ข่าว
'ปูติน' ถือไพ่เหนือชาติตะวันตก ลั่นเป็นไม่ได้ที่จะตัดขาดน้ำมัน-ก๊าซจากรัสเซีย

10 มิ.ย. 65 ประธานาธิบดี “ปูติน” ของรัสเซียระบุ เป็นไปไม่ได้ที่ตะวันตกจะตัดขาดพลังงานจากรัสเซีย แต่จะต้องพึ่งน้ำมันและก๊าซของรัสเซียไปอีกนานหลายปี รัสเซียจะไม่ทำผิดพลาดเหมือนอดีตสหภาพ

โซเวียต จะไม่ใช้ “ม่านเหล็ก” ปิดเศรษฐกิจรัสเซีย เปรียบปฏิบัติการยูเครนเหมือนพระเจ้าปีเตอร์มหาราชเมื่อครั้งบุกสวีเดน

ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวเมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.) ว่า ประเทศตะวันตกจะไม่สามารถตัดขาดจากน้ำมันและก๊าซของรัสเซียไปอีกนานหลายปี เมื่อถึงเวลานั้น ยังไม่มีใครรู้อนาคตว่าจะเกิด อะไรขึ้น ดังนั้น บริษัทรัสเซียจะไม่ปิดบ่อน้ำมัน ปูตินยอมรับว่า ปริมาณน้ำมันที่รัสเซียส่งออกลดลงในตลาดโลกก็จริง แต่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บริษัทรัสเซียมีกำไรเพิ่มขึ้น

คำกล่าวล่าสุดของปูติน มีขึ้นที่งานนิทรรศการครบรอบ 350 ปีวันประสูติของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชของรัสเซียในยุคศตวรรษที่ 18 จัดขึ้นในกรุงมอสโก งานนี้มีผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของรัสเซียเข้าร่วมงาน ซึ่งปูตินยังเปรียบปฏิบัติการในยูเครนของเขา เหมือนกับที่พระเจ้าปีเตอร์มหาราชเคยรบกับสวีเดนยาวนาน เพื่อเอาดินแดนกลับคืนมา และไม่ได้ยึดสิ่งอื่นใดนอกเหนือไปจากเอาดินแดนกลับคืนมา ถือเป็นความรับผิดชอบที่รัสเซียจะต้องนำดินแดนกลับมาและทำให้รัสเซียเข้มแข็งขึ้น โดยปูตินกล่าวเป็นนัยว่าดินแดนที่ต้องยึดคืนกลับมานั้น หมายถึงยูเครน

ปูตินระบุด้วยว่า รัสเซียไม่มีการใช้ “ม่านเหล็ก” มาปิดเศรษฐกิจของรัสเซีย แม้ถูกประเทศตะวันตก คว่ำบาตรก็ตาม แต่เศรษฐกิจรัสเซียไม่ใช่เศรษฐกิจแบบปิด และจะยังคงเปิดกว้างต่อไป จะไม่ปิดตัวเองและไม่ ตัดขาดตัวเองจากโลกภายนอก จะไม่ทำผิดพลาดเหมือนในอดีตดังเช่นที่อดีตสหภาพโซเวียตเคยทำ และประเทศอย่างรัสเซียไม่มีใครสามารถมาปิดล้อมรั้วได้

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลรัสเซียประกาศจะหันหลังให้แก่ประเทศตะวันตก หลังธุรกิจขนาดใหญ่ของตะวันตกที่อยู่ในรัสเซียได้ถอนตัวออกไป โดยจะหันกลับไปพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศของตัวเอง และจะกระชับความสัมพันธ์กับจีน อินเดีย และประเทศมหาอำนาจในตะวันออกกลาง ด้าน อามอส ฮอคสไตน์ ทูตความมั่นคงด้านพลังงานของสหรัฐฯ ยอมรับในการให้การต่อวุฒิสภาสหรัฐฯ ในวันเดียวกันว่า รัสเซียมีกำไรเพิ่มขึ้นจากการขายพลังงาน มากเสียยิ่งกว่าก่อนปฏิบัติการในยูเครนเสียอีก

