ข่าว
รัฐบาลจีนเปิดทางให้ ปชช.ถ่ายคลิปตำรวจระหว่างปฏิบัติหน้าที่ได้

สำนักข่าวซีเอ็นเอรายงานเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม รัฐบาลจีนประกาศอนุมัติให้พลเรือนชาวจีนสามารถที่จะบันทึกภาพเคลื่อนไหวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตราบใดที่ไม่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ หลังมีความตื่นกลัวถึงความโหดร้ายของเจ้าหน้าที่เพิ่มสูงขึ้น

ซีซีทีวี สื่อทางการจีนระบุถึงคำสั่งนี้อีกว่า “เจ้าหน้าที่ตำรวจควรยอมรับการจับตาดูจากสาธารณะและควรเคยชินต่อการปฏิบัติหน้าที่หากพลเรือนทำการบันทึกภาพการกระทำต่างๆ ของเจ้าหน้าที่โดยมิได้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่” อย่างไรก็ตาม ไม่มีการระบุชัดเจนว่าจะบังคับใช้คำสั่งนี้อย่างไร

การตัดสินใจออกคำสั่งนี้มีขึ้นท่ามกลางกระแสหวาดกลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจในประเทศจีน นับตั้งแต่เมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ที่นายเล่ย หยาง ชาวปักกิ่ง วัย 29 ปี เสียชีวิตระหว่างถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว หลังถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเรียกตรวจ

เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า นายเล่ย หยาง เสียชีวิตเนื่องจากหัวใจวายเฉียบพลัน แต่การชันสูตรศพพบว่าเขาเสียชีวิตเนื่องจากการสำลักจากของเหลวในกระเพาะ

เปิดใจนางงามสู้ชีวิต “น้ำตาล-ชลิตา” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016

ชีวิตเปลี่ยนในชั่วข้ามคืนสำหรับ “น้ำตาล” นางสาวชลิตา ส่วนเสน่ห์ อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สาวบางพลีจังหวัดสมุทรปราการ ที่ชนะใจกรรมการคว้ามงกุฎ “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016” ไปครองเป็นคนที่ 15 ของประเทศไทย คว้าตั๋วไปประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2016 ที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา นอกจากคว้ารางวัลสูงสุดบนเวทีนี้ได้แล้ว น้ำตาลยังคว้ารางวัลชุดไทยสร้างสรรค์หรือครีเอทีฟไทย จากชุดชุ่มฉ่ำมหาสงกรานต์ ที่ฉีกแนวชุดของเพื่อนๆ อีก 39 คนได้สำเร็จ กับชุดไทยโจงกระเบน คลุมพลาสติก และปืนฉีดน้ำประดับคริสตัลสุดเก๋ไก๋ ทำเอาชนะใจกรรมการได้ไม่ยาก

น.ส.ชลิตา เปิดใจว่า ดีใจมากที่ได้รับตำแหน่งนี้ ตอนที่เหลืออยู่ 2 คน ก็แอบเชียร์เพื่อนเพราะเพื่อนสวย มีความสามารถ เมื่อประกาศชื่อเราก็รู้สึกว่าทุกอย่างมืดไปหมด ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคนที่เห็นศักยภาพในตัวของน้ำตาลเอง ส่วนจากนี้ก็คงต้องฟิตร่างกายโดยเฉพาะต้นขา และหน้าท้อง ให้เฟิร์มมากขึ้นเพื่อไปประกวดในปีหน้า และเตรียมจะแต่งหน้าไปรำแก้บนที่พระพรหม เอราวัณ ราชประสงค์ กับลูกพี่ลูกน้อง ส่วนคุณแม่ก็มีไปบนกับกรมหลวงชุมพร ว่าจะจุดประทัด 1 แสนดอก น.ส.ชลิตา ยังเปิดเผยอีกว่า ที่บ้านมีฐานะปานกลาง คุณพ่อเป็นพนักงานขับรถให้นายที่บริษัท ส่วนคุณแม่เมื่อก่อนก็เป็นแม่บ้าน ตาลผ่านอะไรมาเยอะกับคุณแม่ ตอนเด็กๆ ทุกปิดเทอม ตาลจะออกมาหางานพิเศษทำตั้งแต่ ป.4 ช่วยทำงานบ้านให้นายบ้าง โตขึ้นหน่อยก็มาเป็นเด็กเสิร์ฟ ที่สนามบินสุวรรณภูมิบ้างเพื่อเป็นการฝึกภาษา หากไม่มาประกวดครั้งนี้ก็คงจะทำงานพิเศษอยู่ เงินที่ได้ก็นำไปให้คุณพ่อคุณแม่ ตาลเชื่อว่านี่คือการฝึกความอดทนในชีวิตตาลอย่างหนึ่งให้รู้จักต่อสู้เพื่อตัวเอง


วุ่นทั้งเมืองหา'หมอเปรม' ไขปมแต่งเงียบนร.สาวม.5

ตามที่โลกออนไลน์แชร์ภาพ ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตพระเปรมศักดิ์ เปมสกฺโก และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ขอนแก่น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น สวมเสื้อสีชมพูสดใสกำลังนั่งให้ผู้เฒ่าผู้แก่ ผูกข้อไม้ข้อมืออยู่ในบ้านหลังหนึ่ง โดยมีหญิงสาววัยรุ่นนั่งประกบให้ผูกข้อมืออยู่ด้านข้างด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีเงินสดจำนวนหนึ่งรวมทั้งพระพุทธรูปวางอยู่บนพานทอง พร้อมกับมีข้อความอ้างตามมาว่า เป็นพิธีที่หมอเปรมศักดิ์ เดินทางมาสู่ขอหญิงสาววัยรุ่นซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งแบบเงียบๆ และไม่ใช่การหมั้นหมาย แต่เป็นการแต่งงานไปในคราวเดียว ส่วนค่าสินสอดเงินสด 4 แสนบาท พร้อมกับรถเก๋งโตโยต้า วีออส อีกหนึ่งคัน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

คืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ก.ค. ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อสอบถามไปยัง ดร.นพ.เปรมศักดิ์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้เดินทางไปยังที่ สภ.บ้านไผ่ เพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีการลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับการแต่งงานครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งได้รับการยืนยันว่า ไม่มีการลงประจำวันไว้ และไม่มีผู้เสียหายในเรื่องดังกล่าวมาแจ้งความแต่อย่างใด ขณะเดียวได้สอบถามไปยังโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลเมืองบ้านไผ่ ตามที่ระบุว่าเจ้าสาวนักเรียนชั้น ม.5 เรียนอยู่ แต่ทางโรงเรียนบอกเพียงว่าไม่ทราบเรื่อง จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังที่สำนักงานเทศบาลเมืองบ้านไผ่ สถานที่ทำงานของ ดร.นพ.เปรมศักดิ์ เมื่อเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่หลายแผนก ทุกคนปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็น และไม่ทราบว่าท่านนายก ได้แต่งงานกับสาวนักเรียน ม.5 เรื่องนี้ไม่ขอพูด หรือวิจารณ์เพราะเป็นสิทธิส่วนตัว ซึ่งต้องให้ท่านเป็นผู้ให้ข่าวเองเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทราบว่า ดร.นพ.เปรมศักดิ์ ต้องเดินทางไปเปิดงานในเขตเทศบาลเมืองบ้านไผ่ ผู้สื่อข่าวต่างพากันไปนั่งรออยู่นานถึง 2 ชั่วโมง แต่ก็ไม่พบ.


“หมอท็อฟฟี่” นายแพทย์สาว ผอ.รพ.กุดข้าวปุ้น

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม เกิดกระแสการแชร์ภาพสาวสวย หน้าตาน่ารักรายหนึ่ง โดยระบุว่าเป็น ผอ.โรงพยาบาลกุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี นพ.ศุภฤกษ์ ศรีคำ ปัจจุบันสังกัดกลุ่มงาน องค์กรแพทย์ ประเภทข้าราชการ ตำแหน่งบริหารผู้อำนวยการโรงพยาบาล

นพ.ศุภฤกษ์ หรือ ท็อฟฟี่ อายุ 31 ปี โดยคุณหมอสุดสวยได้เปิดเผยว่า เป็นคนจังหวัดอุบลราชธานี มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน มีพี่ชายและพี่สาวส่วนหมอเองเป็นลูกคนสุดท้อง จบการศึกษาจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเมื่อปี พ.ศ.2553 เป็นหลักสูตรขอนแก่นสรรพสิทธิ เป็นโครงการผลิตแพทย์เพื่อชนบท และเข้ารับราชการในปีเดียวกัน เคยเป็นแพทย์หมุนเวียนที่โรงพยาบาล นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี 3 เดือน และย้ายมาประจำอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี 1 เดือน จากนั้นก็มารับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลกุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2554 จนถึงปัจจุบัน ส่วนในเรื่องของการแต่งกายเป็นหญิงปัจจุบันก็เปิดเผย ซึ่งคนไข้บางคนก็ทราบ แต่บางคนจะไม่ทราบถ้าตนไม่พูด

สำหรับแรงบันดาลใจที่จะแปลงเพศเป็นหญิง นพ.ศุภฤกษ์กล่าวว่า ก็เหมือนกับการที่เราอยากเป็นหมอตั้งแต่เด็ก ความฝันเราก็ยากสวย อยากเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่เด็กเหมือนกันเช่นเดียวกัน เราทำความฝันที่อยากเป็นหมอได้แล้ว พอเราเป็นหมอเรามีกำลังทรัพย์ทุกอย่างที่พร้อม ที่เราจะทำตามความฝันในเรื่องที่เราอยากสวย อยากเป็นผู้หญิง นพ.ศุภฤกษ์กล่าวอีกว่า เคยมีคนรู้ใจ มีคนมาจีบมาชอบบ้าง อยู่ในวงการแพทย์ด้วยกัน แต่ทุกวันนี้ทำแต่งานไม่มีเวลา สำหรับเรื่องการทำสวยและแปลงเพศ อยู่ในวงการแพทย์จริงๆก็มีอยู่เยอะแต่ไม่ค่อยแสดงตัว ซึ่งแต่งหญิงเลยที่ดังๆก็เป็น “หมอนนนี่” มีชื่อตามบัตรประชาชนว่า นายแพทย์อานนท์ จิตชาติ อายุ 26 ปี เป็นคนศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ที่เคยประกวดมิสทิฟฟานี่ หมอฟันที่เป็นทันตแพทย์ของอุบลฯ ก็มี


เจ้าคุณประสารปลุกพระทั่วโลก

24 ก.ค.59 พระเมธีธรรมาจารย์ (เจ้าคุณประสาร จนฺทสาโร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว "พระเมธีธรรมาจารย์ - เจ้าคุณประสาร" โดยระบุว่า

กราบเรียนคณะสงฆ์ เจ้าคณะพระสังฆาธิการ พระภิกษุสามเณร ทุกรูป ทั้งที่อยู่ในประเทศ และพระธรรมทูตในต่างประเทศทั่วโลก ในนามองค์กรพุทธและภาคีเครือข่ายชาวพุทธทั่วประเทศ อยากกราบเรียนให้ทราบว่า บัดนี้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวงการคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนาในประเทศไทยนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ เหตุเพราะมีกลุ่มคนหลายกลุ่ม หลายพวก และหลากหลายอำนาจ มารวมตัวกันเฉพาะกิจในการทำภารกิจพิเศษเพื่อไล่ต้อนคณะสงฆ์ให้จนมุม วิธีการเริ่มจากการสร้างเรื่อง สร้างสถานการณ์ และสร้างเหตุการณ์ทั้งหลายทั้งปวงให้เห็นว่า พระสงฆ์และคณะสงฆ์มีแต่เรื่องเลวร้าย เลวร้ายมากจริงๆ แล้วก็ชี้โทษประจาน

จากนั้นก็โยนบาปนั้นๆ มาให้คณะสงฆ์โดยรวม แล้วประจานให้สังคมไทยมองเห็นว่าภายใต้การปกครองของคณะสงฆ์ในปัจจุบัน ล้วนประสบปัญหาด้านความเสื่อมถอยมากมาย จากนั้นก็ชี้นำว่าหากภาครัฐไม่เข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยการปฏิรูปโครงสร้างการปกครองคณะสงฆ์ทั้งระบบแล้ว โดยหากขืนปล่อยให้มีการปกครองกันเองแบบนี้ก็มีแต่ความเน่าเฟะ และมีแต่จะนำความเสื่อมมาสู่คณะสงฆ์และพระพุทธศาสนา ดังนั้น แผนการทั้งหลายทั้งปวงของกลุ่มเหล่านี้จึงบังเกิดขึ้น เกิดขึ้นเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อสร้างเรื่อง สร้างปัญหา เช่น เรื่องรถโบราณ เรื่องของ มส. เรื่อง พ.ร.บ.สงฆ์ เป็นต้น

วันนี้ ผมอยากกราบเรียนพระสงฆ์ทั่วประเทศ และที่เป็นพระธรรมทูตอยู่ทั่วทุกมุมโลกว่า ได้โปรดตื่นได้แล้ว ตื่นได้แล้วครับ ตื่นๆๆ อย่ามัวหลับใหลอยู่เลย ประมุขสงฆ์ องค์กรสงฆ์ พระสงฆ์ คณะสงฆ์ และพระพุทธศาสนาถูกย่ำยีอย่างหนัก ถูกย่ำยีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เราจะนิ่งดูดายต่อไปแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว


“จตุรงค์” ปรี๊ด! ถ่ายตร.ขณะค้นรถ เจอห้าม บอกเป็นสิทธิ

“ผมผ่านด่านแถวๆพะเยามา คู่หูแวะห้องน้ำเห็นตำรวจหลายนายรุมไขประตูรื้อของในรถทั้งคัน แล้วพาชายคนขับกับเพื่อนไปห้องน้ำ ด้วยว่างจึงไปถามว่า สงสัยมียาหรือครับ ตำรวจเงยหน้ามอง บอก อื้อ ผมก็ถามผู้หญิง เขาว่ามาจากเชียงรายไปกรุงเทพ แล้วดูสภาพ ก็ปกติ จึงบอกว่า ถ้าไม่มีอะไร ตำรวจจะค้นทำไมมาก เธอว่าไม่รู้เหมือนกัน ทุกด่านเลย ก็เอามือถือถ่ายเล่นๆ เท่านั้น ร.ต.ท.นายหนึ่งก็ออกมาจากป้อม ไม่พอใจถามว่า คุณถ่ายอะไร ผมตอบว่า ถ่ายตำรวจทำงานครับ เขา ไม่พอใจต่อว่า แล้วขออนุญาตหรือยัง ผมก็ปรี๊ด ต้องขออนุญาตถ่ายภาพกับมือถือด้วยหรือครับ ร้อยโท บอกถ่ายไม่ได้ คุณเกี่ยวอะไร ผมบอกผ่านมาแล้ว ก็ถ่ายไว้ ถ้าพบยาเสพติดจะได้ทำข่าวว่า พบการลักลอบขนยาเสพติด

จากนั้นคู่หูผมเดินมา บอกไปว่ามาจากทำข่าวครับผ่านมา ผมก็บอกว่า ทำไมประชาชนจะถ่ายภาพ จนท.ทำงานไม่ได้ ถ้าบริสุทธ์ เขาก็โวยวายว่า เป็นสิทธิ ผมถามว่า สิทธิอะไร ประชาชน ก็มีสิทธิปกป้องตัวเองเหมือนกัน แล้ว ผมจะรอจนกว่า จะค้นเสร็จว่า พบไหม ถ้าพบเอามาจากไหนอย่างไร ผมจะอยู่เป็นเพื่อนจนจบ แล้ว ถ้าพบผมจะไปเอากล้องกับบัตรนักข่าวมาแสดง ทำข่าวผลงานตำรวจชุดนี้ แต่ถ้า เขา ถูกปรักปรำผมก็จะเป็นพยานให้เขา ชายคนขับออกมา แล้วคงจำผมได้ ผมบอกว่า ผมไม่ได้กีดขวางการทำงานแน่ๆ เพราะอยู่ห่างๆกัน

