อัฟกานิสถานระทึกอีก! – บีบีซี รายงานวันที่ 5 ก.ย. ว่า เกิด แผ่นดินไหว ขนาด 5.6 ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ อัฟกานิสถาน เมื่อเวลา 20.56 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 4 ก.ย. นับเป็นแผ่นดินไหวครั้งที่ 3 ในรอบ 6 วัน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวครั้งแรกยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง...
สำนักงานประสานงานกิจการด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (โอเอชซีเอ) ระบุว่าแผ่นดินไหวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 ส.ค. ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,368 ราย และบาดเจ็บอีก 2,180 ราย ส่วนแผ่นดินไหวครั้งที่สองขนาด 5.5 เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ทำให้ภารกิจกู้ภัยต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว...
รายงานระบุว่าแผ่นดินไหวระดับตื้นครั้งที่สามส่งผลกระทบต่อประชาชนในจังหวัดนันการ์ฮาร์และจังหวัดคูนาร์ที่พากันวิ่งหนีแตกตื่นออกจากศูนย์พักพิงด้วยความหวาดกลัว เบื้องต้นจ้าหน้าที่แพทย์ท้องถิ่นเปิดเผยว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 17 คนและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลประจำจังหวัดคูนาร์แล้ว...
รัฐบาลตาลีบัน ระบุว่า ภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาและดินถล่ม ทำให้การเข้าถึงหมู่บ้านห่างไกลเป็นไปอย่างยากลำบาก การช่วยเหลือส่วนใหญ่ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ และยังมีอาฟเตอร์ช็อกต่อเนื่องหลายครั้ง โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.5 จนต้องหยุดปฏิบัติการกู้ภัยชั่วคราว
ฮัมดุลลอห์ ฟิตรัต รองโฆษกรัฐบาลตาลีบัน เปิดเผยว่าการค้นหาและช่วยเหลือยังคงดำเนินต่อไป โดยทางการได้ตั้งเต็นท์พักพิงในหลายพื้นที่ พร้อมแจกจ่ายสิ่งของยังชีพและการแพทย์เบื้องต้นแล้ว
แม้รัฐบาลตาลีบันจะยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากนานาชาติ ยกเว้นรัสเซีย แต่ได้ออกแถลงการณ์ขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศ โดยสหประชาชาติ (UN) ได้จัดสรรงบฉุกเฉินช่วยเหลือแล้ว ขณะที่ สหราชอาณาจักร ให้คำมั่นว่าจะมอบเงินช่วยเหลือมูลค่า 1 ล้านปอนด์ หรือกว่า 43 ล้านบาท
อัฟกานิสถานตั้งอยู่บนแนวรอยเลื่อนระหว่างแผ่นเปลือกโลกอินเดียและยูเรเซีย ทำให้เกิดแผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง โดยในปี 2023 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 ที่เมืองเฮราต์ คร่าชีวิตกว่า 1,400 คน ขณะที่ในปี 2022 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.9 ที่ภาคตะวันออก คร่าชีวิตกว่า 1,000 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 3,000 คน
ดื่มด่ำอาหารและวัฒนธรรมไทย ริมหาดซานตาโมนิก้ากับเทศกาล Thai Fest by the Beach ที่ซานตาโมนิกา รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นงานวัฒนธรรมที่เฉลิมฉลองอาหารไทย วัฒนธรรม และศิลปะ จัดขึ้นที่บริเวณท่าเรือซานตาโมนิกา (Santa Monica Pier) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา เป็นปีที่ 2 ปีนี้จะจัดขึ้น ในวันที่ 20 – 21 กันยายน 2025 และชุมชนไทยมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมฉลองครบรอบ 150 ปี ของเมือง ซานตาโมนิก้า รัฐแคลิฟอร์เนียภาคใต้ อีกด้วย
เมื่อรสชาติไทย ของอาหารไทย พบกับแสงแดดที่สดชื่นของรัฐ แคลิฟอร์เนีย ย่อมนำความสุขใจมาให้ทุกๆคน
ไฮไลท์ของงาน 🇹🇭
