ข่าว
ทีเด็ด"เสธ.อ้าย" ล้มรัฐบาล ให้รอดูใครขึ้นเวทีปราศรัย

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่สนามม้านางเลิ้ง พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม แถลงถึงการเตรียมจัดชุมนุมในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ว่า ยังไม่สามารถระบุมีประชาชนร่วมชุมนุมมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ คาดว่าหากมีผู้ร่วมชุมนุมจำนวนมากอย่างที่รัฐบาลระบุ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ แต่หากประชาชนมาน้อย จะสั่งยกเลิกการชุมนุมในทันที อย่างไรก็ตาม บนเวทีปราศรัยนอกจากการกล่าวโจมตีรัฐบาลแล้ว ยังเปิดคลิปวิดีโอที่ พ.ต.ท.ทักษัณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและคนเสื้อแดงจาบจ้วงสถาบันให้ประชาชนได้รับทราบ

"เรื่องนี้ผมไม่กลัวหากถูกดำเนินคดีและหากเกิดอะไรขึ้นจะรับผิดชอบเอง"พล.อ.บุญเลิศกล่าว

พล.อ.บุญเลิศกล่าวถึงกรณีรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อดูแลและควบคุมการชุมนุมว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าว จะทำให้มีจำนวนผู้ร่วมชุมนุมมากขึ้น ยิ่งห้ามผู้ชุมนุมยิ่งมาก

"รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นเพราะความกลัว ผมประกาศชัดเจนว่าจะชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ อย่างไรก็ดี ยืนยันว่าจะไม่มีการจับตัวนายกรัฐมนตรีและบุกยึดสถานที่ราชการ"พล.อ.บุญเลิศกล่าวและว่า กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินมายังเวทีการชุมนุม ที่สนามเทศบาลนครเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนระบุผู้ชุมนุมได้รับการจ้างให้มาชุมนุมคนละ 1,500 บาทนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีเงินมากขนาดนั้น คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนโกหก อย่างไรก็ตาม การชุมนุมที่จะเกิดขึ้นอยากให้รอดูว่ามีใครบ้างขึ้นเวทีปราศรัย และอะไรคือทีเด็ดในการล้มรัฐบาล ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้

'แม้ว' โฟนอินแดงเชียงใหม่ สับ 'เสธ.อ้าย'ทำบ้านเมืองวุ่น

แดงเชียงใหม่ พร้อมเครือข่าย 17 จังหวัดชุมนุมปราศรัยต่อต้านม็อบเสธ.อ้าย "แม้ว" โฟนอินจวก "เสธ.อ้าย" โกหกต่อเนื่อง หาว่าเป็นมะเร็ง ย้ำปรองดองเกิดได้ ต้องมีความเป็นธรรม ทั้งกติกาและผู้รักษากติกา วอนเสื้อแดงอย่าออกมาปะทะ ให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจัดการพวกหวังบุญหล่นทับ สร้างสถานการณ์ แขวะ ปชป.อย่าคิดฝักใฝ่ลัทธิข้างถนน...

เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 พ.ย.2555 กลุ่มนปช.เชียงใหม่ และเครือข่าย 17 จังหวัด พร้อมแกนนำ นปช. อาทิ นายจตุพร พรหมพันธ์ น.พ.เหวง โตจิราการ และนางธิดา ถาวรเศรษฐ มาร่วมชุมนุมปราศรัยบริเวณสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยใช้ชื่องาน "นักรบแดงปราบกบฏ" เพื่อต่อต้านกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยามที่จะชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.นี้ โดยในช่วงเวลา 21.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินเข้ามา ซึ่งเนื้อหามีการตำหนิ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์กรพิทักษ์สยาม ที่พูดโกหกอย่างต่อเนื่อง มีการปล่อยข่าวว่าตนเป็นมะเร็ง และตายคาเข็มอยู่ที่เกาะกง ที่บรูไนบ้าง เป็นการโกหก สร้างนิยายใส่ตนมาตลอด ดูตัวอย่างคนมาจากการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายยังถูกกล่าวหาเป็นทรราช พร้อมย้อนถามว่า พวกปล้นอำนาจเขาเรียกว่าอะไร