ทั้งนี้ สหภาพยุโรป หรือ อียู ประกาศจะลดการพึ่งพิงน้ำมันรัสเซียลงร้อยละ 90 ภายในสิ้นปีนี้ 2022 แต่ในส่วนของก๊าซธรรมชาตินั้น จนถึงขณะนี้ อียูยังไม่ได้เลิกนำเข้าก๊าซจากรัสเซียเลย โดยอียูนำเข้าก๊าซจากรัสเซียราวร้อยละ 40 ของก๊าซทั้งหมดในอียู ส่วนสหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์พลังงานทั้งหมด ของรัสเซีย เพื่อลงโทษที่รัสเซียปฏิบัติการในยูเครน แต่กลับทำให้ราคาน้ำมันและก๊าซทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น และ ทำให้รัสเซียมีผลกำไรเพิ่มขึ้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าจะส่งออกพลังงานได้น้อยลงก็ตาม

พระธรรมทูตทั่วโลกร่วมฉลอง 50 ปี วัดไทยลอสแองเจลิส วัดไทยแห่งแรกในสหรัฐอเมริกา

วัดไทยลอสแองเจลิส ขอเชิญมาร่วมงานบุญใหญ่ วันที่ 9-12 มิถุนายน 2565 ที่วัดไทยลอสแองเจลิส ขอเชิญพุทธศาสนิกชน ญาติโยมทุกท่านร่วมงานบุญใหญ่ต้อนรับพระธรรมทูตที่จะมาร่วมประชุมสมัชชาสงฆ์จากทั่วโลก 300 กว่ารูป และจัดงานสมโภชครบรอบ 50 ปีของวัดไทยฯ และงานทำบุญอายุวัฒมงคล 90 ปี พระเทพมงคลวิเทศ หลวงพ่อใหญ่เจ้าอาวาสวัดไทย

วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (ปสฤทธ์ เขมงฺกโร) กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นประธานสงฆ์ เปิดการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 44/2565 มีพระธรรมทูตจากทั่วโลกกว่า 400 รูป ร่วมพิธี ที่วัดไทยลอสแองเจลิส (WAT THAI OF LOS ANGELES) รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

ภายในการประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 44/2565 มีผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวให้การต้อนรับ นายต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแองเจลิส ในฐานะผู้แทนท่านเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวสุนทรพจน์ นายตัน พัฒนะ ประธานจัดงานฝ่ายฆราวาส กล่าวปวารณาถวายการต้อนรับ พระราชธรรมวิเทศ ประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาถวายรายงาน ผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวถวายข้อคิดเห็น พระวิเทศรัตนาภรณ์ เลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกากล่าวแนะนำพระมหาเถระ ภาคบ่ายเป็นพิธีรับเสาเสมาธรรมจักรฯ หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพิธีมอบเกียรติบัตรประกาศเกียรติคุณผู้มีอุปการคุณต่อวัดไทยลอสแองเจลิส

วันแรกวันพฤหัสที่ 9 จะมีพิธียกฉัตร ขึ้นประดับองค์พระประธานในอุโบสถวัดไทย แทนอันเก่าที่ชำรุดไป โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ เป็นองค์ประธาน พิธีจะเริ่มตั้งแต่ตอนเช้า พระสงฆ์และฆราวาสเริ่มตั้งแถวเวลาเข้า 8:30 น. ฤกษ์ยกฉัตร 9:09 น. จะทำพิธีในอุโบสถ จากนั้นแล้วถวายอาหารเพล

วันศุกร์ที่ 10 มีพิธีเปิดประชุมโดยเจ้าประคุณพระมหาธีราจารย์ ประธานดูแลพระธรรมทูตในต่างประเทศ พระเทพมงคลวิเทศ แสดงสัมโมทนียกถา นายต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ ลอสแองเจลิส ในฐานะเป็นตัวแทนท่านเอกอัครราชทูตไทย กรุงวอชิงตันดีชี กล่าวสุนทรพจน์

ส่วนในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาเป็นวันที่สอง และวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2565 มีงานสมโภช 50 ปีวัดไทยลอสแองเจลิส ซึ่งจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2515 และฉลองอายุวัฒนมงคล 90 ปี พระเทพมงคลวิเทศ เจ้าอาวาสวัดไทยลอสแองเจลิส ในการนี้ พระธรรมทูตวัดพระธรรมกายภาคพื้นอเมริกา และวัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี มีพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี ได้ร่วมประชุม และตั้งเต้นท์ถวายปานะ น้ำชา กาแฟ และร่วมกิจกรรมต่างๆ ของสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ตอนเช้าประมาณ 9:00-9:30 น. จะเริ่มมีการใส่บาตรพระสงฆ์ 300 กว่ารูป จากนั้นถวายอาหารเพล ช่วงบ่ายมีพิธีแจกเสาบุญ จากนั้นพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยูรวงศาวาสฯ มีเมตตาแสดงปาฐกถาธรรมพิเศษ ตามด้วยพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์อายุวัฒนมงคล 90 ปี พระเทพมงคลวิเทศ ตามด้วยรดน้ำอวยพร เป็นอันเสร็จพิธี


