วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซีนิวส์) - โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หาเสียงว่าเขาจะให้รัฐบาลหรือบริษัทประกันจ่ายค่าทำเด็กหลอดแก้ว หากตัวเขาชนะเลือกตั้ง เป็นความเคลื่อนไหวหวังดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นสตรีและผู้ที่อยู่ชานเมืองขณะที่คะแนนนิยมของเขาเริ่มตามหลังคามาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากเดโมแครตมากขึ้น
ทรัมป์หาเสียงชูนโยบายนี้ที่รัฐวิสคอนซิน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 ส.ค. ว่า สหรัฐฯ ต้องการให้มีเด็กเกิดใหม่ และก่อนหน้านั้นในวันเดียวกันเขาได้กล่าวในการหาเสียงที่รัฐมิชิแกน ว่า รัฐบาลของเขาจะผลักดันให้พ่อแม่สามารถนำค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกเกิดใหม่ไปลดหย่อนภาษีได้ แต่ไม่ได้แจกแจงในรายละเอียด
การทำเด็กหลอดแก้วกลายเป็นประเด็นร้อนในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปีนี้ผู้สมัครของรีพับลิกันทั่วประเทศกำลังหาทางลดผลกระทบจากการที่ศาลฎีการัฐแอละแบมา มีคำวินิจฉัยในเดือนกุมภาพันธ์ว่า ตัวอ่อน (embryos) ถือว่าเป็นเด็ก ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนว่าจะจัดเก็บ ลำเลียง และใช้ตัวอ่อนอย่างถูกกฎหมายได้อย่างไร ส่งผลให้ผู้ที่ต้องการทำเด็กหลอดแก้วหาทางย้ายตัวอ่อนไปยังรัฐอื่น ปัจจุบัน มีเพียงบางรัฐในสหรัฐฯ ที่กำหนดให้บริษัทประกันจ่ายค่าทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
ผลการสำรวจพบว่า ทรัมป์เสียฐานเสียงที่เป็นผู้หญิง นับตั้งแต่คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี กลายเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ แทนประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่ประกาศสละสิทธิ์เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ผลสำรวจของรอยเตอร์ส/อิปซอสที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ชี้ว่า แฮร์ริสมีคะแนนนิยมในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นสตรีนำทรัมป์อยู่ร้อยละ 49 ต่อ 36 หรือ 13 จุด เพิ่มขึ้นจากที่มีคะแนนนำ 9 จุดในการสำรวจเมื่อเดือนกรกฎาคม ส่วนใน 7 รัฐที่เป็นรัฐสมรภูมิในการเลือกตั้งครั้งก่อนปี 2020 นั้น ปรากฏว่า ในผลสำรวจล่าสุดของรอยเตอร์ส/อิปซอสนี้ ทรัมป์ยังมีคะแนนนำแฮร์ริส ร้อยละ 45 ต่อ 43 โดย 7 รัฐสมรภูมิดังกล่าวคือ วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย จอร์เจีย แอริโซนา นอร์ท แคโรไลนา มิชิแกน และเนวาดา
โพลล์ล่าสุดของรอยเตอร์ส/อิปซอสยังพบว่า แฮร์ริสมีคะแนนนำทรัมป์ 13 จุดในหมู่ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งผู้หญิงและคนเชื้อสายลาติน (Hispanic) ส่วนทรัมป์นำแฮร์ริสในหมู่ผู้ชายและคนผิวขาว ซึ่งยังเหมือนกับผลสำรวจล่าสุดก่อนครั้งนี้ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในขณะนั้น คู่แข่งของทรัมป์ยังเป็นประธานาธิบดีโจไบเดนอยู่ โดยทรัมป์นำไบเดนในคน 2 กลุ่มนี้เช่นกันในครั้งก่อน
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคกับ สส.ของพรรประชาธิปัตย์มีมติเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ทำให้มีแฟนคลับของพรรคฯ จำนวนมากเข้ามาความเห็นต่อว่าพรรคฯอย่างดุเดือดในเพจเฟซบุ๊ก “พรรคประชาธิปัตย์ - Democrat Party, Thailand” เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั้งวิจารณ์ว่าพรรคไม่มีอุดมการณ์ ไม่มีศักดิ์ศรี ขณะที่บางส่วนประกาศไม่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์อีกต่อไป การเลือกตั้งครั้งหน้าสูญพันธุ์แน่ ขณะเดียวกันมีบางส่วนที่ประกาศไล่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน และนายเดชอิศม์ ขาวทอง ออกจากพรรค
อย่างไรก็ตาม ในค่ำของวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้ปิดช่องแสดงความคิดเห็นในเพจนี้ ทำให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กไม่สามารถเข้ามาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ จนกระทั่ง ในช่วงบ่ายของวันนี้ก็ยังมีการปิดช่องคอมเมนต์
แต่ในเฟซบุ๊กของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค และของนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคฯ ยังไม่ปิดช่องคอมเมนต์ แต่ในเฟซบุ๊กของนายเดชอิศม์ ที่ใช้ชื่อว่า "นายเดชอิศม์ ขาวทอง นายกชาย" ซึ่งได้โพสต์ภาพการประชุมของพรรค และการแถลงข่าวการร่วมรัฐบาล ปรากฏว่านายเดชอิศม์ได้เขียนในช่องคอมเมนต์ว่า "ยินดีกับท่านทั้งสองครับมีเวลาที่จะทำงานให้กับประชาชนตามที่ได้รับมอบหมายคิดได้ทำเป็นเดี๋ยวก็ดีเองครับสู้ๆครับเป็นกำลังใจเต็มร้อย"
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการจัดโผรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรี(ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือ ครม.อุ๊งอิ๊งค์ 1 ที่ล่าสุด น.ส.แพทองธาร เปิดเผยว่า รายชื่อและตำแหน่งนิ่งแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนตรวจสอบคุณสมบัติ ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในสัปดาห์หน้า หรือต้นเดือนกันยายน
โดยรายชื่อรัฐมนตรี สัดส่วนของพรรคเพื่อไทย มีรัฐมนตรี 17 คน แบ่งเป็น 9 รมว.และ 8 รมช. โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย นั่งรองนายกรัฐมนตรีควบรมว.กลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯควบรมว.คมนาคม นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เป็นรมช.คลัง สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นายชูศักดิ์ ศิรินิล และ น.ส.จิราพร สินธุไพร เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ และนางมนพร เจริญศรี เป็น รมช.คมนาคม น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม และนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ
และนายอัครา พรหมเผ่า เป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์
พรรคภูมิใจไทย 8 เก้าอี้รัฐมนตรี 4 รมว.4 รมช. ยังคงเป็นรายชื่อเดิมทั้งหมด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.กระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.กระทรวงแรงงาน นางศุภมาส อิศรภักดี รมว.อุดมศึกษา นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.กระทรวงพาณิชย์ และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.กระทรวงมหาดไทย
พรรครวมไทยสร้างชาติ 4 เก้าอี้ 5 ตำแหน่ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงพลังงาน
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.กระทรวงพาณิชย์
ในส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา และประชาชาติ ยังคงตำแหน่งเดิมคือ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม
นอกจากนี้ ในส่วนเพิ่มเติม 2 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นโควต้าของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า 1 รมว.1 รมช. คือ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นรมว.เกษตรฯ และนายอิทธิ ศิริลัทธยากร เป็นรมช.เกษตรฯ
เช่นเดียวกับ พรรคประชาธิปัตย์ ในโควต้า 2 ตำแหน่ง 1 รมว.1 รมช. โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง เป็นรมช.สาธารณสุข
29 ส.ค.67 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ญี่ปุ่นมีคำสั่งให้ประชาชนมากกว่า 5.2 ล้านคนอพยพออกจากบ้านเรือน หลังจากไต้ฝุ่นชานชาน (Shanshan) พัดกระหน่ำภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศในวันนี้ โดยได้ทำให้เกิดลมพัดแรงและฝนตกหนัก ไฟฟ้าใช้การไม่ได้ การจราจรติดขัด และโรงงานใหญ่ปิดทำการ
คำสั่งดังกล่าวมีผลกับประชาชนทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นประชาชนบนเกาะคิวชู บางส่วนเป็นประชาชนทางตอนกลางของประเทศที่เผชิญกับฝนตกหนักจนเกิดดินโคลนถล่มเมื่อวานนี้ ทางการเตือนว่า ไต้ฝุ่นชานชานอาจเป็นไต้ฝุ่นลูกใหญ่ที่สุดลูกหนึ่งที่พัดกระหน่ำภาคตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น
สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นแจ้งว่า ไต้ฝุ่นทำให้เกิดลมกระโชกแรง 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รุนแรงมากพอที่จะทำให้รถบรรทุกที่กำลังแล่นอยู่ถูกพัดปลิวได้ โดยเมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ไต้ฝุ่นเคลื่อนตัวใกล้เมืองอึนเซน จังหวัดนางาซากิ และกำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปทางเหนือ สำนักอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า ไต้ฝุ่นจะเคลื่อนตัวอยู่เหนือเกาะคิวชูราว 2-3 วัน จากนั้นจะเคลื่อนตัวใกล้ภูมิภาคตอนกลางและตะวันออกของญี่ปุ่น รวมถึงกรุงโตเกียวในช่วงสุดสัปดาห์
หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นแจ้งว่า มีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับไต้ฝุ่นแล้ว 3 คน สูญหาย 1 คน ขณะที่สำนักงานจัดการภัยพิบัติแจ้งว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 45 คน
ด้านโตโยต้าที่เป็นผู้ผลิตยานยนต์ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นสั่งระงับการทำงานที่โรงงานในประเทศทั้งหมด ขณะที่บริษัทผู้ผลิตยานยนต์อีก 2 แห่ง คือ นิสสันและฮอนดา รวมทั้งบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์อีก 3 แห่ง สั่งระงับการทำงานที่โรงงานบางแห่งเป็นการชั่วคราว
กระทรวงคมนาคมญี่ปุ่นแถลงว่า สายการบินเอเอ็นเอ (ANA) และสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ หรือเจเอแอล (JAL) ได้ยกเลิกเที่ยวบินเกือบ 800 เที่ยวแล้ว ส่วนบริการเดินรถไฟในหลายพื้นที่ของเกาะคิวชูถูกระงับ เช่นเดียวกับบริการรถโดยสารและเรือโดยสารข้ามฟากอีกหลายร้อยเที่ยว
30 ส.ค.67 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปีนี้ พบผู้คนที่อาศัยอยู่เพียงลำพังเสียชีวิตที่บ้านในญี่ปุ่นทั้งสิ้น 37,227 ราย
ตัวเลขดังกล่าวแบ่งเป็นผู้สูงอายุวัย 65 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่เพียงลำพัง 28,330 ราย ซึ่งคิดเป็นราวร้อยละ 76 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด
ญี่ปุ่นพบจำนวนผู้เสียชีวิตที่บ้านเพียงลำพัง หรือที่เรียกว่า "ผู้เสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว" เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากจำนวนครัวเรือนคนเดียวและประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่อจำแนกตามอายุ พบผู้ที่เสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวอยู่ในกลุ่มอายุ 85 ปีขึ้นไปมากที่สุด อยู่ที่ 7,498 ราย และน้อยที่สุดในกลุ่มคนอายุต่ำกว่า 30 ปี อยู่ที่ 473 ราย ซึ่งตอกย้ำว่ายิ่งกลุ่มอายุเพิ่มมากขึ้น แนวโน้มอัตราการเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวจะสูงขึ้นเช่นกัน
เมื่อจำแนกตามเพศแล้ว ผู้ที่เสียชีวิตที่บ้านเพียงลำพังเป็นผู้ชายราว 25,600 ราย และผู้หญิงราว 11,600 ราย โดยเหตุการณ์ลักษณะนี้พบบ่อยเป็นพิเศษในเขตมหานครต่างๆ เช่น โตเกียว และจังหวัดคานากาวะ ชิบะ ไซตามะ และโอซากา ซึ่งในโตเกียวพบผู้เสียชีวิตลักษณะนี้มากที่สุดที่ 4,786 ราย
สื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นรายงานว่า จำนวนครัวเรือนคนเดียวในญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้น พลวัตการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ความท้าทายในการดำรงชีพ และปัญหาการฆ่าตัวตายที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ปัญหาการเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวทวีความรุนแรงมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ ญี่ปุ่นจึงได้ออกพระราชบัญญัติส่งเสริมนโยบายเพื่อจัดการกับความเหงาและการอยู่อย่างโดดเดี่ยวในเดือนเมษายน ท่ามกลางความพยายามที่จะบรรเทาปัญหาความโดดเดี่ยวที่เลวร้ายมากขึ้น
31 สิงหาคม 2567 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมของบราซิล แถลงว่า ได้ระงับการเข้าถึงแพลตฟอร์มเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์ เอ็กซ์ (X) ของอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชื่อดัง ในประเทศบราซิลแล้ว เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งศาล เนื่องจากอีลอน มัสก์ ไม่ทำตามคำสั่งผู้พิพากษา ที่ต้องการให้ระงับบัญชีผู้ใช้เอ็กซ์บางบัญชี เนื่องจากเผยแพร่เนื้อหาผิดกฎหมายของประเทศ
โดยแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) พิกเฉิยต่อคำสั่งผู้พิพากษาจนเลยเวลาที่กำหนดโดยไม่ยอมเปิดเผยชื่อตัวแทนทางกฎหมายของเอ็กซ์ ในบราซิล ทำให้ศาลสั่งระงับการเข้าถึงเอ็กซ์ในบราซิล
โดยนายอีลอน มัสก์ กล่าวโต้แย้งว่า ผู้พิพาษาอเล็กซานเดร เดอ โมราเอส แห่งศาลสูงสุดบราซิล พยายามบังคับใช้กฎหมายเพื่อปิดกั้นเอ็กซ์อย่างไม่เป็นธรรม ในขณะที่ผู้พิพากษา กล่าวว่า เอ็กซ์จำเป็นต้องมีระเบียบเพื่อควบคุมการใช้ถ้อยคำวาจาที่สร้างความเกลียดชังและข่าวปลอม
คำสั่งของศาลครั้งนี้ ส่งผลให้เอ็กซ์ต้องสูญเสียตลาดใหญ่ที่สุดและตลาดสำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง ในช่วงเวลาที่อีลอน มัสก์ กำลังต่อสู้ดิ้นรนเกี่ยวกับรายได้ค่าโฆษณาบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของบราซิล 3 แห่ง กล่าวว่า จะเริ่มการปิดกั้นการเข้าถึงเอ็กซ์ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนวันศุกร์ (ตามเวลาท้องถิ่น) ส่งผลกระทบกับผู้ใช้งานในบราซิลกว่า 200 ล้านคนทั่วประเทศ ในคำพิพากษา ผู้พิพากษาสั่งให้เอ็กซ์ ระงับการใช้งานในบราซิลจนกว่าจะปฎิบัติตามคำสั่งศาลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการชำระค่าปรับมากกว่า 3 ล้านดอลลาร์ รวมถึงกำหนดตัวแทนทางกฎหมายในบราซิล ตามที่กฎหมายบราซิลกำหนดไว้
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012