อาหาร: หัวใจหลักของงานคืออาหารไทยแท้ๆ ที่มีผู้ประกอบการมาร่วมออกร้านมากมาย มีทั้งอาหารยอดนิยมอย่าง ผัดไทย และ ข้าวเหนียวมะม่วง ไปจนถึงอาหารท้องถิ่นมากมาย มีการออกบู๊ทขายผลิตภัณฑ์ สินค้าไทย เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ
การแสดงทางวัฒนธรรม: ภายในงานมีการแสดงดนตรีและนาฏศิลป์ไทยแบบดั้งเดิม รวมถึงการแสดง มวยไทย เพื่อนำเสนอศิลปะและมรดกทางวัฒนธรรมอันรุ่มรวยของไทย
กิจกรรม: งานนี้ออกแบบมาให้ทุกคนในครอบครัวได้สนุกสนาน มีกิจกรรมและจุดถ่ายภาพต่างๆ เป็นสถานที่ที่คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของประเทศไทยโดยไม่ต้องเดินทางไปไกล
วัตถุประสงค์: เทศกาลนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ เช่น สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ทั้งทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ เพื่อดึงดูดชาวอเมริกันให้เดินทางมาเที่ยวเมืองไทย และเพื่อแสดงถึงชุมชนชาวไทยที่เข้มแข็งในภาคใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย
งานนี้จะนำประโยชณ์ให้ทั้งชุมชนไทยที่จะเป็นซอฟท์เพาเวอร์ให้กับประเทศไทย และเมืองซานตาโมนิก้า ในรัฐแคลิฟอร์เนียภาคใต้ อีกด้วย
(มาดาม Super Pat รายงาน)
ทูลเกล้าฯ ชื่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ย.) จากนั้นรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ตามขั้นตอนต่อไป
วันที่ 5 ก.ย. 68 หลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติโหวตให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านต่อ : ผลโหวตนายก มติสภาฯ เห็นชอบให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” จากภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32)
ล่าสุด นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ลงนามรับรองชื่อนายอนุทิน และจะนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ในวันที่ 6 ก.ย.นี้ เพื่อรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ตามขั้นตอนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง นายกฯ คนใหม่จะคัดเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ และหลังมีพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี ครม.ชุดใหม่ จะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อไป
"อนุทิน" เปิดใจหลังได้รับโหวตเป็น นายกฯ พร้อมขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่สนับสนุน
เปิดใจครั้งแรกหลังได้รับโหวตเป็นนายกฯ "อนุทิน" ขอบคุณ "พรรคประชาชน" และทุกคะแนนเสียงที่สนับสนุน พร้อมทำงานทุกวันให้คุ้มค่าที่สุด
เมื่อเวลา 17.10 น. วันที่ 5 ก.ย. 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในฐานะ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของไทย เปิดใจครั้งแรกหลังได้รับเสียงโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ตั้งใจทำงานให้เต็มที่ เพราะเวลามีอยู่ไม่มาก ต้องทำงานทุกวันให้คุ้มค่าที่สุด ไม่มีวันหยุดนะ
ถามต่อว่า แบบนี้ต้องทำงานให้หนักขึ้นใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องทำงานหนักมาก ให้ปัญหาที่มีอยู่คลี่คลาย พร้อมยังกล่าวขอบคุณพรรคประชาชน และทุกเสียงที่สนับสนุน พร้อมตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ว่า “Move Forward to the Right Action,ส่วน โผ ครม. ได้ตกลงกับพรรคร่วมรัฐบาลใหม่แล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า ขอให้ใจเย็น แต่ทั้งนี้ทุกอย่างได้เตรียมการไว้หมดแล้ว