"ประเทศไทยระบบการโกหกมันถูกใช้อย่างเป็นระบบ พวกเราเป็นพวกที่รักประชาธิปไตยรับได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องที่มันเกินเลย มันรับไม่ได้ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองมันไม่มีทางสงบ ซึ่งเคยย้ำเสมอว่าเมื่อใดกติกาบ้านเมืองไม่มีความเป็นธรรม คนรักษากติกาไม่มีความเป็นธรรม บ้านเมืองไม่มีทางสงบ"

ส่วนการปรองดองทำได้คือ 1.กติกาต้องเป็นธรรม 2.ผู้รักษากติกาต้องเป็นธรรม ตราบนั้นความปรองดองก็จะเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นไม่เป็นธรรมแล้วมันก็ไม่เป็นธรรม ฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ผิด ฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ไม่ผิดมันจึงไม่จบสิ้น และในวันนี้ต้องขอขอบคุณฝ่ายปกครองตำรวจทหารที่ช่วยกันรักษากฎหมายกติกาบ้านเมืองไว้เป็นอย่างดี และหากใครทำผิดกติกา ต้องใช้กฎหมายดำเนินการ เรื่องที่จะเกิดขึ้นมีแต่คนรายงานมาว่า ควรจะทำอย่างไร หรือเอาแบบตายเป็นตาย ซึ่งได้บอกให้ใจเย็นๆ เราคนไทยด้วยกัน ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง มีหน้าที่พิทักษ์ประชาธิปไตย ดังนั้นเราจะต้องสัญญากันไว้ว่า จะต้องไม่ออกไปปะทะกับใคร เพราะคนไทยด้วยกันไม่อยากจะให้มีการเสียเลือดเสียเนื้อคนไทยด้วยกัน

"เพราะไอ้คนที่มันไม่ภักดีมันหวังบุญหล่นทับ จึงคอยแต่จะสร้างสถานการณ์เหมือนที่มันเคยสร้างสถานการณ์ที่รัฐสภามาแล้ว เพราะฉะนั้นพี่น้องที่เขาจ้างไปพันห้า หาที่ไหนก็ได้ ขายข้าวตันละ 15,000 บาท รายได้วันละ 300 บาทจะได้กันแล้ว คนที่อยากประท้วงก็ขอให้มันประท้วงตามครรลองของประชาธิปไตย แต่อย่าไปประท้วงนอกลู่นอกทางก็แล้วกัน จึงขอให้คนเสื้อแดงอยู่บ้านทำมาหากินดีกว่า รัฐบาลชุดนี้เดินทางมาถูกทางแล้ว การอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นเรื่องปกติธรรดาในระบอบประชาธิปไตย ก็ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ใช้เวทีอย่างสร้างสรรค์ เพื่อช่วยกันรักษาประชาธิปไตย เราคนประชาธิปไตยด้วยกัน อย่าได้ไปคิดฝักใฝ่เผด็จการ อย่าไปคิดฝักใฝ่ลัทธิข้างถนนกันเลย"


สถานกงสุลฯ แถลงผลงาน ประจำปี2555

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2555 สถานกงสุลใหญ่ได้จัดแถลงผลงานประจำปีงบประมาณ 2555 ที่สถานกงสุลใหญ่ ประจำนครลอสแอนเจลิส เมื่อเวลา 18.00 น. ทั้งนี้ได้เชิญสื่อมวลชนไทยในแขนงต่างๆ เข้าร่วมรับฟัง ซึ่งมีสื่อมวลชนจากต่างชาติบางส่วนมาร่วมสังเกตุการณ์ด้วย

