึ้นมาอย่างห้าวหาญ ส่วนรัสเซียก็ยังคงอิทธิพลของตนต่อไป ขณะที่อิทธิพลของสหรัฐกลับลดน้อยลงไปเรื่อยๆ หลังการถอนตัวออกไปจากข้อตกลงต่างๆ ส่วนระดับศีลธรรมของชาวอเมริกันก็ลดน้อยถอยลง จากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในประเทศ