ข่าว
'“แอนนี่”ยอมสารภาพ ฟิล์มไม่ใช่พ่อของลูก

สิ้นสุดมหากาพย์ แอนนี่ บรู๊ค ควง ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ไปสำนักงานเขตห้วยขวาง เพื่อถอนชื่อออกจากความเป็นพ่อ ด.ช.ฑีฆายุ แล้ว วิ่งฝ่าวงล้อมนักข่าวทันที หลังถูกซักเรื่องพ่อของลูก...

ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นักร้องชื่อดังและคู่กรณี แอนนี่ บรู๊ค เดินทางไปยังสำนักงานเขตห้วยขวาง เพื่อถอนชื่อฟิล์มออกจากสูติบัตรของ ด.ช.ฑีฆายุ หลังจากเมื่อกว่า 2 ปีที่ผ่านมา แอนนี่ บรู๊ค ได้คลอดลูกชาย แล้วแจ้งเกิด ด.ช.ฑีฆายุ โดยระบุว่า ฟิล์ม รัฐภูมิ เป็นพ่อ ขณะที่ฟิล์มเองก็ได้ปฏิเสธมาโดยตลอด กระทั่งมาเป็นคดีความในศาล ฟ้องกันไปมาอยู่หลายคดี

โดย แอนนี่ ยืนยันไม่ได้เป็นคนที่ปล่อยให้เรื่องราวยืดเยื้อ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน หลังจากนี้จะใช้ชีวิตอยู่กับลูก 2 คน อย่างไรก็ดี เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามซักถามว่า จะบอกเรื่องพ่อกับลูกอย่างไร แอนนี่ ก็ได้เดินฝ่าวงล้อมผู้สื่อข่าวออกไปทันที

ด้าน ฟิล์ม รัฐภูมิ ระบุว่า ดีใจที่เรื่องราวดังกล่าวจบลงเสียที และยินดีถอนฟ้องคดีที่ฟ้องร้องแอนนี่ 2 คดี คือ คดีหมิ่นประมาท และคดีผิดสัญญา

นักข่าวสาวปะทะคารมฯ “เฉลิม” แรงส์ !! "ฝักใฝ่ ปชป. – ขี้ข้าทักษิณ”

วันที่ 15 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กของสถานีบลูสกาย รายงานว่า เวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการรับมือมวลชนที่มาชุมนุมในนามองค์การพิทักษ์สยาม ในวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน ว่า เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรัฐบาลได้กำชับเอาไว้ว่า ห้ามใช้ความรุนแรงโดยเด็ดขาด โดยหากมีปัญหาเกิดขึ้น ให้ใช้หลักสากลในการควบคุมมวลชน ซึ่งตนได้เชิญองค์กรอิสระต่างๆ สื่อมวลชนต่างประเทศ และเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เข้าร่วมสังเกตการณ์ในการดูแลผู้ชุมนุมด้วย ซึ่งรัฐบาลจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ระบุว่าจะมากันเป็นแสนคน เพื่อจะมาขับไล่รัฐบาล เพราะรัฐบาลถือเป็นคู่กรณีกับผู้ชุมนุม โดยจะมอบอำนาจให้ พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ. ตร.เป็นผู้ดูแลสถานการณ์การชุมนุมทั้งหมด และยังยืนยันว่าไม่ได้เป็นการปฏิเสธความรับผิดชอบ ไม่ใช่ลอยตัวเหนือปัญหา แต่ไม่อยากเป็นรัฐบาลมือเปื้อนเลือด เพราะฝ่ายการเมืองจะไปรู้ดีกว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้อย่างไร

“ในตอนบ่ายนี้ จะมีการประชุมกับท่าน ผบ.ตร. ก็จะมีการปรึกษาหารือกัน และหากทางท่านมีความต้องการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ก็ต้องพิจารณาตามเหตุผลและความจำเป็น ซึ่งผมจะนัดประชุม ครม. นัดพิเศษ ในวันที่ 19 พฤศจิกายน เวลา 14.00 น. ซึ่งจะมีการพิจารณาว่า รัฐบาลคิดอย่างไร ผบ.ตร.คิดอย่างไร และคณะรัฐมนตรีคิดอย่างไร ก่อนการใช้กฎหมาย 3 ฉบับ คือ กฎอัยการศึก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ. ความมั่นคงฯ ” ร.ต.อ.เฉลิม ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมรัฐบาลถึงมีความกังวลกับม็อบเสธ. อ้าย ถึงขั้นจะมีการใช้กฎหมายความมั่นคง ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่า ก็เพราะในการชุมนุมคราวนี้มีการรวมตัวกันข้างนอก และมีการให้สัมภาษณ์ว่ามีคนมาชุมนุมกันเยอะ โดยมีเป้าหมายว่าจะล้มรัฐบาลให้ได้ ซึ่งถ้าชุมนุมกันโดยสงบจะมีทางล้มรัฐบาลได้อย่างไร ซึ่งตนยืนยันว่า รัฐบาลนี้มีจากการเลือกตั้ง ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยกับม็อบเสธ.อ้าย ทั้งนี้หากมีการชุมนุมที่ยืดเยื้อก็ไม่สามารถห้ามได้

ส่วนข้อครหาที่เลือกปฏิบัติต่างจากผู้ชุมนุมกลุ่ม นปช. นั้น ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่า ก็เป็นเพราะว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ขับไล่รัฐบาล จึงไม่ได้เข้มงวดในการดูแล ซึ่งต่างจากกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยามที่มาเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก สำหรับข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 5 ข้อ ที่ระบุให้รัฐบาลลาออกเพราะไม่สามารถแก้ปัญหาคอรัปชั่น และเสนอให้แช่แข็งประเทศ 5 ปีนั้น รัฐบาลจะรับฟังแต่ไม่ปฏิบัติตาม เพราะจะให้รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยออกจากการบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้ ถ้าจะให้ตรวจสอบเรื่องคอรัปชั่นก็ให้ประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ ซึ่งตอนนี้ก็ชัดแล้วว่าพรรคการเมืองที่แพ้การเลือกตั้งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าม็อบของเสธ.อ้ายมีการกระทำเหมือนปี 2552 – 2553 แล้ว ทางรัฐบาลมีท่าทีอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่า คนเสื้อแดงมีเหตุที่มาในการชุมนุมที่แตกต่างกัน เพราะเนื่องจากว่า พรรคประชาธิปัตย์ขโมยคนของพรรคพลังประชาชนไปตั้งรัฐบาล ซึ่งคนเสื้อแดงก็ตั้งม็อบเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา แต่ม็อบของเสธ.อ้ายอยู่ๆ ก็จะมาขับไล่รัฐบาล ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ไม่ยอม จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เมีความวุ่นวายเกิดขึ้น ซึ่งตนขอยืนยันว่า ม็อบเสธ.อ้ายมาไม่มาก แต่มีบางพรรคการเมืองขนคนมาร่วมชุมนุมด้วย ซึ่งให้ประชาชนตัดสินธาตุแท้ของพรรคการเมืองนี้ว่า ชอบไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่าเป็นผู้ออกคำสั่งให้ตำรวจสกัดเส้นทางเข้ากรุงเทพของประชาชนในช่วงดังกล่าว และไม่ขอเปิดเผยที่อยู่ ในช่วงการชุมนุม จากที่มีกระแสข่าวว่าจะหนีไปอยู่ที่ จ.เชียงรายเพื่อหนีปัญหาที่จะเกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์นั้น มีการปะทะคารมกันระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม กับ น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 7 โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ถามคำถามเกี่ยวการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามว่าทำไมรัฐบาลจึงดูแลแตกต่างกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ‘คุณสมจิตต์ฝักใฝ่พรรคประชาธิปัตย์’ ขณะที่นางสาวสมจิตต์ พูดว่า ท่านกล่าวหาแบบนี้หนูฟ้องท่านได้ ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่าให้นักข่าวสาวคนดังกล่าวไปฟ้องร้องที่ สน.ดุสิตได้ และเดินเข้าไปเซ็นต์ชื่อในอาคารรัฐสภา

หลังจากที่ ร.ต.อ.เฉลิม เซ็นต์ชื่อเสร็จ น.ส.สมจิตต์ จึงเปิดประตูและตะโกนเรียก ร.ต.อ.เฉลิม ทำให้ ร.ต.อ.หยุดเดิน ก่อนที่จะถามว่า “ถ้าการที่ท่านกล่าวหาหนูว่าฝักใฝ่ประชาธิปัตย์ ไม่ใช่การหมิ่นประมาท แล้วถ้าหนูเรียกท่านว่าขี้ข้าทักษิณ จะเป็นการหมิ่นประมาทหรือไม่” คำถามดังกล่าวทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม ตอบกลับมาว่า “อย่างนี้หมิ่นประมาท” นางสาวสมจิตต์ จึงตอบกลับไปว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านก็สามารถใช้สิทธิแจ้งความที่ สน.ดุสิตได้เหมือนกับที่แนะนำให้หนูไปทำ”

ขนลุก!! น้องกอหญ้าวัย3ขวบบอก แม่ชงนมให้กินทั้งที่ตายไปแล้ว 3 วัน

ความคืบหน้ากรณี นางอรณัชดา ไทยสกุลทอง อายุ 36 ปี ถูกพบเป็นศพเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4 วัน อยู่ภายในทาวน์เฮาส์ เลขที่ 846/437 หมู่บ้านสินทวี สวนธน ซอยประชาอุทิศ 44 แยก 6 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ข้างศพพบลูกสาวของผู้ตายชื่อ ด.ญ.กชกร ไทสกุลทอง อายุ 3 ปี หรือน้องกอหญ้า เฝ้าศพอยู่ไม่ห่าง โดยพี่สาวของผู้ตายคาดว่าน้องสาวน่าจะเสียชีวิตจากอาการลมชักที่เป็นมาตั้งแต่เกิดกำเริบ โดยน้องกอหญ้าให้สัมภาษณ์ว่าแม่เป็นคนหาข้าวหานมให้กิน และเปิดประตูให้ออกไปหาป้า หลายคนจึงคิดว่าเป็นความห่วงใยที่แม่มีต่อลูกน้อย

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (16 พ.ย.) นางจุฑามนต์ ไทยสกุลทอง ป้าของน้องกอหญ้า หรือ พี่สาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่าเมื่อเอาน้องกอหญ้าไปเลี้ยงดูที่บ้าน ก็พบว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาน้องสาวมาหาลูกและมาเล่นกับลูกตลอดทั้งคืน จนตนไม่ได้หลับได้นอน

"เหมือนได้กลิ่นตลอดเวลาเลยนะ เหมือนมีกลิ่นน้ำเหลืองตลอดเวลา กลิ่นคาวๆ เมื่อเช้าก็ถามน้องกอหญ้าว่าแม่มาหาไหม น้องก็บอกว่าเมื่อคืนนี้หม่าม้ามานอนกอดด้วยทั้งคืน ก็บอกน้องสาวไปว่าอย่ามาทำแบบนี้ ไม่งั้นเดี๋ยวจะไม่ช่วยดูลูก จะให้ลูกไปอยู่ที่อื่น จะเอาไปให้คนอื่นเลี้ยง ตั้งแต่พูดว่าดุๆ ทั้งๆที่ก็กลัวเค้านะ ก็ไม่ได้กลิ่นอีกเลย" ป้าของน้องกอหญ้า กล่าว

ทั้งนี้ นางจุฑามนต์ กล่าวว่า หลังจากนี้เตรียมจะรับน้องกอหญ้าเป็นบุตรบุญธรรม เพื่อเป็นเพื่อนเล่นกับลูกสาวที่อายุ 2 ขวบ โดยเมื่อบ่ายวานนี้ญาติๆได้ไปรับศพที่นิติเวช โรงพยาบาลศิริราชเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดประเสริฐสุทธาวาส ย่านราษฎร์บูรณะ