ข่าว
ฝนถล่ม'เกาหลีใต้'น้ำท่วมหนัก ทางการสั่งอพยพประชาชน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกาหลีใต้สั่งการในวันนี้ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำในภาคกลางของประเทศอพยพออกจากบ้านเรือนไปยังสถานที่พักพิงที่ปลอดภัย เนื่องจากฝนที่ตกอย่างหนักวัดปริมาณน้ำฝนได้มากกว่า 300 มิลลิเมตร ในขณะที่คำเตือนเกี่ยวกับฝนตกหนักได้ประกาศไปทั่วประเทศ รวมถึงกรุงโซล นครหลวงของเกาหลีใต้ด้วย

เจ้าหน้าที่ด้านสถานการณ์ฉุกเฉินเปิดเผยว่า ฝนตกหนักทำให้ต้องมีการยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 24 เที่ยวที่สนามบินอินชอน นอกจากนั้นยังส่งผลให้บริการรถไฟในกรุงโซลต้องหยุดไปด้วย รัฐบาลกำลังเฝ้าจับตามองสถานการณ์ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นในแม่ต่างๆ ที่ไหลมาจากเกาหลีเหนือ โดยเตือนให้ระวังทุ่นระเบิดบกที่เกาหลีเหนือวางไว้ที่บริเวณพรมแดนจะไหลตามกระแสน้ำมายังเกาหลีใต้ กองทัพเกาหลีใต้กล่าวว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะวางทุ่นระเบิดบกเพิ่มเติมในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทราบดีว่า มีแนวโน้มที่จะเกิดฝนตกหนัก

ปปช.ยันไม่ได้ชี้มูลความผิด'พี่เต้'ลาสภาไปดูหนัง 4 KING เผยทำเสื่อมเสียแต่ไม่ร้ายแรง

วัน 18 ก.ค. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่า ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง สส.พรรคไทยศรีวิไลย์ กรณีลาประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปชมภาพยนตร์เรื่อง "4 KINGS อาชีวะ ยุค 90" เมื่อปี 2564 ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีนายมงคลกิตติ์ แจ้งลาการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 15 ธ.ค.64 โดยระบุเหตุว่าเนื่องจากภารกิจกับประชาชน คือ พานัก ศึกษาไปดูภาพยนตร์เรื่อง 4 KINGS และได้นำรูปภาพแบบแจ้งลาการประชุมดังกล่าวไปโพสต์เผยแพร่ต่อประชาชนแล้วว่า การลาประชุม สส.ได้ยื่นหนังสือลาตามระเบียบสภาผู้แทนราษฎรว่าด้วยการลงชื่อมาประชุม และการลาการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 ถือเป็นเหตุจำเป็นของ สส.ที่ไม่อาจก้าวล่วงได้ แต่พฤติการณ์

"การออกจากที่ประชุมสภา และโพสต์พฤติการณ์การกระทำดังกล่าวเผยแพร่ในขณะที่มีการประชุมสภา เป็นการกระทำที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ และกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือความศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ในการดำรงตำแหน่งของ สส. ตามมาตรฐานจริยธรรมฯ ข้อ 17 และตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ข้อ 10 ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาพฤติการณ์ดังกล่าว ประกอบเจตนาและความเสียหายแล้ว เห็นว่ามีลักษณะไม่ร้ายแรง จึงมีมติว่าไม่เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ประกอบกับปัจจุบันนายมงคลกิตติ์ พ้นจากตำแหน่ง สส.แล้ว จึงไม่มีเหตุต้องส่งเรื่องให้สภาผู้แทนราษฎรเพื่อดำเนินการตามหน้าที่ ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ.2563


กมธ.ยังไม่เคาะนิรโทษฯ112 วางแนวทาง'เหมาเข่ง'แบบมีเงื่อนไข ก่อนโยนสภาตัดสิน

เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2567 ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎรแถลงภายหลังการประชุมกมธ.ฯ เพื่อสรุปแนวทางในการตราพ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า ถือว่าเกือบจะได้ข้อยุติทั้งหมดแล้ว สรุปดังนี้ 1.ควรมีการนิรโทษกรรมการกระทำหรือมูลเหตุจูงใจทางการเมืองชัดเจน ตั้งแต่ปี 2548 - ปัจจุบัน เรามีบทนิยามชัดเจนแล้วว่ามีความผิดอะไรบ้างที่เข้าข่ายจะได้รับการนิรโทษฯ และเรามีมติเอกฉันท์ ไม่มีอะไรขัดข้อง 2.กมธ.มีมติเกี่ยวกับความผิดต่อชีวิต หรือละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เช่น ตามมาตรา288, 289 จะไม่รวมในการได้รับการนิรโทษกรรม เนื่องจากเป็นการประทุษร้ายต่อชีวิต ทำให้ถึงแก่ชีวิต ไม่ใช่การกระทำความผิดต่อรัฐฝ่ายเดียว