UN ประณาม เหตุ จนท.อนามัยโลกถูกลอบยิงเสียชีวิตในพม่า

เว็บไซต์แชนเนลนิวส์เอเชียรายงาน สหประชาชาติ (UN) ออกแถลงการณ์ประณามเหตุคนร้ายยิง นายเมียว มิน ทุต เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก( WHO) จนเสียชีวิตที่เมืองเมาะลำเลิง หรือมะละแหม่ง เมื่อวันพุธที่ 8 มิ.ย. 2565 ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ลอบสังหารสะเทือนขวัญครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา นับตั้งแต่กองทัพภายใต้การนำของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ก่อรัฐประหารยึดอำนาจ ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564

สหประชาชาติและองค์การอนามัยโลก (เป็นองค์การชำนาญพิเศษของสหประชาชาติ) ได้ระบุในแถลงการณ์ว่า นายเมียว มิน ทุต ซึ่งทำงานเป็นพนักงานขับรถให้กับองค์การอนามัยโลกมานาน 5 ปีได้ถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิต ขณะเขากำลังขี่รถจักรยานยนต์ ในเมืองมะละแหม่ง ติดชายแดนไทย และขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดในช่วงเกิดเหตุ โดยองค์การอนามัยโลกระบุด้วยว่า รู้สึกตกใจมากต่อเหตุการณ์นายเมียว มิน ทุต ถูกลอบยิงเสียชีวิต

สำหรับเหตุลอบสังหารเจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกในครั้งนี้ เกิดขึ้น หลังจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนชี้ว่า การลอบสังหารได้กลายเป็นรูปแบบการลงโทษ และการเฝ้าระวังกล่มบุคคลที่สงสัยว่าเป็นคนให้ข้อมูลแก่รัฐบาลทหาร ทำให้มีเจ้าหน้าที่บริหารส่วนท้องถิ่นและผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้แจ้งข่าวสารข้อมูลแก่รัฐบาลทหาร ถูกลอบสังหารเกือบทุกวัน

การก่อรัฐประหารของกองทัพเมียนมา ทำให้ขณะนี้พลเรือนในเมียนมาได้หยิบอาวุธขึ้นมาต่อสู้กับตำรวจและทหาร ตอบรับการเรียกร้องของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ National Unity Government's (NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาที่ตั้งขึ้นมาเพื่อคานอำนาจรัฐบาลทหารในเมียนมา และได้เรียกร้องให้ประชาชนในเมียนมาลุกขึ้นมาปฏิวัติ

รอยเตอร์รายงานด้วยว่า กลุ่มกองกำลังประชาชนต่อต้านรัฐบาลทหาร ในเมืองมะละแหม่ง ซึ่งสนับสนุนรัฐบาลเงา NUG ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบในการก่อเหตุลอบยิงนายเมียว มิน ทุต จนเสียชีวิต โดยกล่าวหาว่าเป็นคนให้ข่าวแก่รัฐบาลทหาร ซึ่งข่มเหงประชาชนที่เข้าร่วมในการต่อต้านรัฐบาลทหาร ในขณะที่รอยเตอร์ระบุว่าขณะนี้ ยังไม่สามารถตรวจสอบคำอ้างดังกล่าวได้

ที่มา : Channelnewsasia


WHO ออกรายงาน ยังสรุปต้นกำเนิดเชื้อโควิดไม่ได้ ชี้ข้อมูลบางส่วนจากจีนหาย

คณะผู้เชี่ยวชาญ WHO ออกรายงานยังไม่สามารถสรุปต้นกำเนิดเชื้อโควิด-19 ได้เพราะข้อมูลบางส่วนจากจีนหายไป พร้อมเปิดกว้างรับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด และไม่ตัดประเด็นอาจเกิดอุบัติเหตุในห้องแล็บ

