"นิวสวีค" ชู "ยิ่งลักษณ์" ยอดหญิงนักสู้ของโลก
นิตยสารนิวสวีคและเว็บไซต์ thedailybeast.com ของสหรัฐจัดอันดับสุดยอดผู้หญิงนักสู้ของโลก 150 คน เนื่องในวันสตรีสากล ภายใต้ชื่อว่า 150 ผู้หญิงที่ไร้ความหวั่นเกรง เป็นการรวบรวมรายชื่อของผู้หญิงที่เป็นทั้งผู้นำประเทศ ผู้นำรัฐบาล แกนนำการประท้วงทั้งในเมืองใหญ่และหมู่บ้านเล็ก ๆ ผู้หญิงที่ต่อสู้ทั้งทางด้านการศึกษา ธุรกิจ และการคอร์รัปชั่น ผู้หญิงที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และลบล้างแนวความคิดผิดๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานชีวิต และสิทธิมนุษยชน โดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงของไทย และ น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร ผอ.เว็บไซต์ประชาไท ติดอันดับอยู่ด้วย
นิวสวีค ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ด้วยการหาเสียงชูนโยบายการกำจัดปัญหาความยากจน ด้วยการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ สร้างรถไฟความเร็วสูง และแจกคอมพิวเตอร์ฟรีให้นักเรียนทุกคน แม้จะไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองมาก่อนเข้ารับตำแหน่ง แต่ก็เป็นแรงบันดาลใจในความหวังเรื่องการปรองดอง ในประเทศที่เจอปัญหาการประท้วงทางการเมืองที่รุนแรงมานาน 2 ปี
ขณะที่ น.ส.จีรนุช ได้รับการยกย่องว่า เธอถูกจับกุมเนื่องจากกระทำในสิ่งที่หลายคนทำในชีวิตประจำวัน นั่นคือ การเขียนและแบ่งปันข่าวสารในโลกออนไลน์ ผอ.เว็บไซต์ข่าวประชาไทจากเมืองไทย กลายเป็นนักรณรงค์ระดับนานาชาติว่าด้วยประเด็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของสื่อ ซึ่งถูกเซ็นเซอร์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทย จีรนุชผู้ได้รับรางวัลสื่อมวลชนที่กล้าหาญ ต้องเผชิญหน้ากับโทษจำคุกที่อาจยาวนานถึง 20 ปี แต่เธอก็ยังมุ่งขับเน้นให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของเสียงเสรีอันปราศจากความเกลียดชังในโลกออนไลน์ต่อไป
อเมริกันตรวจสอบเข้ม แหล่งเงินนักธุรกิจไทย
"เลขาฯปปง." ชี้นักธุรกิจไทยจะถูกสอบที่มาเงินลงทุนในอเมริกามากขึ้น หลังไทยถูก FATF ประกาศขึ้นบัญชีดำเป็นประเทศต้องเฝ้าระวังฟอกเงิน เตรียมยกร่างกม. 2 ฉบับที่เกี่ยวข้อง หลังปลดล็อคจากบัญชีดำ
9 มี.ค.2555พ.ต.ท.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กล่าวถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกรายงานประจำปีโดยกำหนดให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 66 ประเทศ ที่จะต้องจับตามองเรื่องการฟอกเงินว่า การประกาศของประเทศสหรัฐฯเป็นไปตามคำประกาศสาธารณะของ FATF (Financial Action Task Force on Money Laundering) ระบุว่าประเทศไทยเสี่ยงต่อการฟอกเงิน ซึ่งจะส่งผลให้การทำธุระกรรมทางการเงินของนักธุรกิจไทประเทศไทยไปประเทศสหรัฐจะจ้องถุูกตรวจข้อเท็จจริงในเชิงลึกมากขึ้น และคาดว่าหลังจากนี้ อีกหลายประเทศก็จะออกประเทศเตือนตามประเทศหรัฐฯ
"อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้ปปง.กำลังเร่งแก้ไขกฎหมาย และวิธีปฎิบัติให้สอดรับกับสิ่งที่ FATF กำหนด และกำลังเร่งแก้ไขกฎหมายสองฉบับ ได้แก่การยกร่างแก้ไขพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทั้งฉบับ และสองการออกกฎหมายต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย แต่การยกร่างกฎหมายจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร เพราะเราต้องนำเอาหลักกฎหมายสากลมากำหนดให้เป็นกฎหมายไทย" เลขาธิการ ปปง.กล่าว
นพดลฉะผู้ตรวจการฯล้ำเส้น ติยิ่งลักษณ์ตั้ง 'ณัฐวุฒิ-นลินี'
"นพดล" ฉะผู้ตรวจล้ำเส้น ตินายกฯตั้ง "ณัฐวุฒิ-นลินี" ชี้เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ต้องให้เกียรติ ตอกกลับทั้ง 2 คนยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงไม่มีอะไรขัดประมวลจริยธรรม ลั่นขึ้นอยู่กับนายกฯ แจงภายใน 30 วันหรือไม่ ...
วันที่ 9 มี.ค. นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินมีความเห็นกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ นางนลินี ทวีสิน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ทำตามประมวลจริยธรรมอย่างรอบคอบว่า เดิมทีแนวคิดการตั้งผู้ตรวจการแผ่นดินขึ้นมาเพื่อดูการกระทำที่ผิดกฎหมายของข้าราชการประจำ และข้าราชการการเมืองบางส่วน ไม่มีเจตนารมณ์มุ่งหมายให้มาข้องเกี่ยวในเรื่องอำนาจการแต่งตั้งบุคคลของนายกรัฐมนตรี เพราะส่วนนั้นเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ต้องให้เกียรติ และเคารพการตัดสินใจของนายกฯ ถ้ามันไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดินก็ไม่ควรสร้างมาตรฐานแบบเทียมๆ ให้สูงขึ้นมาอีก เรื่องที่บอกว่ามีปัญหาเรื่องจริยธรรม เสื่อมเสียเกียรติภูมิประเทศนั้น เป็นเรื่องที่ถกเถียงไม่รู้จบ ความจริงนายณัฐวุฒิยังเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะยังไม่มีการตัดสินคดีความ ในขณะที่นางนลินี ที่ถูกสั่งห้ามทำธุรกรรมกับสหรัฐอเมริกา ก็เป็นการตัดสินใจของกระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาฝ่ายเดียว นางนลินีเองก็ยังไม่มีโอกาสชี้แจง ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการศาลที่รับฟังความ 2 ด้าน จึงต้องสันนิษฐานไว้ก่อนเช่นกันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าวจึงไม่มีอะไรขัดประมวลจริยธรรม นายกฯตัดสินใจด้วยความรอบคอบแล้ว
นายนพดล กล่าวต่อว่า ส่วนตัวคิดว่าผู้ตรวจการแผ่นดินควรทำหน้าที่อยู่ในกรอบของตัวเอง วันนี้เดินล้ำเส้นออกมาไกลพอสมควร ทั้งยังไม่มีความรอบคอบในการพิจารณาบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ไม่ให้ความสำคัญหลักกระบวนการยุติธรรม นิติธรรมพื้นฐาน กรณีที่บอกให้นายกฯ ต้องชี้แจงเรื่องนี้ภายใน 30 วันนั้น ก็ขึ้นอยู่กับนายกฯ ว่าจะดำเนินการหรือไม่ แต่เชื่อว่านายกฯคงให้ความร่วมมือไม่ว่าองค์กรใด ซึ่งการชี้แจงเรื่องนี้ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง.