ประธานกมธ.ฯ นิรโทษกรรม กล่าวต่อว่า 3.ความผิดที่เกี่ยวกับมาตรา110 และมาตรา112 ทางคณะกรรมการนิรโทษกรรมที่ตั้งขึ้นมา มีความเห็นว่าเรื่องนี้เป็นความผิดที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง และทางกมธ.ฯเห็นว่า การทำงานของเราเป็นเพียงการศึกษาหาแนวทางการตรากฎหมาย จึงมีมติร่วมกันที่จะไม่โหวตให้มีผู้ชนะ หรือแพ้ แต่มีข้อสรุปให้ส่งความเห็น แบ่งเป็น 3 กลุ่มประเภท คือ 1.ไม่เห็นด้วยให้นิรโทษกรรมในคดีมาตรา110 และมาตรา112 2.เห็นควรให้นิรโทษกรรมในคดีมาตรา110 และมาตรา112 โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ และ3.เห็นควรให้นิรโทษกรรมในคดีตามมาตรา110 และมาตรา112 แต่ต้องมีมาตรการ มีเงื่อนไข เช่น ให้มีคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา มีมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ เป็นต้น ทั้งนี้ความเห็นของทั้ง3กลุ่มประเภท จะได้บรรจุลงไปในรายงานด้วย

“ภาพรวมเรามีหน้าที่ศึกษา เราควรส่งความเห็นทั้งหมดให้สภาฯไปพิจารณา ว่ามีความเห็นประการใดก็สุดแล้วแต่ แต่จะไม่ปิดกั้นความเห็นของฝ่ายใด เราส่งความเห็นไปทั้งหมด นอกจากนี้ได้มอบหมายให้เลขานุการกมธ.ฯจัดทำรายงาน ซึ่งในการประชุมกมธ.ฯสัปดาห์หน้าก็จะพิจารณาสรุปรายงานอีกครั้ง คาดว่าจะส่งรายงานให้สภาฯทันภายในสิ้นเดือนก.ค.นี้” นายชูศักดิ์ กล่าว

ด้านนายนิกร จำนง เลขานุการกมธ.ฯ กล่าวว่า เรามีการเตรียมรายงานไว้ถึง 3 เล่ม แต่ขณะนี้ส่งพิมพ์แล้ว 2 เล่ม เหลืออีก 1 เล่มคือ ฝ่ายที่มีความเห็นว่าควรมีการนิรโทษกรรม 112 แบบมีเงื่อนไข ฉะนั้น เราจึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อสรุปว่าจะมีเงื่อนไขอย่างไร และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องไปให้ความเห็น เนื่องจากเป็นความเห็นของฝ่ายที่เห็นว่านิรโทษแบบมีเงื่อนไข ทั้งนี้ ความเห็นทั้งหมดจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ซึ่งจะได้เห็นว่าแต่ละคนมีความเห็นกันอย่างไรบ้าง ย้ำว่าทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนงาน และคาดว่าน่าจะมีบทสรุปที่ดีที่สมควรจะไปออกกฎหมายต่อไป

ขณะที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ.ฯ กล่าวว่า นายชูศักดิ์ได้มอบหมายให้ตนช่วยไปรวบรวมความเห็นมาประกอบในรายงานเพื่อให้สรุปได้ทันในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นความเห็นของฝ่ายที่เห็นด้วยให้มีการนิรโทษกรรมในคดีมาตรา112 และตนมีความเห็นว่า ข้อเสนอนี้เป็นข้อเสนอที่มีความสำคัญ เนื่องจากการนิรโทษกรรมในคดีมาตรา 112 ต้องยอมรับว่า มีข้อถกเถียงกันพอสมควร แต่รายละเอียดที่จะยอมรับ เพื่อนำมาพิจารณาว่าจะมีการนิรโทษกรรมหรือไม่ต้องมีการลงรายละเอียดว่า ควรมีตัวอย่างและกำหนดเงื่อนไข รวมถึงมาตรการการป้องกันการกระทำผิดซ้ำ ซึ่งตนมองว่า เป็นข้อดี และเป็นข้อเสนอใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในสังคมไทยเพื่อให้ฝ่ายที่อาจมีความเห็นที่แตกต่างกันได้พิจารณาแล้ว อาจจะมีการยอมรับกันได้