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2565 ตามเวลาท้องถิ่น คณะที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ในการหาต้นกำเนิดของเชื้อโรคชนิดใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในคน (SAGO) ขององค์การอนามัยโลกออกรายงานเบื้องต้น ผลการสืบหาต้นกำเนิดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ที่ระบาดใหญ่ไปทั่วโลก นับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน เมื่อช่วงปลายปี 2562 ว่าจนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถได้ข้อสรุปออกมาได้ว่าต้นกำเนิดของเชื้อโควิด-19 มาจากที่ไหน เนื่องจากมีข้อมูลบางส่วนจากจีนหายไป

ในขณะเดียวกัน คณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกยังคงเปิดกว้างสำหรับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่จะเสาะหามาได้ในอนาคต เพื่อนำมาทดสอบสมมติฐานที่สมเหตุสมผลทั้งหมดอย่างครอบคลุม รวมถึงความเป็นไปได้ว่าอาจเกิดอุบัติเหตุที่ห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์

“เคยเกิดอุบัติเหตุขึ้นในห้องแล็บซึ่งก่อให้เกิดการระบาดของเชื้อโรคบางอย่างมาแล้ว ซึ่งทฤษฎีที่เป็นเรื่องการเมืองสูงเช่นนี้ไม่อาจที่จะไม่ถูกนับได้” รายงานของคณะผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลกระบุ

คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก ยังได้ระบุในรายงานว่าจากข้อมูลเท่าที่สามารถเสาะหามาได้ แสดงให้เห็นว่าเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 บางทีอาจมาจากสัตว์ต่างๆ อย่างเช่น ค้างคาว ซึ่งถือว่าเป็นการสรุปที่คล้ายคลึงกับทีมเจ้าหน้าที่สืบหาต้นกำเนิดโควิด-19 ของสหประชาชาติชุดก่อน ซึ่งเดินทางไปสำรวจเก็บข้อมูลหาต้นกำเนิดโควิด-19 ที่เมืองอู่ฮั่นของจีน

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 ที่หายไป โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นกลุ่มแรก เมื่อเดือนธันวาคม 2562 นั้น นั่นย่อมหมายถึงไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลยที่จะระบุต้นกำเนิดที่แน่ชัดของเชื้อโควิด-19 ว่า แพร่ติดต่อมาสู่คนได้อย่างไร หลังจากการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19ไปทั่วโลก ในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลก 534 ล้านราย และเสียชีวิต 6.31 ล้านศพ

การระบุหาต้นกำเนิดของเชื้อโรคในสัตว์ชนิดต่างๆ ต้องใช้เวลาหลายปี ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ต้องใช้เวลานานถึงประมาณ 15 ปีในการเสาะหาค้างคาวสายพันธุ์ต่างๆ ที่อาจเป็นแหล่งกำเนิดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ SARs ที่เป็นญาติของเชื้อโควิด-19

ที่มา : Aljazeera,Channelnewsasia


สุดประทับใจ เจ้าชายวิลเลียมทรงช่วยคนไร้บ้าน ปลอมเป็นคนขายหนังสือริมถนน

อังกฤษสุดประทับใจ เจ้าชายวิลเลียม ทรงช่วยคนไร้บ้านและคนตกงาน ปลอมพระองค์เป็นคนขายหนังสือ Big Issue อยู่ริมถนนใจกลางกรุงลอนดอน แต่ไม่วายมีคนตาดี จำพระองค์ได้

เมื่อ 10 มิ.ย. 65 สื่อในอังกฤษรายงานครึกโครม ชาวอังกฤษปลื้มปิติ และประทับใจ

เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ รัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษอย่างมาก ที่ทรงมีความเรียบง่าย ไม่ถือพระองค์และเปี่ยมด้วยพระเมตตา เมื่อได้ทรงพยายามช่วยเหลือบรรดาคนไร้บ้าน และตกงานในอังกฤษ ด้วยการปลอมพระองค์เป็นคนขายนิตยสาร Big issue อยู่ริมถนน บริเวณใจกลางกรุงลอนดอน เมืองหลวงอังกฤษ