จุดประสงค์หลักในการจัดแถลงผลงานในครั้งนี้เพื่อให้ชุมชนไทยได้เข้าใจงานต่างๆ ที่สถานกงสุลทำอยู่ และเป้าหมายของสถานกงสุลที่ตั้งใจจะทำเพื่อให้เกิดความเป็นปึกแผ่นระหว่างชุมชนไทยด้วยกัน สถานกงสุลให้ความสำคัญกับกลุ่มเยาวชนเชื้อสายไทยในสหรัฐเป็นอย่างมาก โอกาสนี้ได้แนะนำกลุ่ม Thai American Bar Association (TABA) ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนเชื้อสายไทยที่ทำงานด้านกฎหมายต่างๆ ไม่ว่าในภาคเอกชน หรือรัฐบาล ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนกลุ่มแรกที่รวมตัวกัน และหวังว่าจะมีกลุ่มอื่นๆ ตามมาและสร้างเครือข่ายระหว่างกลุ่ม เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งยิ่งขึ้นในอนาคต

โดยมีประธานจาก Thai American Bar Association (TABA) จุฑามาศ สุวัฒนะพงเชฎ์ เป็นตัวแทนมาแถลงถึง กลุ่มสมาชิก ซึ่งประกอบด้วย นักกฎหมายต่างๆ ไม่ว่าจะมาจากบริษัทกฎหมายเอกชนทั้งบริษัทเล็ก หรือใหญ่ จากหน่วยงานรัฐบาล นักศึกษากฎหมายจากมหาวิทยาลัยต่างๆ และบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจในด้านกฎหมาย นโยบายของ TABA จะมุ่งเน้นในการรวมกลุ่มของบุคคลดังกล่าวเป็นหลัก เพื่อให้เกิดเป็นเครือข่ายช่วยเหลือซึ่งกันและกันในแง่ของตัวบทกฎหมายต่างๆ หลังจากได้แนะนำ TABA เป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงได้แนะนำกลุ่มสมาชิกต่างๆ ของสมาคมบางส่วน ซึ่งสมาชิกของ TABA ปัจจุบันมีทั้งหมด 25 คน

ทางสถานกงสุลคาดว่าเบื้องต้นอยากให้ทางกลุ่มช่วยดูในด้านผลกระทบเมื่อ ทำ LA City Service Card ถึงผลดีผลเสีย และอีกด้านคือเรื่อง Health Care ต่างๆ ในด้านตัวบทกฎหมาย

อีกทั้งยังได้กล่าวขอบคุณสื่อในทุกแขนงที่ได้ให้ความร่วมมือในการเผยแพร่ข่าวของทางกงสุลฯ เป็นอย่างดีเสมอมา สื่อต่างๆ มีความสำคัญมากต่อการกระจายข่าวไปยังชุมชนไทย โดยเฉพาะแอล.เอ. ที่มีคนไทยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าไม่มีสื่อการจัดกิจกรรมต่างๆ ของทางกงสุลฯ ก็ไม่อาจประสบความสำเร็จไปได้

ในโอกาสวันพ่อแห่งชาติ ที่ทางกงสุลฯ ได้ร่วมมือกับวัดไทยแอล.เอ. จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคมนี้จะมีการถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ของทางวัดจะเริ่มตั้งแต่เช้า แต่ในส่วนของงานวันพ่อแห่งชาติ จะเริ่มตั้งแต่ประมาณบ่ายสามโมงครึ่งเป็นต้นไป ส่วนตอนเย็นจะเป็นการจุดเทียนชัยถวายพระพร ซึ่งจุดนี้ทางกงสุลฯ เองต้องการให้สื่อมวลชน ช่วยกันกระจายข่าวนี้ออกไปโดยคาดหวังว่าจะมีคนมาร่วมงานและจุดเทียนชัยฯ จนเต็มลานวัด ทั้งนี้ก็เพราะคนไทย ที่ประเทศไทยมองว่าชุมชนไทยในแอล.เอ. เองเป็นชุมชนที่มีขนาดใหญ่ จึงคาดหวังว่าเราจะแสดงพลังร่วมกัน เพราะกิจกรรมนี้ถือว่าเป็นวันที่สำคัญมากที่สุดวันหนึ่งที่จัดขึ้นทุกๆ ปี