เมื่อถามว่าการนิรโทษกรรมในคดีมาตรา112 แบบมีเงื่อนไขคือเงื่อนไขอะไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ยกตัวอย่างคือ ก่อนที่จะมีสิทธิ์ที่จะได้รับการพิจารณาว่าจะมีการนิรโทษกรรมหรือไม่ จะต้องมีการมาแถลงข้อเท็จจริงของผู้ที่กระทำผิดหรือผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด ว่าเหตุใดจึงกระทำการไปแบบนั้น มีแรงจูงใจทางการเมืองอย่างไร ทำไมจึงเชื่อแบบนั้นแม้กระทั่งอาจจะถูกถามว่ามีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่อย่างไร และอาจจะเปิดโอกาสให้คู่กรณีหรือเจ้าหน้าที่รัฐได้ให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งกับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด หรืออาจมีการกำหนดเงื่อนไขว่าจะต้องไปผ่านกระบวนการอื่นๆ หรือทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง และอาจจะต้องรับเงื่อนไขว่าห้ามกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งภายในเวลากี่ปี

“นี่จะเป็นกันชนให้สังคมไทยในเวลาเปลี่ยนผ่าน และลดความขัดแย้งทางการเมือง โดยภายหลังจากได้รับการนิรโทษกรรมในคดีมาตรา112 แล้ว อาจจะต้องเข้าร่วมกิจกรรม หรือกระบวนการ หรือรายงานตัวอย่างต่อเนื่อง” นายชัยธวัชกล่าว

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลมั่นใจหรือไม่ว่าหากเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสภาฯแล้ว จะได้รับความเห็นชอบกับร่างที่พรรคก้าวไกลเสนอ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อ กมธ.ได้เสนอรายงานให้สภาฯ พิจารณาแล้ว น่าจะมีหลายพรรคการเมืองยื่นร่าง พ.ร.บ.ของตัวเอง ซึ่งมีหลักการตรงกันว่าการนิรโทษกรรมเป็นมาตรการ ในการช่วยคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมือง เพียงแต่อาจจะเห็นไม่ตรงกันรายละเอียดบ้าง แม้แต่ สส.ของพรรคก้าวไกล ก็ยังมีการพูดคุยกันเองว่า หลังจากเห็นรายงานนี้ ก็อาจจะมีการปรับร่างกฎหมายของพรรค เพื่อให้มีความสอดคล้องกับบางข้อเสนอที่น่าสนใจของกมธ.แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน เพราะต้องรอให้การพิจารณาของ กมธ.เสร็จก่อน

ทั้งนี้ ภายหลังการให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำถึงบรรยากาศในที่ประชุม เนื่องจากมีรายงานว่ามีการถกเถียงกันอย่างหนัก ถึงขนาดที่พรรคก้าวไกลต้องยกเลิกการแถลงข่าวภายหลังการประชุม นายชัยธวัช พยักหน้า พร้อมกล่าวว่า”ดีครับ“ นายชูศักดิ์ จึงกล่าวว่า “เป็นไปด้วยดี ทุกฝ่ายเอาเหตุผลมาสู้กัน ไม่มีทุบโต๊ะ” ผู้สื่อข่าวกล่าวแซวอีกว่า เห็นเดินมาก็ยิ้มเลย ทั้งสองคนจึงหัวเราะ ก่อนที่นายชูศักดิ์จะโอบไหล่นายชัยธวัช พร้อมกล่าวว่า "ไม่เห็นต้องสู้อะไรเลย"