นายตำรวจวัยเกษียณ อดีตผู้กำกับแมตธิว การ์ดเนอร์ ได้แชร์รูปเจ้าชายวิลเลียม ขณะทรงขายนิตยสาร Big issue อยู่ริมถนน โรเชสเตอร์ โรว์ เขตเวสต์มินสเตอร์ ในกรุงลอนดอน ลงบนโซเชียลมีเดียของเขาเอง และบอกว่า น้องเขยของเขา ริชาร์ด แฮนแนต์ ได้สังเกตเห็นเจ้าชายวิลเลียม โดยตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเซเลบริตี้ คนดังและได้ถ่ายรูปพระองค์ในระยะไกล

จากนั้น เจ้าชายวิลเลียมได้ทรงพระดำเนินข้ามถนนมา และทรงสนทนากับนายแฮนแนต์ ขณะที่พระองค์ทรงสวมชุดยูนิฟอร์มที่เป็นเอกลักษณ์ของคนขายนิตยสาร Big issue ในขณะที่ มีคนวัย 47 ปีคนหนึ่ง กล่าวถึงความรู้สึกประทับใจที่เห็นเจ้าชายวิลเลียมทรงปลอมพระองค์เป็นคนขายนิตยสาร Big issue ว่า พระองค์ทรงน่าทึ่งมาก และทรงมีความเป็นมิตรอย่างมากอีกด้วย

ทั้งนี้ นิตยสาร Big issue ระบุว่าตามปกติ นิตยสารถูกขายโดยคนไร้บ้าน คนตกงานเป็นระยะเวลานาน และคนที่ต้องการหาเงินเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้สิน

ที่มา : BBC

แกรมมี เพิ่มรางวัลใหม่หลายสาขา รวมทั้งรางวัลนักแต่งเพลงแห่งปี

เอพี : รายงานเรคคอร์ดิง อคาเดมี (Recording Academy) สถาบันอันทรงเกียรติ ผู้มอบรางวัลแกรมมี รางวัลใหญ่ในวงการดนตรี ที่มีศักดิ์ศรีเทียบรางวัลออสการ์ในวงการภาพยนตร์ ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน เพิ่มรางวัลใหม่ 5 สาขารางวัล หนึ่งในนั้นได้แก่รางวัล songwriter of the year หรือ รางวัลนักแต่งเพลงแห่งปี

ฮาร์วีย์ เมสัน จูเนียร์ ซีอีโอเรคคอร์ดิง อคาเดมี ให้สัมภาษณ์ถึงรางวัลนักแต่งเพลงแห่งปีว่า “นี่คือรางวัลใหม่ที่ตั้งใจมอบให้ผู้มีฝีมือในการเขียนเพลงอย่างแท้จริง”

สำหรับคุณสมบัติของนักแต่งเพลง ที่สามารถเข้าชิงรางวัลนี้ กำหนดว่าจะต้องแต่งเพลงอย่างน้อย 5 เพลงในปีที่เข้าชิง โดยจะเป็นผู้แต่งเพลงเหล่านั้นคนเดียว หรือร่วมเขียนเพลงก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่การแต่งเพลงให้ตัวเอง

“พวกเขาจะต้องเขียนเพลงให้คนอื่น เพราะเราต้องการเน้นให้ความสำคัญแก่ฝีมือการเขียนเพลงให้แก่ศิลปินอย่างเป็นมืออาชีพ การเขียนเพลงคือหัวใจของธุรกิจและอุตสาหกรรมดนตรีของเรา จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย หากไม่มีนักแต่งเพลง ”

รางวัลใหม่อืนๆ ที่เพิ่มขึ้นได้แก่ รางวัล best spoken word poetry album ,รางวัล alternative music performance,รางวัล Americana music performance score soundtrack for video games and other interactive media

อนึ่ง ยังมีการเพิ่มรางวัลบทเพลงยอดเยี่ยมเพื่อความเปลี่ยนแปลงทางสังคม ซึ่งกำหนดว่าต้องมีเนื้อหาพูดถึงประเด็นทางสังคมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น และต้องมีเนื้อหาสนับสนุนให้เกิดความเข้าใจ สร้างสรรค์ความสงบ และความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ซึ่งเมสันพูดถึงรางวัลพิเศษนี้ว่า ” เป็นเวลาที่เหมาะสมเสมอในการยกย่องดนตรีที่ช่วยเปลี่ยนแปลงโลก ผมคิดว่า นี่สมควรได้รับการยอมรับเป็นพิเศษ บทเพลงเหล่านี้มีความสำคัญและมีอิทธิพล พวกเราจึงต้องการให้เกียรติ ยกย่องศิลปะรูปแบบนี้ “