การแถลงผลงานและเป้าหมายของสถานกงสุลไทยฯ แบ่งออกเป็น 5 อย่างดังนี้

1. การให้บริการด้านต่างๆ แก่ชุมชน การให้บริการกงสุลสัญจร ซึ่งได้ให้บริการเกินกว่า 60% ของการให้บริการต่ออายุ Passport ซึ่งในโอกาสหน้าอาจจะมีการต่ออายุบัตรประชาชนในบริการกงสุลสัญจรด้วยเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนเพิ่มขึ้น การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ในอนาคตอาจจะให้บริการออนไลน์ในการทำวีซ่า และให้บริการชำระค่าบริการผ่านบัตรเครดิต ซึ่งจะทำให้ประชาชนสะดวกมากขึ้น

2. ความเข้มแข็งของประชาชน การรักษาผลประโยชน์และการส่งเสริมภาพลักษณ์ การทำงานของทีมประเทศไทย งานคุ้มครองต่างๆ เช่นการช่วยเหลือการเคลื่อนย้ายศพคุณเอ๋ พัชรา แวงวรรณ ซึ่งงานจำพวกนี้ต้องใช้เวลาในการดำเนินงาน ซึ่งสถานกงสุลจะเป็นตัวกลางระหว่างทางญาติฝั่งเมืองไทย และหน่วยงานอื่นๆ ในฝั่งสหรัฐอเมริกา การช่วยเหลือในการตั้งชุมชนในแหล่งต่างๆ ไม่ใช่เพียงแอล.เอ. แต่ทั่วสหรัฐอเมริกา มีการจัดคณะผู้บริหาร Le Cordon Bleu สถาบันสอนการปรุงอาหารชั้นนำไปทัวร์ดูการปรุงอาหารและวัฒนธรรมของเมืองไทย โดยมุ่งหวังให้มีหลักสูตรอาหารไทย เพื่อเผยแพร่อาหารไทยอย่างถูกต้องเพราะอาหารยังเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอีกด้วย มีการจัดแสดงภาพศิลปะของไทยในพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากชุมชน

3. ส่งเสริมคนรุ่นใหม่ของชุมชนไทย มีการส่งเยาวชนไปฝึกงานที่ประเทศไทย เพื่อให้มีความรู้จักประเทศไทยให้ดีขึ้นระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งได้เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา ให้ความสำคัญกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ เช่น การก่อตั้ง Thai American Bar Association (TABA) เพื่อเสริมสร้างชุมชนของไทยให้เข้มแข็ง ให้ทุนสนับสนุนหลักสูตรภาษาไทยที่ UCLA และ UC Berkeley ส่งเสริมคนรุ่นใหม่ให้ได้ไปฝึกงานในหน่วยงานของรัฐเพื่อให้เกิดความตื่นตัวที่จะมีส่วนร่วมในการเมืองสหรัฐฯ

4. ส่งเสริมการรวมตัวกันชุมชนชมรมต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 40 กลุ่ม โดยใช้ความต้องการของชุมชนเป็นตัวขับเคลื่อนเป้าหมายเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของนโยบาย แทนการกำหนดนโยบายแบบ Top-Down มีการจัดงบประมาณให้กับโรงฝึกมวยไทย ซึ่งมีการอบรมให้กับหน่วย LAPD อยู่แล้วจำนวน 2 แห่ง เพื่อเป็นการส่งเสริมศิลปะมวยไทยและกำลังหาลู่ทางในการส่งการเรียนการสอนมวยไทยเข้าไปในโรงเรียนต่างๆ เช่นเดียวกับศิลปะเทควันโด้

5. รักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถานกงสุลฯ และสื่อมวลชน ซึ่งเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงกลุ่มชุมชนต่างๆ เข้าด้วยกัน

เตรียม "เซฟเฮาส์" ให้ "นายกฯ ปู" พัก

วันที่ 23 หลังการบันทึกเทปรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน” ตลอดทั้งวัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ใช้เวลาอยู่ที่ห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อซักซ้อมข้อมูลและการเตรียมชี้แจงญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยได้เรียกข้าราชการระดับปลัดกระทรวงและอธิบดี ในกระทรวงที่ถุกยื่นญัตติ ฯ รวมทั้งการติดตามสถานการณ์การข่าวและความเคลื่อนไหวการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม

อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีได้ปรารภกับคนใกล้ชิดว่าเป็นห่วงสุขภาพและความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาประจำการที่ทำเนียบรัฐบาลและสถานที่สำคัญต่างๆ และสั่งการให้ผู้ที่รับผิดชอบไปประสานดูแล นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ตำรวจของทำเนียบรัฐบาล ได้เพิ่มมาตรการดูแลนายกรัฐมนตรีโดยไม่อนุญาติให้ผู้สื่อข่าวและบุคคลาที่ไม่เกี่ยวข้องเดินผ่านบริเวณหลังตึกไทยคู่ฟ้า และทางเชื่อมระหว่างตึกไทยฯและตึกสันติไมตรี รวมทั้ง ได้เตรียมบ้านพักสำรอง (เซฟเฮ้าส์) หากเกิดกรณีฉุกเฉินไว้ด้วย

ด้านพล.ต.ท.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เรียกประชุมผู้บริหาร ข้าราชการระดับสูงในทำเนียบทั้งหมด เพื่อกำชับข้าราชการในทำเนียบฯเดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ โดยจะเปิดทางเข้า-ออก ตลอดเส้นทางเลียบคลองผดุงกรุงเกษม ส่วนที่ข้าราชการต่างพากันเก็บของส่วนตัวที่มีค่ากลับนั้นเพราะที่ผ่านมาทุกคนเห็นแล้วจากความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของข้อมูล หรือทรัพย์สิน แต่ครั้งนี้ถ้าเรามีความพร้อมก็เชื่อว่าไม่มีการบุกรุกเข้าถึงอาคารภายในทำเนียบได้ สำหรับมาตรการในการดูแลทำเนียบรัฐบาลนั้น ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ จะไม่มีช่องว่างเหมือนในอดีต และเชื่อว่าการชุมนุมครั้งนี้ผู้ชุมนุมจะไม่สามารถปิดกั้นการทำงานของรัฐบาลได้ ส่วนในเรื่องของข้อมูลได้สั่งการให้ไปดำเนินการแล้ว ข้อมูลสำคัญให้เซฟจัดเก็บไว้ ด้านการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี ได้มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

เมื่อถามว่า ขณะนี้ได้เตรียมสถานที่สำรองไว้หรือไม่ หากมีการบุกยึดทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ท.ธวัช กล่าวว่า มีการคิดไว้เช่นกัน แต่เชื่อว่าจะไม่ถึงขั้นที่จะต้องไปทำงานที่อื่น ในเมื่อทำเนียบฯ เป็นบ้านของเราจะให้หนีไปไหน

พล.ต.ท.ธวัช กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเป็นห่วงความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาปฏิบัติงานดูแลความเรียบร้อยทำเนียบ และสั่งการให้ดูแล ทั้งนี้หลังจากที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก ตนเองได้ประสานไปยังสำนักงานข้าราชการพลเรือน (กพ.) ขอให้ชั้นล่างของอาคารเป็นที่พักเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นการชั่วคราว และได้จัดหาปลั๊กไฟอำนวยความสะดวกให้ในการชาร์ตโทรศัพท์ และวิทยุสื่อสาร