'บักจ่อย'หลอนยา ปีนรั้วบ้านทหาร เจอรุมจับมัดติดเสาแบบหมดสภาพ

วันที่ 18 ก.ค.67 ร.ต.อ.สถาพร สวัสดี รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวร 20 พร้อมตร.สายตรวจรับแจ้งจากชาวบ้านในซอยบ้านม่วง ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี มีเหตุคนร้ายปีนรั้วเข้ามาภายในบ้านหวังขโมยทรัพย์สินในชุมชนบ้านม่วง ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อไปถึงพบว่าเจ้าของบ้านและชาวบ้านช่วยกันจับตัวเอาไว้ได้ ทราบชื่อคือนายจ่อย อายุประมาณ 30 ปี โดยชาวบ้านได้จับตัวมัดเชือกติดกับเสาไว้รอเจ้าหน้าที่ฯ สอบถามนายจ่อยดูท่ามีอาการหลอนยาอ้างว่าเสพยาบ้ามาแค่ 1 เม็ดพร้อมยกนิ้ว 1 เม็ดเท่านั้นนะครับ แล้วเมายาเขียว คือกัญชา ทำให้อยากหาของไปขายหาซื้อยาบ้าและยาเขียวมาเสพอีก เจ้าของบ้านและชาวบ้านเห็นจึงช่วยกันจับเอาไว้ได้

โดยก่อนหน้านี้นายจ่อยบ้านของทหารฯ ไม่คิดว่าจะมีเจ้าของบ้านอยู่ภายในบ้าน และได้ถ่ายคลิปเอาไว้ขณะนายจ่อยปีนรั้วกำแพงเข้ามาภายในบ้านและพยายามขโมยสิ่งของที่อยู่ภายในบ้าน จากนั้นเจ้าของบ้านที่เป็นทหารและชาวบ้านได้ช่วยกันจับนายจ่อยเอาไว้ ด้วยอาการหลอนยาหนัก ตอนที่เจ้าของบ้านจับมัดใส่เชือก นายจ่อยเรียกหาแต่แม่ แม่แขกช่วยผมด้วย ทำไมโหดแท้ลูกพี่ ทำกับผมค่อยๆ หน่อย ให้โอกาสผมหน่อย ผมเพิ่งปีนรั้วเข้ามาวันแรกเท่านั้น

นายจ่อย บอกว่า ซื้อยาบ้ามาเสพแค่ 50 บาทพอเสพยาแล้วก็ชอบพี้ยาเขียว เพราะมันได้อารมณ์ทำงานได้ดีด้วย ผมทำงานรับจ้างทั่วไป ใครจ้างก็ไป ต้องทำงานหาเงินดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียงด้วย ฐานะผมยากจนจริงๆ นะครับ

ลุงโมทย์ อายุ 55 ปี ชาวบ้านคุ้มบ้านม่วง บอกว่า ไอ้จ่อยหลอนยาบุกบ้านชาวบ้าน วันนี้ปีนรั้วเข้าบ้านหลังนี้ทีหลังโน้นที ขโมยเอาทุกอย่างที่พอไปขายได้ จนชาวบ้านเอือมระอา ดีที่วันนี้มันบุกบ้านทหาร มีเจ้าของบ้านอยู่และถ่ายเขาคลิปช่วยกันจับเอาไว้ได้ ก่อนจะเรียกตร.มาจับกุม โล่งอกมันถูกจับไม่งั้นมันคงอาละวาดขโมยของชาวบ้านไปทั่วอีกแน่


เซ็นแล้ว!!! รถไฟฟ้าสายสีส้ม 'สุริยะ'เร่งเปิดวิ่งเป็นของขวัญประชาชนปี 71

เมื่อวันที่ 18 ก.ค.67 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระหว่าง รฟม. และ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพจำกัด (มหาชน) หรือ BEM โดย BEM เป็นผู้ชนะการคัดเลือกซึ่งเป็นผู้เสนอผลประโยชน์สุทธิต่อรัฐต่ำที่สุด โดยขอรับเงินสนับสนุนค่าก่อสร้างงานโยธาพร้อมดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้าง โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เป็นวงเงินรวม 95,432.04 ล้านบาท และเสนอผลตอบแทนให้ รฟม. เป็นวงเงินรวม 10,000 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญาร่วมลงทุน และภายหลังจากการลงนามสัญญาในวันนี้แล้ว รฟม.จะได้มีหนังสือเพื่อแจ้งให้ BEM เริ่มงานก่อสร้าง คาดว่าจะเข้าหน้างานได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ ทั้งนี้ ในเบื้องต้น รฟม.มีแผนที่จะเปิดให้บริการโครงการส่วนตะวันออกก่อน ในต้นปี 2571 และเปิดให้บริการตลอดทั้งเส้นทางทั้งส่วนตะวันออกและตะวันตกในปี 2574