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะเดินทางไปเยี่ยมคุณพ่อ เพราะพ่อไม่ค่อยสบาย ไปกราบท่านก่อน และเดี๋ยวจะต้องกลับมาสภาฯ เพื่อลงมติ และยังจะต้องอยู่รักษาองค์ประชุม. Definitely” (แน่นอนว่าเราจะก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากสภาผู้แทนราษฎร ความเคลื่อนไหวการจัดตั้ง “ครม.อนุทิน 1” ก็ขยับทันที โดยมีการจัดสรรโควต้าตามจำนวนเสียงที่ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ร่วมกัน 146 เสียง ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย 12 เก้าอี้ พรรคกล้าธรรม 7 เก้าอี้ แบ่งเป็น 4 รัฐมนตรีว่าการ และ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ 4 เก้าอี้ เป็นกลุ่มนายสุชาติ ชมกลิ่น 4 ตำแหน่ง กลุ่มนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย 2 ตำแหน่ง และกลุ่มนายนิพนธ์ บุญญามณี 1 ตำแหน่ง และโควต้าคนนอก 5 เก้าอี้
สำหรับพรรคภูมิใจไทย อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.มหาดไทย ส่วน รมช.มหาดไทย มีชื่อ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ครั้งนี้จะได้รับโอกาสเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ด้าน นางศุภมาส อิศรภักดี นั่ง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ส่วนกระทรวงที่ต้องจับตาอย่างกระทรวงคมนาคม มีชื่อนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ นั่งเจ้ากระทรวง ขณะที่ นายภราดร ปริศนานันทกุล มีชื่อเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง นั่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
สำหรับโควต้าคนนอก 5 เก้าอี้ เริ่มมีการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับตำแหน่งแล้ว อาทิ รมว.คลัง มีชื่อ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วน รมว.พลังงาน มีชื่อนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
รมว.ต่างประเทศ มีชื่อของ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนกระทรวงพาณิชย์ มีกระแสข่าวว่ายังเป็นนายจตุพร บุรุษพัฒน์ และกระทรวงยุติธรรม ยังรอการทาบทาม
ขณะที่ พรรคกล้าธรรม 7 เก้าอี้ มีการเสนอชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม แต่ตำแหน่งนี้ก็มีความต้องการจากพรรคพลังประชารัฐด้วย ส่วน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็น นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ขณะที่ รมว.ศึกษาธิการ เป็น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์
ด้าน รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็น นายอัครา พรหมเผ่า ขณะที่รัฐมนตรีช่วย ยังไม่ได้ลงในรายละเอียด แต่มีชื่อของ นายองอาจ วงษ์ประยูร ส.ส.สระบุรี และนายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ เข้ามาชิง
ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ได้ 4 เก้าอี้ ซึ่งตอนนี้มีรายชื่อปรากฏ คือ นายสันติ พร้อมพัฒน์ ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข และอีก 1 เก้าอี้ที่เสนอขอ คือ ตำแหน่ง รมว.กลาโหม โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ได้นั่งเอง แต่จะส่ง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ เข้ามาดำรงตำแหน่ง ส่วนอีก 2 ตำแหน่งมีรายชื่อแล้วเป็นนางตรีนุช เทียนทอง กับนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดว่าจะนั่งกระทรวงใด
สำหรับกลุ่มนายสุชาติ ชมกลิ่น ชัดเจนแล้วว่าเจ้าตัวได้นั่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอีก 1 กระทรวงที่ได้โควต้า คือ รมว.อุตสาหกรรม มีชื่อ จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ คนสนิทนายสุชาติ ชมกลิ่น อย่างไรก็ตาม จะมีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีอีกครั้งช่วงค่ำนี้...
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารในวันนี้ (5 ก.ย.) เพื่อเปลี่ยนชื่อกระทรวงกลาโหม กลับไปใช้ชื่อเดิมในอดีตว่า "กระทรวงการสงคราม"
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า คำสั่งดังกล่าวจะอนุญาตให้ พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมคนปัจจุบัน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ในสังกัด สามารถใช้ชื่อตำแหน่งและชื่อหน่วยงานใหม่ เช่น "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสงคราม" ในการสื่อสารและเอกสารราชการได้ทันที พร้อมกันนี้ยังสั่งการให้เฮกเซธไปดำเนินการเสนอแก้กฎหมายเพื่อให้การเปลี่ยนชื่อมีผลถาวรต่อไป
แม้การเปลี่ยนชื่อกระทรวงจะต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา แต่พรรครีพับลิกันของทรัมป์ก็ครองเสียงข้างมากแบบปริ่มน้ำในทั้งสองสภา และที่ผ่านมาบรรดาแกนนำพรรคก็แทบไม่เคยคิดจะขวางแนวคิดริเริ่มใด ๆ ของทรัมป์
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เคยใช้ชื่อว่า "กระทรวงการสงคราม" มาก่อน จนกระทั่งปี 2492 หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐสภาได้ปฏิรูปโครงสร้างโดยรวมกองทัพบก เรือ และอากาศเข้าไว้ด้วยกัน นักประวัติศาสตร์ชี้ว่า การเปลี่ยนชื่อเป็น "กระทรวงกลาโหม" ในครั้งนั้น ก็เพื่อส่งสัญญาณว่าในยุคปรมาณู สหรัฐฯ มุ่งเน้นการป้องกันและยับยั้งสงครามมากกว่าการรุกราน
อย่างไรก็ตาม เสียงวิจารณ์ระบุว่าแผนการนี้ไม่เพียงแต่จะสิ้นเปลืองงบประมาณมหาศาลในการแก้ไขป้ายและหัวจดหมายของหน่วยงานทหารทั่วโลก แต่ยังเป็นเรื่องไม่จำเป็นที่เบี่ยงเบนความสนใจของเพนตากอนโดยใช่เหตุ ดังเช่นความพยายามของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่จะเปลี่ยนชื่อฐานทัพ 9 แห่งเพื่อลบชื่อนายพลฝ่ายสมาพันธรัฐ ก็มีค่าใช้จ่ายประเมินไว้ถึง 39 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่เฮกเซธจะสั่งยกเลิกโครงการดังกล่าวไปเมื่อต้นปีนี้
แทมมี ดักเวิร์ธ สมาชิกวุฒิสภาสังกัดพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นทหารผ่านศึกและกรรมาธิการการทหารของวุฒิสภา ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า "ทำไมไม่เอาเงินก้อนนี้ไปดูแลครอบครัวทหาร หรือจ้างนักการทูตมาช่วยป้องกันไม่ให้สงครามมันเกิดตั้งแต่แรกล่ะ"
"ก็เพราะทรัมป์คิดแต่จะใช้กองทัพเป็นเครื่องมือหาคะแนนเสียงทางการเมือง มากกว่าจะคิดเสริมสร้างความมั่นคงของชาติและดูแลเหล่าทหารหาญกับครอบครัวของพวกเขาน่ะสิ" ดักเวิร์ธกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์
ทั้งนี้ เฮกเซธเคยกล่าวไว้ว่า การเปลี่ยนชื่อกระทรวงฯ "ไม่ใช่แค่เรื่องของคำพูด แต่คือจิตวิญญาณของนักรบ"
ตัวทรัมป์เองเคยเปรยถึงเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนมิ.ย. โดยให้เหตุผลว่าชื่อเดิมถูกเปลี่ยนไปเพียงเพื่อให้มัน "ถูกต้องทางการเมือง" และเมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา ทรัมป์ก็ได้กล่าวว่า "เราจะทำเลย ผมมั่นใจว่าสภาจะเห็นด้วย ... กลาโหมมันฟังดูตั้งรับเกินไป เราอยากจะตั้งรับได้ แต่ก็ต้องรุกเป็นด้วยถ้าจำเป็น"
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012