ผู้ชายคนขับ เดินไปหาร้อยโทคนเดิม บอกว่า พี่ยังไม่ได้ตรวจฉี่ผมเลยนะครับ เขาตอบแบบหัวเสียว่า ไม่ตรวจแล้ว ตำรวจที่ค้นๆก็กลับมา ผมบอกตำรวจว่าจะถ่ายรูปผมคืนก็ได้นะ จะได้หายกัน เขาไม่ตอบผม แล้วบอกว่า แล้วคุณถ่ายแบบนี้ทำไม ผมบอกว่า เวลาผมถ่ายเล่นๆกับมือถือ แบบนี้ เขาเรียกว่าเชลฟี่ครับ เซลฟี่ เขาเอาไว้ลงเฟชครับ ไม่ได้ลงข่าว ตำรวจค้อนขวับไป คนขับรถก็ยกมือสวัสดี เท่านั้น ผมจึงรู้ว่า ทำไม จึงถูกรื้อค้นมากมาย ก็เพราะเขาสวมสร้อยข้อมือทองคำเส้นหนาใหญ่มากนั่นเอง จึงกลายเป็นพิรุธหรืออะไร ให้คิดได้ ผมแนะนำให้ถอดออกไม่ทัน แต่ขอเตือนท่านต่อไป เดินทางไกล อย่า สวมของมีค่า หรือ ทองคำ ให้เป็นที่สะดุดตา เพราะจะเป็นอันตรายกับตัวท่านเอง ท่านเจอโจรกลางถนนน้อยกว่าด่านแน่นอน เชื่อผม..”


สร้างประวัติศาสตร์ เดโมแครตรับรองฮิลลารีชิงตั๋วปธน.มะกันแล้ว

ที่ประชุมพรรคเดโมแครตให้การรับรองนางฮิลลารี คลินตัน เป็นผู้ตัวแทนผู้สมัครพรรคชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้ฮิลรารีกลายเป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโดยพรรคหลักของประเทศ ทั้งนี้ฮิลลารีได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการหลังการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งตัวแทนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตกับนายเบอร์นี แซนเดอร์ ซึ่งทำหน้าที่เสนอชื่อฮิลลารีต่อที่ประชุมพรรคเดโมแครต ขณะที่นายบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นสามีของฮิลลารีจะขึ้นกล่าวถ้อยแถลงเพื่อสนับสนุนฮิลลารีด้วย ทั้งนี้หากฮิลลารีชนะเลือกตั้งจะไม่เพียงแต่สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐเท่านั้น แต่ยังจะเป็นครั้งแรกที่คู่สามีภรรยาได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีทั้งสองคนอีกด้วย

ไอเอสกดระเบิดฆ่าตัวตายกลางกรุงคาบุลดับเฉียดร้อย

กลุ่มไอเอสแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย 2 ลูก ที่ถูกจุดขึ้นในบริเวณที่มีการชุมนุมของชนกลุ่มน้อย ฮาซารา ที่นับถือศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยของอัฟกานิสถานที่กำลังชุมนุมประท้วงอย่างสงบเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลปรับแนวเส้นทางการวางสายไฟฟ้าแรงสูงเลี่ยงพื้นที่ของกลุ่ม ในกรุงคาบุล เมืองหลวงอัฟกานิสถาน เมื่อวันเสาร์ (23 ก.ค.) ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่ามือระเบิด 2 คน จุดระเบิดฆ่าตัวตายท่ามกลางฝูงผู้ชุมนุมใกล้กับมหาวิทยาลัยคาบุล และ รัฐสภาอัฟกานิสถาน ส่วนมือระเบิดคนที่สามที่สวมเข็มขัดระเบิดเช่นเดียวกันถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงยิงเสียชีวิตก่อนที่จะจุดระเบิดด้านโฆษกกระทรวงสาธารณสุขอัฟกานิสถานเปิดเผยว่าผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้อยู่ที่ 80 ราย บาดเจ็บกว่า 260 คน ที่ผ่านมาเหตุรุนแรงในอัฟกานิสถานหลายต่อหลายครั้งเป็นฝีมือของกลุ่มตาลีบัน ที่เคยปกครองอัฟกานิสถาน แต่ถูกรัฐบาลประชาธิปไตยที่ได้รับการสนับสนุนโดยสหรัฐอเมริกาโค่นล้มอำนาจ แต่เหตุร้ายแรงเมื่อวันเสาร์ที่ถือว่าเป็นเหตุรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประเทศ กลับเป็นฝีมือของกลุ่มไอเอส