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการลงนาม นายสุริยะ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า อยากจะขอความร่วมมือจาก BEM ให้ก่อสร้างในส่วนตะวันออกให้เปิดใช้งานได้ก่อนภายในสิ้นปี 2570 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้พี่น้องประชาชนในปี 2571 ซึ่งหากรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันออกแล้วเสร็จจะช่วยรองรับการเดินทางได้วันละ 1.5 แสนคน ขณะที่สายสีส้มฝั่งตะวันตกจะรองรับการเดินทางได้วันละเกือบ 4 แสนคน นอกจากนี้ยังจะเชื่อมการเดินทางกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สายสีเหลืองและสายสีชมพูอีกด้วย สำหรับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มในส่วนที่ยังเหลือการก่อสร้าง คาดว่าจะมีการจ้างงานอีกราว 30,000 คน มูลค่าการซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างจะไม่ต่ำกว่า 80,000 ล้านบาท รวมเงินลงทุนทั้งระบบประมาณ 1 แสนล้านบาท จะช่วยให้จีดีพีของประเทศเติบโต 0.01%

นายสุริยะ ย้ำด้วยว่านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะยังคงเดินหน้าต่อไป โดยในเดือนกรกฎาคมนี้จะมีการออก พ.ร.บ.ตั๋วร่วมซึ่งจะต้องเสนอต่อ ครม.และสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออนุมัติ และภายในปีนี้จะมีการสั่งซื้อรถไฟฟ้าสายสีส้มกว่า 30 ขบวน คาดว่าจะส่งมอบรถได้ภายในระยะเวลา 2-3 ปีนับจากนี้

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร แบ่งเป็นส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรม แห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์)) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี) และส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย)ซึ่งหลังจากการลงนามก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มแล้ว ต่อไปจะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเทา ขึ้นมาอีกหนึ่งสายซึ่งทางกรุงเทพมหานคร ต้องการโอนมาให้ รฟม.เป็นผู้ดำเนินการ

สะพัด! โซเชียลจีนลือหึ่ง'ปธน.สี จิ้นผิง' ป่วยหนักหลอดเลือดในสมองตีบ

18 กรกฎาคม 2567 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดข่าวลือแพร่สะพัดบนโลกออนไลน์ของประเทศจีน แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันออกมาอย่างแน่ชัด ว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อาจป่วยเป็นโรคหลอดเลือดในสมองตีบ หรือ สโตรก ระหว่างการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 3 ซึ่งเขาเป็นประธานการประชุม ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลาง

ถึงแม้ว่าสื่อกระแสหลักของโลกยังไม่มีการรายงานข่าวนี้แต่อย่างใด และในปี 2565 ก็เคยเกิดข่าวลือว่า 'สี จิ้นผิง' ถูกรัฐประหารยึดอำนาจ หลังจากเขาหายหน้าไปจากสาธารณะระยะหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ได้รับการยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง

นางเจนนิเฟอร์ จาง นักข่าวด้านสิทธิมนุษยชน เป็นต้นกำเนิดข่าวลือล่าสุดนี้ โดยเธอโพสต์บนยูทูบ อ้างคำพูดของนายจางหมิง ศาสตราจารย์และหัวหน้างานระดับปริญญาเอก ของคณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของ มหาวิทยาลัยเหรินหมิน ซึ่งจู่ๆ ก็โพสต์ข้อความว่า “มีอะไรที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น” โดยไม่ขยายความต่อแต่อย่างใด

เธอยังอ้างรายงานของนายซู เสี่ยวโหว นักข่าวชาวจีนซึ่งมีผู้ติดตามบนยูทูบ 1.79 แสนคน ว่า จู่ๆ 'สี จิ้นผิง'ก็เกิดอาการหลอดเลือดสมองตีบขณะร่วมประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 3 และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที เธออ้างด้วยว่ามีผู้ใช้งานยูทูบคนอื่นๆ ก็รายงานข่าวไปในทำนองเดียวกัน